xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯไฟเขียวป.ป.ช.สอบน้อง! ยันคดีจำนำข้าวไม่สองมาตรฐาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

"บิ๊กตู่" ยันเป็นหน้าที่ ต้องเรียกค่าเสียหายจำนำข้าว ไม่ได้เลือกปฏิบัติยันไม่ปกป้องน้องชาย เปิดทาง ป.ป.ช.สอบ บอก “เขาไม่โง่ แต่ไม่มีการรับประกันแทน ด้าน"ยิ่งลักษณ์"ขอ"บิ๊กตู่" ใช้มาตราฐานเดียวกับน้องชาย ส่วน "อรรถวิชช์" งัดข้อมูลน้ำในเขื่อนช่วงปี 54 ยัน"ยิ่งลักษณ์" บริหารจัดการผิดพลาด ทำน้ำท่วมทั้งประเทศ เตรียมส่งข้อมูลให้ ป.ป.ช. เช็คบิลจันทร์นี้

วานนี้ (25ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 71 ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงกรณีคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง ที่มีอธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นประธาน พิจารณาสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สรุปตัวเลขความเสียหายที่ต้องจ่ายจำนวน 35,717 ล้านบาท ว่าขั้นตอนต่อไปรัฐบาลมีหน้าที่นำเข้าสู่กระบวนการอย่างเดียว ตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ที่ใช้มากว่า 5 พันคดีแล้ว

"ไม่ได้แกล้งใคร ไม่ได้เลือกปฏิบัติอะไรใคร มันมีหน้าที่อยู่ถ้ารัฐบาลไม่ดำเนินการ ก็จะถูกดำเนินการตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และต้องทำให้ทันอายุความที่จะสิ้นสุดภายในเดือนก.พ.60 ผมไม่ได้ไปเร่งรัดอะไร กฎหมายเขาเขียนไว้อย่างนั้น" นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีที่มาจากการร้องทุกข์กล่าวโทษ ใครมีหน้าที่ก็ทำไป ส่วนการตัดสินเป็นเรื่องของศาล ไม่ใช่เรื่องของตน รวมทั้งตั้งคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งแบบจีทูจี ในส่วนของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวก นั้นก็เป็นหน้าที่รัฐบาลซึ่งได้มีการตรวจสอบ 2 ฤดูการผลิต ในปี 55/56 และปี 56/57 ตามที่ ป.ป.ช.และหน่วยงานที่ตรวจสอบให้สอบ และทำตามคำสั่งศาล ส่วนการจะไปดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมอย่างไร มันก็มีสิทธิ สามารถทำได้ ผู้ถูกกล่าวหา ก็อุทธรณ์ได้

"แล้วมันผิดตรงไหน หรือไม่ต้องเข้ากระบวนการเลย แล้วเอารัฐบาลผมไปรับโทษแทน คิดให้มันถูกต้อง อย่าไปฟังสิ่งที่มันอ้างไปอ้างมา เอาหลักฐาน เอากฎหมายมาว่ากัน เวลานี้ประชาชนสับสนไปหมด กฎหมายไม่เป็นกฎหมายไปหมด เขาจะแกล้งเรื่องอะไร" นายกฯ กล่าว

**ยันไม่ปกป้องน้องชาย

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ หลังมีผู้ร้องต่อ ป.ป.ช. ทั้งในเรื่องการสร้างฝาย ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และ การประมูลงานก่อสร้างของกองทัพภาค 3 ซึ่งเกี่ยวข้องกับ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม และครอบครัว ว่า เรื่องน้องชาย ก็ส่วนน้องชาย เป็นคนละคน ส่วนที่ตนถูกโจมตีไปด้วยนั้น ก็โจมตีไป เพราะโดนทุกวันอยู่แล้ว แต่อย่าทำผิดกฎหมายกับตนก็แล้วกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯห่วงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วคุณห่วงน้อง ห่วงญาติพี่น้องคุณหรือไม่ และเรื่องที่ถูกโจมตีเหล่านั้น จริงหรือเปล่า พิสูจณ์หรือยังว่ามันผิด โดยในเรื่องการทำธุรกรรมบริษัทนั้น ยังไม่รู้ว่าถูก หรือผิด

