ผู้จัดการรายวัน360-"บิ๊กป้อม"เชื่อคะแนนนิยม "บิ๊กตู่" ไม่ลด พร้อมสั่งตำรวจ ปอท. ล่านักเลงคีย์บอร์ดบิดเบือนโจมตี ปัดตอบเรื่องส่วนตัว ชี้เป็นโสดจะมีใครก็ไม่เห็นแปลก พร้อมแจงกรณีภริยาปลัดกลาโหมใช้เครื่องบิน ทอ. เหตุ "บิ๊กติ๊ก"ทำเรื่องขอใช้ แต่ติดภารกิจ จึงมอบหมายให้คนอื่นไปแทน ส่วนการตั้งทหารนั่ง สนช. เหตุต้องการคนที่รู้มือมาช่วยงาน "ศรีสุวรรณ" ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินสอบทริปฮาวาย ด้าน 5 แกนนำ นบช. ลุ้นกลับเข้าคุกหรือไม่วันนี้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยถึงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับความนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลดน้อยลง ว่า ตนคิดว่าความนิยมตัว พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ลด แต่ที่คะแนนลดลง คือ เรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ไม่มีเรื่องอื่น ที่ผ่านมานายกฯ ทุ่มเทการทำงานอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า จะเกี่ยวกับเรื่องที่คนรอบข้างนายกรัฐมนตรีถูกโจมตีหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เกี่ยว มีแต่คนนอกพยายามทำเรื่องที่ไม่เป็นประเด็นให้เป็นประเด็น โดยเฉพาะคนที่เล่นโซเชียลมีเดีย ที่อยากจะพิมพ์อะไรก็พิมพ์โดยไม่รับผิดชอบ ถ้าจับได้เมื่อไร ตนจะฟ้องร้องให้หมด เพราะเวลานี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) กำลังดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะคนที่บิดเบือน
ส่วนที่ตอนนี้มีคนมุ่งไปที่เรื่องส่วนตัวของ พล.อ.ประวิตร นั้น พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า "เรื่องส่วนตัว คือเรื่องอะไร ผมมีเรื่องอะไร เรื่องผู้หญิงหรือ ผมไม่ได้ไปยุ่งกับผู้ชาย มันแปลกหรอ ก็ผมเป็นโสด จะไปยุ่งกับใครก็ได้ ถ้าผมไปยุ่งกับผู้ชายก็แปลก"
เมื่อถามอีกว่า มีคนมองว่าเมื่อไร พล.อ.ประวิตร จะแต่งงาน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “เรื่องของฉัน ส่วนจะมีคนรู้ใจหรือยัง ก็เป็นเรื่องของฉันเหมือนกัน เป็นเรื่องส่วนตัว อย่ามาถามเรื่องส่วนตัว ขอให้ถามเรื่องการทำงานของรัฐบาล ถ้ามีการพูดเรื่องจริง ไม่มีใครเขาว่า ผมตอบเรื่องจริงทุกเรื่อง ไม่เคยโกหกนักข่าว ถามมาอย่างไร ผมก็ตอบแบบนั้น"
พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สรุปเรื่องร้องเรียน นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา อดีตนายกสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นภรรยาของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม โดยให้เหตุผลการใช้เครื่องบินของกองทัพอากาศว่าไม่ผิด เพราะเป็นเรื่องของวัฒนธรรมองค์กร ว่า การจะไปบอกว่าเป็นเรื่องวัฒนธรรมองค์กร ตนมองว่าไม่ใช่ แต่เรื่องนี้ทางกระทรวงกลาโหมได้ทำเรื่องขอใช้เครื่องบินไปที่กองทัพอากาศว่าพล.อ.ปรีชา ซึ่งเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น จะขอใช้เดินทาง แต่วันนั้น พล.อ.ปรีชา เดินทางไปไม่ได้ จึงได้มอบหมายคนไปแทน เรื่องนี้ก็เท่านี้ ไม่ได้มีอะไร
ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์รายชื่อสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพิ่มเติมใหม่ จำนวน 33 คน ที่มีเอกสารออกมาเผยแพร่ว่าส่วนใหญ่มีแต่ทหาร ว่า สนช.ใหม่มีหน้าที่พิจารณากฎหมาย ซึ่งจะนำคนเหล่านี้ไปช่วยงานเพิ่มเติมในชุดคณะกรรมาธิการที่พิจารณากฎหมายแต่ละฉบับ ถือว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ถ้าไปนำใครมาก็ไม่รู้ และไม่รู้ว่าใครเป็นใคร สนช. ก็จะตีกันมั่วไปหมด ดังนั้น ต้องเลือกคนที่รู้จักมาช่วยเหลือ อีกทั้งคนเหล่านี้ ก็มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ จึงนำเข้ามาทำงาน แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การตอบแทน เพราะพยายามเลือกคนที่อยู่ภายในกรุงเทพฯ มาทำงาน เพื่อเข้าร่วมประชุมได้ ไม่ใช่แต่งตั้งขึ้นมาแล้วมาเข้าร่วมประชุมไม่ได้ เพราะติดราชการ
