ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์
ผ่านไปแล้วสำหรับงานหนักของคณะกรรมการตำรวจในการอนุมัติการแต่งตั้งโยกย้าย 321 นายพลตำรวจ หลังจากมีโผโผล่แพลมออกมาให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียลุ้นกันว่าตัวเองจะได้ตำแหน่งดีกว่าเดิม หรือโดนโยกให้ไปนั่งเก้าอี้ซึ่งไม่เอื้ออวยต่อชีวิตและอนาคตของตนเอง
ใครได้ดีมีตำแหน่งใหญ่ ก็ดีใจ มองเห็นความสดใสของโลกสวย ใครพลาดเก้าอี้ที่คาดหวังไว้ชาวบ้านก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญ ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมนั่นนี่โน่น โดยไม่มองรอบข้างว่าคนอื่นๆ ซึ่งตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันไม่ร้องโอดโอย แต่ตั้งมั่นในสภาวะทำใจ
ทำไมการโยกย้ายตำรวจระดับนายพลจึงเป็นจุดน่าสนใจของทุกฝ่าย มีอะไรหรือ? ประเทศไทยน่าจะมีทั้งความพิสดารและพิศวงในเรื่องการโยกย้ายนายทหาร ตำรวจ และข้าราชการหน่วยอื่นๆ ช่วงหลังสื่อสนใจเรื่องโยกย้ายผู้อำนวยการโรงเรียน พระครูใบฎีกา
กระพ้มเชื่อว่าการโยกย้ายตำรวจในประเทศอื่นๆ ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อแบบเอาเป็นเอาตายเหมือนในเมืองไทย นายตำรวจโดดเด่นมักถูกมองว่าเป็น “เด็กนาย” อยู่บนเส้นทางด่วนสายอาชีพ ก้าวหน้าเร็ว มีแรงหนุน ไม่ใช่อยู่ในประเภทโลกลืม มีชีวิตแร้นแค้น
เพื่อนของกระพ้มเป็นนายตำรวจ เกษียณอายุในตำแหน่งรองผู้กำกับ ยศพันตำรวจโทเท่านั้น ส่วนเพื่อนร่วมรุ่นจบจากธรรมศาสตร์พร้อมกัน มีทั้งเป็นรอง ผบ.ตร. อัยการสูงสุด ผู้พิพากษาศาลฎีกา! โลกหนอโลก! ถามว่าทำไมเอ็งถึงดักดานยาวนานอย่างนี้?
มันตอบว่า “กูไม่อยากเสียเงินซื้อตำแหน่ง! ” อ้าว! แสดงว่ามีการซื้อขายตำแหน่ง!
วันนี้กระพ้มขอรับบทชาวโลกสวย ประสบการณ์ค่อนข้างน้อย ไร้เดียงสา ออกแนวบ้องตื้น มองวงการตำรวจไทยด้วยความพิศวง มีข้อสังเกต และข้อสงสัยมากมายที่ต้องการคำตอบอย่างจริงจัง เพื่อความกระจ่างในดวงจิต เป็นรากฐานของความเข้าใจวงการตำรวจ
มันมีอะไรพิเศษในการโยกย้ายตำรวจ? ไม่ใช่เรื่องของการคัดสรรนายตำรวจเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ปราบปรามโจรผู้ร้าย รักษากฎหมาย ตามหน้าที่ อาชีพหรือ ที่น่าประหลาดใจคือ ทำไมการย้ายไปอยู่ในพื้นที่ต่างๆ จึงถูกมองว่าดีอย่างนั้น อย่างนี้
มันมีอะไรมากกว่าเงินเดือนจากภาษีของประชาชนหรือ? ทำไมการถูกโยกไปเป็นใหญ่ในภาค 2 ถูกมองว่าเป็นการไปอยู่ขุมทรัพย์มหาศาล รองลงมาคือภาค 7 ยิ่งในจังหวัดมีโรงงาน แรงงานต่างด้าวเยอะ ตำรวจยิ่งชอบ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้สังกัดกระทรวงแรงงาน
เค้าว่าภาค 2 มีครบทุกอย่าง แหล่งบันเทิงเช่นพัทยา สินค้าจากเรือใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรม ภาค 7 และภาคไต้ก็มีสินค้าหลากหลาย ทั้งประเภทสินค้าอัดเม็ดส่งมาจากประเทศเพื่อนบ้าน กรุงเทพมหานครนั้นไม่ต้องห่วง ถือว่านครบาลเป็นสุดยอดของตำแหน่ง
ทำไมสื่อต้องเรียกนายตำรวจเด่นดังว่า “บิ๊กนั่น” “บิ๊กนี่” มัน “บิ๊ก” อย่างไรไม่ทราบ มีความสามารถในการรับใช้ประชาชน ให้ความเที่ยงธรรม ผลงานเยี่ยม ซื่อสัตย์สุจริต มือสะอาดดมพิสูจน์ได้เช่นนั้นหรือ แล้วถ้าเก่งจริงทำไมต้องเป็น “เด็ก” ของ “บิ๊ก” ใหญ่กว่า
แสดงว่าอาชีพตำรวจเมืองไทยแตกต่างจากสังคมประเทศพัฒนาแล้ว ใช่หรือไม่!
