ริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
ลุ้นกันตัวโก่ง ทั้งกองเชียร์และกองแช่ง ทั้งคนเสื้อแดงและคนที่ไม่ชอบเสื้อแดง สำหรับการพิจารณาถอนหรือไม่ถอน การปล่อยตัวชั่วคราว 5 แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ซึ่งผลที่ออกมา ปรากฏว่า มีเพียง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.เพียงคนเดียวที่ไม่ได้กลับออกมาจากการเดินทางไปฟังคำสั่งศาล
แกนนำนปช. 5 คน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันก่อการร้าย ในเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง เมื่อเดือนพฤษภาคม 255 ถูกอัยการยื่นคำร้อง ขอเพิกถอนการประกันตัว เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว ประกอบด้วย นายจตุพร นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายแพทย์เหวง โตจิราการ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ และนายนิสิต สินธุไพร
สำหรับนายณัฐวุฒิ นายแพทย์เหวง นายวีระกานต์และนายนิสิต ศาลพิจารณายกคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากเห็นว่า การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล เป็นการติชมโดยสุจริต ยังไม่ถึงกับดูหมิ่น กระทบสิทธิ เกียรติยศหรือชื่อเสียง และความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น อันเป็นการยั่วยุหรือกระทำผิดเงื่อนไขประกันตามที่ศาลกำหนดไว้
แต่นายจตุพรถูกศาลมีคำสั่งเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว เพราะพฤติกรรมเข้าองค์ประกอบการกระทำผิดเงื่อนไขประกันตัว
อัยการที่ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวระบุว่า นายจตุพรพูดเสียดสี ประชดประชัน บิดเบือนการทำหน้าทีของนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี คุกคาม กดดันการทำหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ โจมตีดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทผู้อื่น
พูดยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนในบ้านเมือง ซึ่งถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว
แกนนำ นปช.ทั้ง 5 คนที่ถูกยื่นถอนประกัน เคลื่อนไหวทางการเมืองมาตลอด แม้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)จะยึดอำนาจก็ตาม และเคยถูกเรียกไปปรับทัศนะคติแล้ว แต่ไม่ได้ผล เพราะยังเดินหน้าท้าชน คสช.ไม่เลิก
สัญญาณเตือนที่รัฐบาลส่งไป ไม่ถูกตอบรับจากแกนนำ นปช. เงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวในคดีก่อการร้าย ไม่อาจควบคุมพฤติกรรมแกนนำคนเสื้อแดงได้ จนนำไปสู่การขอถอนประกันครั้งใหม่
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเห็น 5 แกนนำ นปช.ถูกถอนประกัน เดินเรียงแถวเข้าคุก เพราะจะทำให้สังคมสงบสุขขึ้น และแม้จะรอดไป 4 คน เหลือนายจตุพรเพียงคนเดียว ก็ถือเป็นรางวัลปลอบใจ
ในจำนวน 5 แกนนำนปช.ที่ถูกยื่นถอนประกันตัว นายจตุพรเล่นบทเด่นที่สุด ทั้งก้าวร้าว ดุดัน และท้าทาย คสช. ขณะที่แกนนำที่เหลือ ระยะหลังเสียงเบาลง เพราะอาจประเมินแล้วว่า นาทีนี้ไม่คุ้มที่จะเสี่ยง ไม่มีใครอยากกลับเข้าคุกได้
ปล่อยให้นายจตุพรรับบทพระเอกของคนเสื้อแดงแต่ผู้เดียว และต้องเดินเข้าคุกอย่างเดียวดาย
การถูกคำสั่งเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวครั้งนี้ ทำให้นายจตุพรต้องนอกคุกเป็นรอบที่ 3 และอาจต้องสงบสติอารมณ์อยู่ในคุกยาวนานกว่ารอบที่ผ่านมา เพราะเคยได้รับความเมตตามาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ไม่สำนึก ไม่คำนึงถึงเงื่อนไขการประกันตัวที่ให้ไว้กับศาล ไม่มีความหลาบจำในการกระทำความผิด จึงต้องใช้เวลากล่อมเกลาพฤติกรรม
ถ้ายังไม่สำนึก ปล่อยตัวออก จะกลับมายั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม สร้างความป่นป่วนในบ้านเมืองซ้ำอีก
การเชือดนายจตุพรเพียงคนเดียว จะทำให้บรรดาแกนนำน ปช.หรือหัวโจกคนเสื้อแดงที่มีคดีเผาบ้านเผาเมืองต้องหัวหดตามๆ กัน ถ้าไม่หยุดป่วน เจอถอนประกัน ซึ่งเป็นมาตรคุมประพฤติที่สังคมสนับสนุนอย่างท่วมท้นเสียด้วย
แม้แกนนำนปช.จะแสดงความอาลัยอาวรณ์ การนอนคุกของนายจตุพร ยกขบวนกันไปเยี่ยม แห่ไปให้กำลังใจ แต่ไม่มีใครอยากอาสาไปนอนเป็นเพื่อนคุยกับนายจตุพรในคุก
ทุกคนไม่ต้องการเผชิญชะตากรรมเดียวกับนายจตุพร โดยจะลดบทบาทความเคลื่อนไหวลง ปิดปากมากขึ้น
แกนนำ นปช. ที่มีคดีเผาบ้านเผาเมือง และอยู่ระหว่างประกันตัว ถึงเวลาที่ต้องหลบฉากแล้ว เพราะ คสช.เอาจริง ถ้าเตือนแล้วยังไม่ฟัง ถอนประกันให้เกลี้ยง
สำหรับนายจตุพร ได้กลับไปอยู่ในสถานที่ที่สมควรจะต้องอยู่แล้ว และเป็นสถานที่ที่แกนนำเสื้อแดงคนอื่น ซึ่งต่อสู้ร่วมเป็นร่วมตายกันมา ไม่ปรารถนาจะตามเข้าไปอยู่ด้วย
ไม่น่าเชื่อว่า การที่นายจตุพรถูกถอนประกันครั้งนี้ จะทำให้คนจำนวนมากเกิดความรู้สึกดีๆ ขึ้นมาทันที รู้สึกว่า ประเทศนี้น่าอยู่ขึ้น
ถ้าถึงเวลาที่แกนนำ นปช.ซึ่งร่วมเผาบ้านเผาเมือง ต้องติดคุกกันยกโขยง พี่น้องที่ร่วมกันขับไล่ระบอบทักษิณ ชีวิตจะเป็นสุขขนาดไหน