ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ในที่สุดก็คลอดรายชื่อ “13 ขุนพล” ความหวังของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่จะเป็น “ตัวช่วย” ลงไปช่วยแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) นำทีมโดย “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษ “บิ๊กน้อย” พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ เป็นรองหัวหน้า โดยมี ภาณุ อุทัยรัตน์ เป็นเลขานุการคณะ ส่วนกรรมการก็อุดมไปด้วยนายทหารระดับอดีตแม่ทัพ - รองแม่ทัพภาคที่ 4
รายชื่อที่ออกมาไม่เหนือความคาดหมาย เพราะ “นายกฯตู่” ตั้งสเปกไว้ว่า อยากได้คนมีประสบการณ์ในพื้นที่มาช่วยงาน ภารกิจหลักไม่ใช่การบูรณาการกำลังทหาร-ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง แต่มีอำนาจเสนอปรับกำลัง-ปรับวิธีแก้ไขปัญหาในพื้นที่ทั้งหมด ส่งตรงให้ คปต.ที่มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษสุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง นั่งหัวโต๊ะเคาะอีกที
ที่ผ่านมาการแต่งตั้งคณะทำงานของ “นายกฯตู่” มักจะไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครมง) ก็ได้ เพียงแต่ออกเป็นคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี แล้วนายกฯลงนามก็จบกระบวนการมีผลบังคับใช้ได้ทันที แต่ผู้แทนพิเศษใน คปต.หรือที่เรียกกันว่า “ครม.ส่วนหน้า” นี้ต่างออกไป เมื่อ “บิ๊กตู่” ได้ใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 แต่งตั้งขึ้นมาาเนื่องจากคำนวณทิศทางลมแล้วหากไม่มี “ดาบวิเศษ” คุ้มหัว มีหวังทะเลาะกับหน่วยงานในพื้นที่แน่
ก็ด้วยกลไกในพื้นที่นั้นมีทั้ง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) รวมทั้ง กองทัพภาคที่ 4 ที่เพิ่งมีแม่ทัพป้ายแดงที่ชื่อ “บิ๊กอาร์ต” พล.ท.ปิยะวัฒน์ นาควานิช น้องชายของ “บิ๊กหมู” พล.อ.ธีรชัย นาควานิช อดีต ผบ.ทบ.นั่นเองฃ
เรียกได้ว่าติด “ดาบ ม.44” ลงไปในพื้นที่ด้วย ทุกหน่วยต้องทำตามคำสั่งของ “คณะพิเศษ” เพราะนี่คือตัวแทนของรัฐบาลเต็มรูปแบบนั่นเอง
แม้ว่าทั้ง “บิ๊กตู่” หรือกระทั่ง “บิ๊กโด่ง” จะอ้างว่า ครม.ส่วนหน้าไม่ได้มีอำนาจสั่งการ เพียงแต่บูรณาการงานของหน่วยต่างๆเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติแล้วเท่ากับ “ยึดอำนาจ” ของ “บิ๊กอาร์ต” ที่เดิมมีอำนาจเด็ดขาดในฐานะแม่ทัพภาคที่ 4 และกำกับดูแล กอ.รมน.ส่วนหน้า กลับกลายเป็นว่า ต้องมารับนโยบายจาก ครม.ส่วนหน้าที่ “หน่วยเหนือ” ส่งมา
เท่ากับความตั้งใจที่ “พี่หมู” ส่ง “น้องอาร์ต” ขึ้นชั้นแม่ทัพ ก็ได้เป็นแค่ในนามเท่านั้น ทั้งยังเจ็บแสบตรงที่หัวหน้าทีม ครม.ส่วนหน้าชื่อ “บิ๊กโด่ง” ที่ไม่เผาผีกับพี่ชายตัวเองอีกด้วย
หมากอันแยบยลนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ “บิ๊กหมู” จุกอกเท่านั้น ยังกระทบชิ่งไปถึง “บิ๊กป้อม” ผู้เป็นแบ็คอัพหนุนหลังให้ “บิ๊กหมู” มาตลอด
เสมือนหนึ่งแต่งตั้ง “บิ๊กโด่ง” เป็น “อ๋อง” ที่ถูกส่งไป “กินเมือง” ที่ปลายด้ามขวาน ทั้ง “บิ๊กป้อม - บิ๊กหมู” เพิ่งตั้งเจ้าเมืองไปหมาดๆ