เมื่อถามว่า มีคนตั้งข้อสังเกตว่า ว่าที่สนช.ใหม่นี้ เป็นบุคคลที่มีตำแหน่งใหญ่ในกองทัพ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็คิดกันไป เราต้องนำคนที่อยู่ใกล้ และมีความรู้ความสามารถในการปกครองดูแลกองทัพ เรื่องนี้ไม่มีปัญหา และไม่เป็นอะไร ส่วนที่มองว่ามีทหารเป็นจำนวนมาก ก็ต้องเข้าใจว่าอยู่ในช่วงนี้ เมื่อทุกอย่างเดินตามโรดแมปอีก 1 ปี มีการเลือกตั้งแล้ว ทุกอย่างก็จบ และเดินไปตามรัฐธรรมนูญ
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงการติดตามตรวจสอบทริปฮาวาย 20.9 ล้านบาท ว่า ในวันอังคารที่ 11 ต.ค.นี้ เวลา 11.00 น. ตนจะเดินทางไปยื่นคำร้องยังผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ในกรณีความผิดตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2551 และพฤติการที่ขัดต่อค่านิยมหลัก 12 ประการของหัวหน้าคสช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 ต.ค.) ศาลอาญารัชดาภิเษก นัดฟังคำสั่งกรณีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้เพิกถอนประกันตัวชั่วคราว 5 แกนนำ นปช. ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ และนายนิสิต สินธุไพร เนื่องจากกระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว หลายกรรม หลายวาระ และมีการเผยแพร่ทางสื่อต่างๆ ด้วย
ด้านนายจตุพร ได้กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ สรุปความได้ว่า รัฐบาลประกาศสร้างประเทศให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน แต่ใช้อำนาจแบบเผด็จการหลงจู๊ ทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นผู้มีอำนาจ มีการใช้อำนาจพิเศษบังคับ ล้วงลูก แทรกแซง ส่วนความมั่นคง ไม่มีสิ่งใดมากระทบได้แล้ว นอกจากสร้างความไม่มั่นคง ความมั่งคั่ง ก็ล้มเหลว โพลที่ออกมา พบว่า ด้านเศรษฐกิจเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข ส่วนกรณีการปกป้องน้องชาย กระทบต่อจริยธรรมของผู้นำ ประชาชนไม่สบายใจ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยถึงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับความนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลดน้อยลง ว่า ตนคิดว่าความนิยมตัว พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ลด แต่ที่คะแนนลดลง คือ เรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ไม่มีเรื่องอื่น ที่ผ่านมานายกฯ ทุ่มเทการทำงานอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า จะเกี่ยวกับเรื่องที่คนรอบข้างนายกรัฐมนตรีถูกโจมตีหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เกี่ยว มีแต่คนนอกพยายามทำเรื่องที่ไม่เป็นประเด็นให้เป็นประเด็น โดยเฉพาะคนที่เล่นโซเชียลมีเดีย ที่อยากจะพิมพ์อะไรก็พิมพ์โดยไม่รับผิดชอบ ถ้าจับได้เมื่อไร ตนจะฟ้องร้องให้หมด เพราะเวลานี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) กำลังดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะคนที่บิดเบือน
ส่วนที่ตอนนี้มีคนมุ่งไปที่เรื่องส่วนตัวของ พล.อ.ประวิตร นั้น พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า "เรื่องส่วนตัว คือเรื่องอะไร ผมมีเรื่องอะไร เรื่องผู้หญิงหรือ ผมไม่ได้ไปยุ่งกับผู้ชาย มันแปลกหรอ ก็ผมเป็นโสด จะไปยุ่งกับใครก็ได้ ถ้าผมไปยุ่งกับผู้ชายก็แปลก"
เมื่อถามอีกว่า มีคนมองว่าเมื่อไร พล.อ.ประวิตร จะแต่งงาน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “เรื่องของฉัน ส่วนจะมีคนรู้ใจหรือยัง ก็เป็นเรื่องของฉันเหมือนกัน เป็นเรื่องส่วนตัว อย่ามาถามเรื่องส่วนตัว ขอให้ถามเรื่องการทำงานของรัฐบาล ถ้ามีการพูดเรื่องจริง ไม่มีใครเขาว่า ผมตอบเรื่องจริงทุกเรื่อง ไม่เคยโกหกนักข่าว ถามมาอย่างไร ผมก็ตอบแบบนั้น"
พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สรุปเรื่องร้องเรียน นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา อดีตนายกสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นภรรยาของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม โดยให้เหตุผลการใช้เครื่องบินของกองทัพอากาศว่าไม่ผิด เพราะเป็นเรื่องของวัฒนธรรมองค์กร ว่า การจะไปบอกว่าเป็นเรื่องวัฒนธรรมองค์กร ตนมองว่าไม่ใช่ แต่เรื่องนี้ทางกระทรวงกลาโหมได้ทำเรื่องขอใช้เครื่องบินไปที่กองทัพอากาศว่าพล.อ.ปรีชา ซึ่งเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น จะขอใช้เดินทาง แต่วันนั้น พล.อ.ปรีชา เดินทางไปไม่ได้ จึงได้มอบหมายคนไปแทน เรื่องนี้ก็เท่านี้ ไม่ได้มีอะไร
ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์รายชื่อสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพิ่มเติมใหม่ จำนวน 33 คน ที่มีเอกสารออกมาเผยแพร่ว่าส่วนใหญ่มีแต่ทหาร ว่า สนช.ใหม่มีหน้าที่พิจารณากฎหมาย ซึ่งจะนำคนเหล่านี้ไปช่วยงานเพิ่มเติมในชุดคณะกรรมาธิการที่พิจารณากฎหมายแต่ละฉบับ ถือว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ถ้าไปนำใครมาก็ไม่รู้ และไม่รู้ว่าใครเป็นใคร สนช. ก็จะตีกันมั่วไปหมด ดังนั้น ต้องเลือกคนที่รู้จักมาช่วยเหลือ อีกทั้งคนเหล่านี้ ก็มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ จึงนำเข้ามาทำงาน แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การตอบแทน เพราะพยายามเลือกคนที่อยู่ภายในกรุงเทพฯ มาทำงาน เพื่อเข้าร่วมประชุมได้ ไม่ใช่แต่งตั้งขึ้นมาแล้วมาเข้าร่วมประชุมไม่ได้ เพราะติดราชการ
เมื่อถามว่า มีคนตั้งข้อสังเกตว่า ว่าที่สนช.ใหม่นี้ เป็นบุคคลที่มีตำแหน่งใหญ่ในกองทัพ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็คิดกันไป เราต้องนำคนที่อยู่ใกล้ และมีความรู้ความสามารถในการปกครองดูแลกองทัพ เรื่องนี้ไม่มีปัญหา และไม่เป็นอะไร ส่วนที่มองว่ามีทหารเป็นจำนวนมาก ก็ต้องเข้าใจว่าอยู่ในช่วงนี้ เมื่อทุกอย่างเดินตามโรดแมปอีก 1 ปี มีการเลือกตั้งแล้ว ทุกอย่างก็จบ และเดินไปตามรัฐธรรมนูญ
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงการติดตามตรวจสอบทริปฮาวาย 20.9 ล้านบาท ว่า ในวันอังคารที่ 11 ต.ค.นี้ เวลา 11.00 น. ตนจะเดินทางไปยื่นคำร้องยังผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ในกรณีความผิดตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2551 และพฤติการที่ขัดต่อค่านิยมหลัก 12 ประการของหัวหน้าคสช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 ต.ค.) ศาลอาญารัชดาภิเษก นัดฟังคำสั่งกรณีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้เพิกถอนประกันตัวชั่วคราว 5 แกนนำ นปช. ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ และนายนิสิต สินธุไพร เนื่องจากกระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว หลายกรรม หลายวาระ และมีการเผยแพร่ทางสื่อต่างๆ ด้วย
ด้านนายจตุพร ได้กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ สรุปความได้ว่า รัฐบาลประกาศสร้างประเทศให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน แต่ใช้อำนาจแบบเผด็จการหลงจู๊ ทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นผู้มีอำนาจ มีการใช้อำนาจพิเศษบังคับ ล้วงลูก แทรกแซง ส่วนความมั่นคง ไม่มีสิ่งใดมากระทบได้แล้ว นอกจากสร้างความไม่มั่นคง ความมั่งคั่ง ก็ล้มเหลว โพลที่ออกมา พบว่า ด้านเศรษฐกิจเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข ส่วนกรณีการปกป้องน้องชาย กระทบต่อจริยธรรมของผู้นำ ประชาชนไม่สบายใจ