ถ้ามองแบบใสซื่อ การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจครั้งนี้ ไม่คิดอะไรมาก ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา เป็นแบบนี้ทุกปี อาจมีสภาวะแปรผันสำหรับบางยุค ซึ่งมุ่งเน้นอยู่ไม่กี่ประเด็นเช่น เด็กใคร ถือตั๋วใคร มีปัจจัยเสริมอย่างอื่นมั้ย หรือองค์ประกอบทุกอย่างต้องครบถ้วน
บางยุคก็ถือตั๋ว เป็นเด็กเส้นผู้ใหญ่ผู้โต มีอำนาจมากมายทางการเมือง ทางราชการ เด็กของบิ๊กนั่น บิ๊กโน่น แบบนี้สบาย ยิ่งถ้ามีปัจจัยชำระหนี้ได้ตามกฎหมายนำร่องจูงใจ ก็ยิ่งดี แสดงออกให้เห็นความใจกว้าง ใจถึง หารายได้เสริมง่าย สภาพคล่องสูง พึ่งพาได้แน่
ในการโยกย้ายบางยุค ความรู้ ความสามารถ เส้นสายไม่เกี่ยว เงินอย่างเดียว!
ยอมรับกันอย่างไม่อายใช่หรือไม่ว่าตำแหน่งของตำรวจและข้าราชการทุกหน่วยเกี่ยวโยงกับผลประโยชน์ในรูปแบบของลาภสักการะอันมิควรได้ เรียกกันง่ายๆ ว่า “ส่วย” เงินไต้โต๊ะ เงินจากน้ำกาม เงินสินบนนำจับ และรายได้พิเศษจากแหล่งอบายมุขต่างๆ
มีสภาวะเงินตามน้ำ กินตามสำนวน ล้มคดี สั่งไม่ฟ้อง หรือบิดเบือนหลักฐาน ช่วยเหลือผู้ต้องหาฐานะดี ตามที่มีเสียงร่ำลือ ทำมาหากินอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ใช่หรือไม่?
