xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่”ซัด"ปู"อย่าดราม่า “แม้ว”เชื่อมีเลือกตั้งเร็ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน 360 - "บิ๊กตู่" ตอก “ปู” อุทธรณ์ที่โดนเรียกค่าเสียหายจำนำข้าวเจ็งได้ ซัดให้หยุดจ้อผ่านสื่อ ไล่ไปชี้แจงกับศาล “วิษณุ” แจงเรียกค่าเสียหายอีก 80% รอรู้ตัวคนผิดก่อนค่อยนับอายุความ วอนอย่าตื่นเต้นข่าวลือทูลเชิญฯครองราชย์ ย้ำคำเดิม 2560 มีเลือกตั้ง ถ้าเลื่อนต้องเป็นคนอื่นพูด “บิ๊กป้อม” โดดเหยงไม่เกี่ยวข้องกลุ่มที่ตั้งพรรค "อธิปไตยปวงชนชาวไทย" ยันไม่คิดเล่นการเมือง “เยาวภา - สุดารัตน์” นำทีมพบ “ทักษิณ” ที่ดูไบ วิเคราะห์การเมืองเป็นฉากๆ เชื่อมีเลือกตั้งเร็วๆนี้ เตรียมตั้งพรรคสำรอง มั่นใจชนะแน่ แต่อาจไม่ได้ตั้งรัฐบาล

วานนี้ (25 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงการเรียกค่าเสียหายคดีโครงการรับจำนำข้าวจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นสิทธิที่สามารถเรียกร้อง หรือยื่นอุทธรณ์ ไม่ว่าใครก็ตาม หากอุทธรณ์ไม่ได้ ตามกระบวนการศาล ฝ่ายกฎหมายชี้แจงว่าก็สามารถยื่นขอทุเลาคำสั่งได้ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการปกติ โดยตนมีหน้าที่ในการนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเท่านั้น ไม่ได้ระบุว่าถูกหรือผิด แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นมากจึงต้องมีการชี้แจงในศาล

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์มองว่ารัฐบาลใช้ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ขัดต่อเจตนารมณ์ว่า ตนปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้วยืนยันว่าไม่ขัด และเป็นสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นหากมีข้อชี้แจงใดๆ ก็ขอให้ชี้แจงที่ศาลอย่าชี้แจงในสื่อ ทุกคดีตนไม่ได้เป็นคนเริ่มต้น แต่เป็นคดีที่ค้างคามา ตนจึงต้องรับมาปฏิบัติต่อในกระบวนการยุติธรรม และเมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้วถือว่าหมดหน้าที่ของตนแล้ว

** รู้ตัวคนผิดก่อนเรียกค่าเสียหายอีก 80 %

ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงอายุความการเรียกค่าเสียหายความรับผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำในอีก 80 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือจากในส่วนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่รู้ตัวผู้กระทำผิด อายุความจะเริ่มนับเมื่อรู้การกระทำและตัวผู้กระทำผิดในส่วนคดีความที่อยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) จะเริ่มนับอายุความก็ต่อเมื่อป.ป.ท.ได้พิจารณาชี้มูลความผิดใครบ้าง ก่อนแจ้งมายังหน่วยงานต้นสังกัด เมื่อได้รับแล้วจะถือว่าอายุความได้เริ่มต้นขึ้น และคดีความที่ป.ป.ท.พิจารณาอยู่ 900 กว่าคดีนั้น ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) รวมถึงการรับซื้อการจัดเก็บข้าว และเมื่อรู้ตัวผู้กระทำผิดว่าเป็นใครบ้างแล้ว ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาความรับผิดชอบต่อไป

** ยังไม่ถึงเวลาพูดเรื่องสืบราชสันตติวงศ์

นายวิษณุ ตอบคำถามเกี่ยวกับกระแสข่าวว่า รัฐบาลเตรียมกราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฏราชกุมาร ขึ้นครองราชย์ในช่วงต้นเดือน ธ.ค.นี้ ว่า ตนไม่ทราบรายละเอียด แต่ยอมรับว่าข้อมูลที่ส่งต่อกันนั้น คนอื่นก็ต้องเห็นอยู่ดี ส่วนจะจริงเท็จอย่างไรตนไม่ทราบ จึงไม่อาจให้ความสำคัญตรงนั้นได้ แต่รัฐบาลทราบอยู่ก่อนแล้วว่า เมื่อพ้นพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพไปแล้ว 7 วัน 15 วัน 50 วัน ก็สามารถเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ จึงไม่มีเหตุอะไรให้ตื่นเต้น สำหรับการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 23 คือ แจ้งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นั้น เมื่อรัฐบาลคิดว่าสมควรจะทำได้ และได้มีการปรึกษากันแล้ว ก็สามารถทำได้ ส่วนระยะเวลาจะเหมาะสมเมื่อใดนั้น ไม่สมควรที่จะพูด เพราะเวลาที่เหมาะสมนั้น แล้วแต่พระบรมราชวินิจฉัย

เมื่อถามว่า รัฐบาลได้หารือกับกองกิจการในพระองค์แล้วหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่หารือในขณะนี้ เพราะยังไม่ถึงเวลา เพราะรู้อยู่เต็มอกว่ามีรับสั่งอย่างไร จึงไม่ควรขยับอะไร