" เขาคงไม่โง่หรอก แต่ผมก็ไม่รับประกันแทนอยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องของเขา ที่ต้องรับผิดชอบไป เพียงแต่ว่ามันจะถูกจับตา นี่ โน่น คือพอมีอะไรขึ้นมา ผมก็จะต้องโดน แล้วมาบอกว่ารัฐบาลไม่เอาใจใส่ มันคนละประเด็น อยากจะสอบก็สอบไป แต่อย่าไปเอาเรื่องที่เกิดขึ้นมาตีกันอีกว่าทางนี้ก็เป็น จะทำไปเพื่ออะไร" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า เมื่อมีการฟ้องร้อง ก็ให้สอบไป ตนคงไม่ทำตัวแบบที่มันเกิดๆ มาหรอก อะไรที่ตัดสินแล้วหลุด ตัวเองถูก ตัวเองดี นั้นชอบกระบวนการศาลยุติธรรม แต่ถ้าไม่หลุดแล้วด่าศาล คนแบบนี้มันอยู่ได้ยังไงประเทศไทย ก็ปล่อยให้เขาทำลายต่อไปแล้วกัน ตนก็ทำได้แค่นี้

**ต้องใช้กม.มาตราฐานเดียวกับ"บิ๊กติ๊ก"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีเนื้อหาว่า ทุกอย่างที่นายกฯยืนยันออกมาจากปากท่านว่า การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับคดีดิฉัน เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ได้กลั่นแกล้ง ก็อยากให้นายกใช้หลักคิด และให้ความเป็นธรรมกับดิฉันเหมือนที่ท่านให้ความเป็นธรรม และปกป้องน้องชายท่าน รวมทั้งคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพวกเดียวกับท่าน เพราะกฎหมายมีไว้บังคับใช้กับทุกคน ไม่ใช่เลือกปฏิบัติกับฝั่งดิฉันเพียงฝ่ายเดียว

ขณะที่พรรคเพื่อไทย ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอให้ทบทวนกระบวนการเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว และยกเลิกการใช้ ม.44 โดยไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรธน. โดยมีเนื้อหาว่า ตามที่หัวหน้าคสช. ได้ดำเนินการเพื่อเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกับอดีตนายกฯ รัฐมนตรี และผู้เกี่ยวข้องในโครงการรับจำนำข้าว และได้ใช้อำนาจ ม.44 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 56/2559 ลงวันที่ 13 ก.ย.59 ให้อำนาจกรมบังคับคดี ในการใช้มาตรการบังคับทางปกครอง ด้วยการยึด อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ต้องรับผิดในโครงการรับจำนำข้าว ขณะเดียวกันกลับคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการดังกล่าว ให้ไม่ต้องรับผิด จากที่เคยออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 39/2558 คุ้มครองการปฏิ
บัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวมาครั้งหนึ่งแล้วนั้น พรรคเพื่อไทยเห็นว่า ได้มีความพยายามอย่างต่อเนื่อง ของรัฐบาลและหัวหน้าคสช. ที่จะมุ่งเอาผิดกับ อดีตนายกฯ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายกรณีโครงการรับจำนำข้าวให้ได้ โดยไม่สนใจกระบวนการ และขั้นตอนของกม. โดยเห็นได้ชัดเจนจากคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯ และรองนายกฯ ที่เกี่ยวข้อง ที่พยายามชี้นำสังคม และชี้นำการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ให้เห็นว่า บุคคลเหล่านั้นได้กระทำความผิด และต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายโดยเร็ว จนถึงขนาดใช้อำนาจพิเศษ ม. 44 เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ของกฎหมายปกติที่ใช้บังคับทั่วไป เพื่อนำมาใช้กับกรณีนี้เป็นการเฉพาะ ซึ่งพรรคเพื่อไทย เห็นว่า เป็นการลุแก่อำนาจสร้างความไม่ชอบธรรมแก่ผู้ที่ถูกกล่าวหา และเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม

จึงขอเรียกร้องให้หัวหน้า คสช. และรัฐบาลได้ดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมายปกติ ไม่ควรใช้อำนาจพิเศษตามรัฐธรรมนูญ ม.44 มุ่งใช้บังคับเพื่อเร่งเอาผิดกับบุคคลเป็นการเฉพาะ และการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐต้องเป็นไปตามหลักความเป็นธรรมและความรับผิดชอบตามกฎหมาย ไม่ควรยกเว้นหรือคุ้มครองความรับผิด จึงขอให้มีการทบทวนกระบวนการเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว และยกเลิกการใช้มาตรา 44 โดยไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ ของรัฐธรรมนูญ