ทำไมเวลาสื่อมวลชนบอกว่าพื้นที่นั้นเป็นแหล่งเงินแหล่งทอง ไม่มีใครร้องโวยวายว่าไม่จริง “ผมมาทำงานด้วยเงินเดือนอย่างเดียว ไม่มีนอกมีใน มือสะอาดดมพิสูจน์ได้”
อย่างตำแหน่งผู้บัญชาการเป็นต้น ทำไมการเป็นผู้บัญชาการศึกษา หรือตำแหน่งประจำ ระดับเงินเดือนเดียวกัน จึงถูกมองว่าด้วยกว่าผู้บัญชาการภาค! แสดงว่ามีผลประโยชน์มหาศาลทั้งตามน้ำ ทวนน้ำ หักดิบ หักคอ สร้างความมั่งคั่งอย่างเร็ว ใช่มั้ย
กลายเป็นว่าถ้าใครต้องการก้าวหน้า ต้องเป็นเด็กเส้น หาเงินเก่ง ใช่มั้ย? เสียงครหาว่ารับใช้ผู้มีอำนาจ และนักการเมือง จนยอมละทิ้งจิตสำนึกของตำรวจมืออาชีพ เป็นความจริงใช่หรือไม่? นี่เป็นคำถามแบบมองโลกสวย ไม่มีจิตแนวมองโลกในแง่ร้ายสักนิดเดียว
ประเทศที่สังคมพัฒนาแล้วจะไม่มองวงการตำรวจด้วยความสงสัยในด้านความเป็นมืออาชีพ อยู่ร่วมกันด้วยความอุ่นใจ ไม่ต้องระวังการโดนรีดไถ อยู่ภายไต้การตรวจสอบเข้ม ในบ้านเรา ตำรวจมีเส้นสายกับพวกไร้เส้นเหมือนอยู่กันคนละโลก ต่างมิติและฐานะ
ประชาชนได้เรียกร้องให้มีการปฏิรูปโครงสร้างองค์กรตำรวจอย่างจริงจัง จัดระบบการจับกุม สืบสวน เพื่อดำรงความเที่ยงธรรม ตำรวจบางหน่วยควรถูกโยกย้ายไปสังกัดหน่วยงานที่เหมาะสม เช่นตำรวจป่าไม้ ตำรวจรถไฟ ตำรวจน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ไม่มีเสียงตอบสนองอย่างจริงจัง มีแต่คำอ้างว่าทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป! ถามบ่อยครั้ง ไร้คำตอบ ทำเอาคนถามรู้สึกอายเหมือนกัน ถูกสงสัยว่าเป็นการเชื่อมต่อผลประโยชน์ระหว่างกลุ่ม ทำให้พฤติกรรมแพร่กระจายหยั่งรากลงลึก แก้ไขยาก
เห็นการจัดวางกำลังตามรายชื่อโยกย้าย แข่งกันไปลงพื้นที่เงินสะพัด ทำเลทองแล้ว ความหวังที่ประชาชนจะได้เห็นการปฏิรูปองค์กรตำรวจคงไม่เร็วไปกว่าชาติหน้าแน่นอน
โดย โสภณ องค์การณ์
ผ่านไปแล้วสำหรับงานหนักของคณะกรรมการตำรวจในการอนุมัติการแต่งตั้งโยกย้าย 321 นายพลตำรวจ หลังจากมีโผโผล่แพลมออกมาให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียลุ้นกันว่าตัวเองจะได้ตำแหน่งดีกว่าเดิม หรือโดนโยกให้ไปนั่งเก้าอี้ซึ่งไม่เอื้ออวยต่อชีวิตและอนาคตของตนเอง
ใครได้ดีมีตำแหน่งใหญ่ ก็ดีใจ มองเห็นความสดใสของโลกสวย ใครพลาดเก้าอี้ที่คาดหวังไว้ชาวบ้านก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญ ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมนั่นนี่โน่น โดยไม่มองรอบข้างว่าคนอื่นๆ ซึ่งตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันไม่ร้องโอดโอย แต่ตั้งมั่นในสภาวะทำใจ
ทำไมการโยกย้ายตำรวจระดับนายพลจึงเป็นจุดน่าสนใจของทุกฝ่าย มีอะไรหรือ? ประเทศไทยน่าจะมีทั้งความพิสดารและพิศวงในเรื่องการโยกย้ายนายทหาร ตำรวจ และข้าราชการหน่วยอื่นๆ ช่วงหลังสื่อสนใจเรื่องโยกย้ายผู้อำนวยการโรงเรียน พระครูใบฎีกา
กระพ้มเชื่อว่าการโยกย้ายตำรวจในประเทศอื่นๆ ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อแบบเอาเป็นเอาตายเหมือนในเมืองไทย นายตำรวจโดดเด่นมักถูกมองว่าเป็น “เด็กนาย” อยู่บนเส้นทางด่วนสายอาชีพ ก้าวหน้าเร็ว มีแรงหนุน ไม่ใช่อยู่ในประเภทโลกลืม มีชีวิตแร้นแค้น
เพื่อนของกระพ้มเป็นนายตำรวจ เกษียณอายุในตำแหน่งรองผู้กำกับ ยศพันตำรวจโทเท่านั้น ส่วนเพื่อนร่วมรุ่นจบจากธรรมศาสตร์พร้อมกัน มีทั้งเป็นรอง ผบ.ตร. อัยการสูงสุด ผู้พิพากษาศาลฎีกา! โลกหนอโลก! ถามว่าทำไมเอ็งถึงดักดานยาวนานอย่างนี้?