เพราะก่อนหน้านี้ในการจัด “โผนายพล” ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ดูเหมือนตำแหน่งหลักจะ “บิ๊กป้อม - บิ๊กหมู” ไม่ค่อยสมใจนึกบางลำภู โดยเฉพาะตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) หรือ “แม่ทัพบก” ที่ "บิ๊กเจี๊ยบ" พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท คว้าไปครอง ทั้งที่มีข่าวว่า “บิ๊กป้อม - บิ๊กหมู” ผลักดัน "บิ๊กแกละ" พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร ผู้เติบโตมาตามสาย "บูรพาพยัคฆ์" เช่นตัวเอง
เป็น “บิ๊กเจี๊ยบ” นายทหารสาย "แบเร่ต์แดงรบพิเศษ" ที่เบียดขึ้นมาในตำแหน่งสูงสุดของกองทัพบกไทยได้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี จากแรงเชียร์ของ "บิ๊กแอ้ด" พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และด้วยความที่ พล.อ.สุรยุทธ์ เป็น "ลูกป๋า" คนสำคัญ ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า งานนี้มีอิทธิพล-บารมี "ป๋าเปรม" พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นปัจจัยสำคัญ
การขึ้นเป็น “จ่าฝูงทัพบก” ของ พล.อ.เฉลิมชัย ที่เหลืออายุราชการ 2 ปี ก็ค่อนข้างลงตัวกับ “โรดแมปเปลี่ยนผ่าน” ของ คสช.อย่างพอดิบพอดี ไม่เพียงเท่านั้นยิ่งดูในส่วนของ “หน่วยคุมกำลัง” ก็ค่อนข้างชัดเจนว่า “เด็กสายป๋าป้อม” ถูกลดความสำคัญ โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 1 ที่เป็นหน่วยสำคัญในการควบคุมสถานการณ์หากมี “อุบัติเหตุไม่คาดฝัน” มีแม่ทัพคนใหม่ที่ชื่อ “บิ๊กแดง” พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ก็เป็นนายทหารสายวงศ์เทวัญ ที่ว่ากันว่า “บิ๊กป้อม” ไม่ค่อยปลื้มเป็นทุน
สำทับกับสงครามเจาะยาง “บิ๊ก คสช.” ที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ไล่ตั้งแต่ข่าวดัง “ฝ่ายแม่ผ่องพรรณพัฒนา” หรือ “หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น” ที่ล่อไปที่ลูก-เมีย “บิ๊กติ๊ก” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชาย “นายกฯตู่” ที่เพิ่งเกษียณไป จากข้อมูลที่หลุดออกมามีการพิเคราะห์กันว่างานนี้มี “เกลือเป็นหนอน” ค่อยส่งข้อมูลเพื่อเล่นงาน “น้องติ๊ก” ชิ่งไปให้ถึง “พี่ตู่” ออกมา
แทรกด้วยข่าวลืมกระหึ่มเกี่ยวกับ “ป๋าเปรม” ในเชิง “หุ้นตก” จนต้องออกเดินทางไกล
ถัดมาไม่นานก็มี “รายการเอาคืน” กับกรณี “ทริปฮาวาย” ฟาดไปที่ “กล่องดวงใจ” ของ “บิ๊กป้อม” แบบเต็มรัก จนทำเอา “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” ซวนซัดซวนเซอยู่ในตอนนี้
ทั้งหมดเชื่อกันว่าเป็นข้อมูลที่ “คนใน” ตั้งใจปล่อยออกมา แต่เป็นคนละฝ่าย เหมือนสวนกันแบบหมัดต่อหมัด
น่าสนใจว่าในวันที่เสถียรภาพของ “รัฐบาล คสช.” แข็งแกร่งดุจหินผา ด้วยเรตติ้งที่พุ่งปรึ๊ดของตัว “นายกฯลุงตู่” แต่กลับมีเรื่องฉาวๆหลุดออกมา โดยเชื่อว่าเป็นฝีมือ “คนใน - เกลือเป็นหนอน” สะท้อนให้เห็นว่าภาพที่ดูสงบเป็นเอกภาพไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น หากแต่มีการห้ำหั่นกันแบบเอาเป็นเอาตายต่างหาก