** ย้ำคำเดิม 2560 มีเลือกตั้ง

นายวิษณุ กล่าวต่อถึงขั้นตอนการลงนามพระปรมาภิไธยกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้วว่า เป็นไปเช่นเดียวกับร่างรัฐธรรมนูญ คือ มีเวลา 90 วัน อีกทั้งเมื่อ สนช.พิจารณาแล้วเสร็จก่อนส่งมายังรัฐบาล รัฐบาลก็ยังมีเวลา 20 วัน ในการนำความขึ้นทูลเกล้าฯ จึงไม่มีปัญหา ตรงนี้มีการประสานเป็นการภายในแล้วว่ากิจการใดเร่งด่วนให้เสนอไปตามขั้นตอน หากไม่เร่งด่วนก็ทำตามกรอบเวลา

เมื่อถามถึงความกังวลของหลายฝ่ายว่าโรดแมปการเลือกตั้งจะเลยปี 2560 นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลจะเป็นคนพูด เมื่อถึงเวลาคนอื่นจะเป็นคนพูด วันนี้รัฐบาลต้องยืนยันตามโรดแมปเลือกตั้งเดิม บอกอย่างอื่นไม่ได้ ขณะนี้ยังไม่ถือว่ามีการเลื่อนใดๆ เกิดขึ้น และคำว่าโรดแมปในปี 60 คือการเลือกตั้ง

** “บิ๊กป้อม” ปัดเอี่ยวพรรคใหม่

จากกรณีที่นายประภาส โงกสูงเนิน ประธานสภาประชาชน 4 ภาค และนายสมาน ศรีงาม เลขาธิการพรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย แถลงข่าวการตั้งพรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย ในระหว่างพิธีวางศิลาฤกษ์พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ต.นากลาง อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยในพิธีดังกล่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มอบหมายให้ พล.ท.ธรากฤต ทับทองสิทธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานในพิธี จึงถูกเชื่อมโยงว่า นายประภาส และนายสมานตั้งพรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย เพื่อเป็นพรรคทหาร

พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวข้อง ไม่รู้จัก 2 คนนี้ ไม่สาเหตุด้วยว่าทำไมจึงเอาชื่อรองแม่ทัพภาคที่ 2ไปอ้าง ส่วนตัวตนกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่เคยคิดจะลงเล่นการเมืองอยู่แล้ว ขออย่าพยายามเชื่อมโยงเลย

** “มีชัย” หวังให้ ปชช.ร่วมเป็นเจ้าของพรรค

ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม กรธ.ถึงความคืบหน้าในการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองว่า ได้เชิญตัวแทนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อรับฟังความเห็นในประเด็นที่มีการปรับแก้ว่ามีปัญหาหรือไม่ จะได้แก้ไขให้เรียบร้อย เพราะมีเรื่องวิธีการจัดตั้งพรรคการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปจากร่างของ กกต.ซึ่งเดิมทำเป็น 2 ขยัก จดทะเบียนจองก่อนแล้วค่อยรวบรวมคนเพื่อจัดตั้ง แต่ กรธ.ทำเป็นขยักเดียวได้ คือ มี 500 คน ก็จัดตั้งพรรคได้เลย หรือถ้าจะไปรวบรวมให้เสร็จภายใน 3 เดือน 6 เดือนก็ได้ เพื่อให้ง่ายขึ้น และเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับพรรคการเมืองอย่างแท้จริง

“กฎหมายใหม่จะมีความแตกต่างจากเดิมคือ การจัดตั้งพรรคจะไม่ยากนักและต้องมีทุนประเดิมของพรรค อีกทั้งสมาชิกพรรคจะมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย คัดสรรตัวผู้สมัคร รวมทั้งมีหน้าที่ชำระค่าสมาชิก ซึ่งจำนวนเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดเงินอุดหนุนให้กับพรรคการเมืองนั้นๆ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ประชาชนที่มีทิศทางเดียวกับพรรคการเมืองนั้นๆ เข้ามาเป็นเจ้าของพรรคการเมืองอย่างมีนัยยะสำคัญ” นายมีชัย กล่าว

** "ทักษิณ" ขยับเตรียมตั้งพรรคสำรอง

สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแกนนำภาคต่างๆ ทั้งเหนือ อีสาน และภาค กทม.ของพรรคเพื่อไทย เดินทางไปพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นำคณะโดย นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำภาคเหนือ ส่วนอีกคณะมีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำภาค กทม. ทั้งนี้ได้มีการหารือสถานการณ์การเมืองกันอย่างกว้างขวาง โดยมองว่าหลังจากนี้สถานการณ์น่าจะดีขึ้น และขอให้สมาชิกและอดีต ส.ส.ของพรรคเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง เนื่องจากนายทักษิณประเมินว่าจะเกิดขึ้นเร็ว ขณะเดียวกันได้ให้การบ้านแกนนำและสมาชิกพรรค เตรียมพร้อมยุทธวิธีรองรับกติกา ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ ดูความจำเป็นว่าอาจต้องตั้งพรรคสำรอง หรือพรรคซัพพอร์ตในการเลือกตั้งที่จะถึงหรือไม่ อย่างไรก็ตามนายทักษิณเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งได้เสียงลำดับ 1 แน่นอน แต่ไม่มั่นใจว่าจะได้จัดตั้งรัฐบาล.
กำลังโหลดความคิดเห็น