มันตอบว่า “กูไม่อยากเสียเงินซื้อตำแหน่ง! ” อ้าว! แสดงว่ามีการซื้อขายตำแหน่ง!
วันนี้กระพ้มขอรับบทชาวโลกสวย ประสบการณ์ค่อนข้างน้อย ไร้เดียงสา ออกแนวบ้องตื้น มองวงการตำรวจไทยด้วยความพิศวง มีข้อสังเกต และข้อสงสัยมากมายที่ต้องการคำตอบอย่างจริงจัง เพื่อความกระจ่างในดวงจิต เป็นรากฐานของความเข้าใจวงการตำรวจ
มันมีอะไรพิเศษในการโยกย้ายตำรวจ? ไม่ใช่เรื่องของการคัดสรรนายตำรวจเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ปราบปรามโจรผู้ร้าย รักษากฎหมาย ตามหน้าที่ อาชีพหรือ ที่น่าประหลาดใจคือ ทำไมการย้ายไปอยู่ในพื้นที่ต่างๆ จึงถูกมองว่าดีอย่างนั้น อย่างนี้
มันมีอะไรมากกว่าเงินเดือนจากภาษีของประชาชนหรือ? ทำไมการถูกโยกไปเป็นใหญ่ในภาค 2 ถูกมองว่าเป็นการไปอยู่ขุมทรัพย์มหาศาล รองลงมาคือภาค 7 ยิ่งในจังหวัดมีโรงงาน แรงงานต่างด้าวเยอะ ตำรวจยิ่งชอบ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้สังกัดกระทรวงแรงงาน
เค้าว่าภาค 2 มีครบทุกอย่าง แหล่งบันเทิงเช่นพัทยา สินค้าจากเรือใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรม ภาค 7 และภาคไต้ก็มีสินค้าหลากหลาย ทั้งประเภทสินค้าอัดเม็ดส่งมาจากประเทศเพื่อนบ้าน กรุงเทพมหานครนั้นไม่ต้องห่วง ถือว่านครบาลเป็นสุดยอดของตำแหน่ง
ทำไมสื่อต้องเรียกนายตำรวจเด่นดังว่า “บิ๊กนั่น” “บิ๊กนี่” มัน “บิ๊ก” อย่างไรไม่ทราบ มีความสามารถในการรับใช้ประชาชน ให้ความเที่ยงธรรม ผลงานเยี่ยม ซื่อสัตย์สุจริต มือสะอาดดมพิสูจน์ได้เช่นนั้นหรือ แล้วถ้าเก่งจริงทำไมต้องเป็น “เด็ก” ของ “บิ๊ก” ใหญ่กว่า
แสดงว่าอาชีพตำรวจเมืองไทยแตกต่างจากสังคมประเทศพัฒนาแล้ว ใช่หรือไม่!
ถ้ามองแบบใสซื่อ การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจครั้งนี้ ไม่คิดอะไรมาก ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา เป็นแบบนี้ทุกปี อาจมีสภาวะแปรผันสำหรับบางยุค ซึ่งมุ่งเน้นอยู่ไม่กี่ประเด็นเช่น เด็กใคร ถือตั๋วใคร มีปัจจัยเสริมอย่างอื่นมั้ย หรือองค์ประกอบทุกอย่างต้องครบถ้วน
บางยุคก็ถือตั๋ว เป็นเด็กเส้นผู้ใหญ่ผู้โต มีอำนาจมากมายทางการเมือง ทางราชการ เด็กของบิ๊กนั่น บิ๊กโน่น แบบนี้สบาย ยิ่งถ้ามีปัจจัยชำระหนี้ได้ตามกฎหมายนำร่องจูงใจ ก็ยิ่งดี แสดงออกให้เห็นความใจกว้าง ใจถึง หารายได้เสริมง่าย สภาพคล่องสูง พึ่งพาได้แน่
ในการโยกย้ายบางยุค ความรู้ ความสามารถ เส้นสายไม่เกี่ยว เงินอย่างเดียว!