สาเหตุที่เริ่มมีการขยับเขยื้อนเดินหมากชิงไหวชิงพริบของ “ขุนทหาร” ก็ต้องกล่าวไปถึงการประชามติผ่านร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และอีกไม่กี่เดือนก็จะประกาศใช้รัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการ นับถอยหลังสู่การเลือกตั้ง ก็เสมือนเป็นการนับหนึ่งเริ่มต้น “ช่วงเปลี่ยนผ่าน” อย่างแท้จริง ดังนั้นการคุมหน่วยกำลังให้มั่นจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับ “ช่วงเปราะบาง” หลังจากนี้
ก็มีคำถามต่อว่า แล้วเหตุใดจึงมีการเดินหมากในลักษณะ “ลิดรอนอำนาจ” ของ “บิ๊กป้อม” ทั้งที่เป็นคีย์แมนสำคัญใน คสช.เช่นกัน ก็ตอบแทนว่า ก็ด้วยสไตล์ก้าวย่างทางการเมืองของ “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” ที่ค่อนข้างกว้างขวางหลากคอนเนคชั่น หากถึงวันที่ต้อง “รุกฆาต - เผด็จศึก” ขั้วอำนาจเก่าฟากฝั่งของ ทักษิณ ชินวัตร อาจจะมี “พลังงานบางอย่าง” ที่ทำให้ “บิ๊กบราเทอร์ส” หยั้งมือก็เป็นได้
สอดคล้องกับกระแสข่าวที่ผ่านมาว่ามี มี “ดีลเมคเกอร์” ที่ต่อสายไปถึง “ระบอบแม้ว” ซึ่งก็คงหนีไม่พ้น “บิ๊กป้อม” นี่แหละ
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการพูดว่า “บิ๊กป้อม” อาจเกี่ยวข้องกับท่าทีแปลกๆของ “ทนายประเทศไทย” วิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย ที่คอมเมนต์ในช่วงหลังค่อนข้างเข้าทาง “ฝ่ายทักษิณ” โดยเฉพาะใน “คดีจำนำข้าว” เป็นที่มาของการเรียกค่าเสียหายความผิดทางละเมิดจาก “คุณหนูปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แค่ 20 เปอร์เซ็นต์ หรือ 35,717 ล้านบาท จากมูลค่าความเสียหาย 178,586 ล้านบาท
เซลล์สุดๆ ลดไป 80 เปอร์เซ็นต์
แถม “รองฯวิษณุ” ยังสวมบท “เนติบริกร” ชี้ช่องให้เสร็จสรรพว่า หาก “คุณหนูปู” ไม่จ่ายค่าเสียหาย เต็มที่ก็ถูดยึดทรัพย์ และแทงเป็นบุคคลล้มละลายเท่านั้น ไม่ได้มีโทษทางอาญา ส่วนคดีความที่อยู่ในศาลฎีกา แผนกคดีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็ส่อจะมี “มวยล้ม” เมื่อฝ่ายรัฐซึ่งเป็นโจทก์ โดย “วิษณุ” เองอ้างรายงานสรุปของคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งของกระทรวงการคลังว่า “ความผิดที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการทุจริต แต่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่”
เท่ากับชี้ช่องต่อสู้ให้กับ “คุณหนูปู” ฝ่ายจำเลย โดยไม่คิดค่าทนายด้วยซ้ำ และก็มองว่ามี “บิ๊ก คสช.” บางคนส่งสัญญาณให้ “รองฯวิษณุ” คอมเมนต์ในเชิงชี้นำที่ว่า
นี่ละมั้งที่ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจกันเองในหมู่ “ขุนทหาร” และทำให้ “บ้านน้อยเสา” ต้องออกแอ็กชันบางอย่าง ตั้งแต่การจัดวาง “แม่ทัพบก” โดยใช้คนจากรบพิเศษ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์พิเศษ การดันนายทหารสายวงศ์เทวัญ ที่ “บิ๊กป้อม” ไม่ชอบ แต่ “บิ๊กตู่” ไว้ใจมาคุมกำลังในเมืองหลวง รวมทั้งการส่ง “บิ๊กโด่ง” หนึ่งในลูกรักป๋าลงไปกินเมืองที่แดนปักษ์ใต้
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นการแสดงบารมี และความเหนือชั้นในการ “วางสนุก” อำนาจของบางปีกใน คสช. ของ “บ้านน้อยเสา” อย่างชัดเจน
พิสูจน์แล้วว่า ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด!!