ยอมรับกันอย่างไม่อายใช่หรือไม่ว่าตำแหน่งของตำรวจและข้าราชการทุกหน่วยเกี่ยวโยงกับผลประโยชน์ในรูปแบบของลาภสักการะอันมิควรได้ เรียกกันง่ายๆ ว่า “ส่วย” เงินไต้โต๊ะ เงินจากน้ำกาม เงินสินบนนำจับ และรายได้พิเศษจากแหล่งอบายมุขต่างๆ
มีสภาวะเงินตามน้ำ กินตามสำนวน ล้มคดี สั่งไม่ฟ้อง หรือบิดเบือนหลักฐาน ช่วยเหลือผู้ต้องหาฐานะดี ตามที่มีเสียงร่ำลือ ทำมาหากินอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ใช่หรือไม่?
ทำไมเวลาสื่อมวลชนบอกว่าพื้นที่นั้นเป็นแหล่งเงินแหล่งทอง ไม่มีใครร้องโวยวายว่าไม่จริง “ผมมาทำงานด้วยเงินเดือนอย่างเดียว ไม่มีนอกมีใน มือสะอาดดมพิสูจน์ได้”
อย่างตำแหน่งผู้บัญชาการเป็นต้น ทำไมการเป็นผู้บัญชาการศึกษา หรือตำแหน่งประจำ ระดับเงินเดือนเดียวกัน จึงถูกมองว่าด้วยกว่าผู้บัญชาการภาค! แสดงว่ามีผลประโยชน์มหาศาลทั้งตามน้ำ ทวนน้ำ หักดิบ หักคอ สร้างความมั่งคั่งอย่างเร็ว ใช่มั้ย
กลายเป็นว่าถ้าใครต้องการก้าวหน้า ต้องเป็นเด็กเส้น หาเงินเก่ง ใช่มั้ย? เสียงครหาว่ารับใช้ผู้มีอำนาจ และนักการเมือง จนยอมละทิ้งจิตสำนึกของตำรวจมืออาชีพ เป็นความจริงใช่หรือไม่? นี่เป็นคำถามแบบมองโลกสวย ไม่มีจิตแนวมองโลกในแง่ร้ายสักนิดเดียว
ประเทศที่สังคมพัฒนาแล้วจะไม่มองวงการตำรวจด้วยความสงสัยในด้านความเป็นมืออาชีพ อยู่ร่วมกันด้วยความอุ่นใจ ไม่ต้องระวังการโดนรีดไถ อยู่ภายไต้การตรวจสอบเข้ม ในบ้านเรา ตำรวจมีเส้นสายกับพวกไร้เส้นเหมือนอยู่กันคนละโลก ต่างมิติและฐานะ
ประชาชนได้เรียกร้องให้มีการปฏิรูปโครงสร้างองค์กรตำรวจอย่างจริงจัง จัดระบบการจับกุม สืบสวน เพื่อดำรงความเที่ยงธรรม ตำรวจบางหน่วยควรถูกโยกย้ายไปสังกัดหน่วยงานที่เหมาะสม เช่นตำรวจป่าไม้ ตำรวจรถไฟ ตำรวจน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ไม่มีเสียงตอบสนองอย่างจริงจัง มีแต่คำอ้างว่าทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป! ถามบ่อยครั้ง ไร้คำตอบ ทำเอาคนถามรู้สึกอายเหมือนกัน ถูกสงสัยว่าเป็นการเชื่อมต่อผลประโยชน์ระหว่างกลุ่ม ทำให้พฤติกรรมแพร่กระจายหยั่งรากลงลึก แก้ไขยาก
เห็นการจัดวางกำลังตามรายชื่อโยกย้าย แข่งกันไปลงพื้นที่เงินสะพัด ทำเลทองแล้ว ความหวังที่ประชาชนจะได้เห็นการปฏิรูปองค์กรตำรวจคงไม่เร็วไปกว่าชาติหน้าแน่นอน