** เรียกค่าเสียหายจำนำข้าวปู20%ไม่แฟร์

น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การเรียกค่าเสียหายทางแพ่งในโครงการรับจำนำข้าวว่า เป็นไปตามกระบวนการนิติบัญญัติ เพราะมีการกระทำละเมิดสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับงบประมาณของประเทศ เป็นวิธีการปกติที่ต้องไปจบที่กระบวนการยุติธรรม หากไม่พอใจคำสั่งทางปกครอง ก็ไปต่อสู้ที่ศาลปกครอง ส่วนข้อท้วงติงที่ว่าการออกคำสั่งทางปกครองจะผลักภาระในการพิสูจน์ให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ มากกว่าการฟ้องคดีปกติ รวมถึงข้อวิจารณ์ที่ว่าคำสั่งทางปกครองเป็นการชี้นำศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการการเมืองนั้น เป็นเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ ของพรรคเพื่อไทย หากมีหลักฐานก็ควรนำไปยื่นฟ้อง เชื่อว่าศาลพร้อมให้ความเป็นธรรม เช่นเดียวกับการมอบให้กรมบังคับคดีเข้ามาทำหน้าที่แทนกระทรวงพาณิชย์ ก็เป็นขั้นตอนปกติ จึงมองว่าข้อวิจารณ์ต่างๆ ที่ออกมา คงเป็นเพราะไม่รู้จะเอาอะไรมาพูด

"ส่วนการเรียกเก็บค่าเสียหายเพียง20% จากคุณยิ่งลักษณ์นั้น ผมมองว่าคณะกรรมการความรับผิดทางละเมิด ไม่แฟร์ การคิดค่าเสียหายเพียง 20% แล้วอีก 80% จะเรียกค่าเสียหายกับใคร เพราะคดีมีผู้กระทำผิดคนเดียว นอกจากนี้ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิด มีอายุความ 2 ปีจะรอไปฟ้องไล่เบี้ยกับบุคคลอื่นตามอายุความ 10ปี มันเป็นไปไม่ได้ การแถลงข่าววันเสาร์ ก็เพื่อหลบไม่ให้ถูกซักถาม" นพ.วรงค์ กล่าว

ส่วนกรณีทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ไม่เคยมีผู้นำรัฐบาลคนใดถูกฟ้องเพราะดำเนินนโยบายสาธารณะ ว่า ทุกโครงการของรัฐบาลมีค่าใช้จ่าย แต่งบประมาณต้องถึงมือประชาชน เช่น โครงการเรียนฟรี เงินก็ถึงมือนักเรียน แต่โครงการจำนำข้าว เงินไม่ถึงมือชาวนาทั้งหมด ความเสียหายที่เกิดขึ้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงต้องรับผิดชอบ และต้องเป็นบรรทัดฐานว่า นโยบายสาธารณะถ้าทำแล้วโกง ก็ต้องถูกดำเนินคดี

** "วิลาศ"ชี้ "ลูกบิ๊กติ๊ก" ทำน่าเกลียด

นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี บุตรชายคนโตของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม รับเหมาโครงการก่อสร้างของกองทัพภาค 3 ส่วนหน้า ว่า ตนยังไม่ได้ตามไปดูในเรื่องดังกล่าว ว่าเข้าข่ายขัดต่อกฎหมายหรือไม่ในการเข้าประมูลงาน เพราะต้องไปดูเรื่องของราคากลางคนที่เข้าประมูลงานด้วย แต่เห็นว่าสิ่งที่ทำแม้ไม่ผิด แต่ก็น่าเกลียด เพราะเป็นบริษัทจดทะเบียนตั้งอยู่ในค่ายทหาร และประมูลงานของกองทัพได้ทุกงาน และที่ตนยังไม่ได้เข้าไปตรวจสอบในเรื่องนี้ ไม่ได้กลัว แต่เพราะมีเรื่องทุจริตของการประปาฯ และกรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก

** ซัด"ปู"บริหารจัดการน้ำผิดพลาด

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ ที่กล่าวหาว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กักเก็บน้ำจนเป็นสาเหตุให้น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ว่า เป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์ พร้อมกับนำกราฟแสดงการกักเก็บน้ำในเขื่อนต่างๆ มาแสดงเพื่อยืนยันว่า การกักเก็บน้ำในช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เป็นไปตามปกติ แต่การบริหารน้ำที่ผิดพลาดเกิดในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเปรียบเทียบสถิติการกักเก็บน้ำในเขื่อนต่างๆ ช่วงที่มีการยุบสภา ในวันที่ 9 พ.ค.54 มายืนยันว่า ระดับน้ำยังต่ำกว่าเกณฑ์ มาเทียบกับช่วงรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้ารับตำแหน่งเดือนสิงหาคม มีเวลาเกือบสองเดือน แต่บริหารน้ำผิดพลาด เนื่องจากรัฐบาลในขณะนั้น มีนโยบายที่จะกักเก็บน้ำไว้เพื่อให้ชาวนาปลูกข้าว โดยเรื่องนี้มีคำยืนยันจาก นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ ในขณะนั้น ที่ระบุว่าได้สั่งให้ กฟผ.ชะลอน้ำ และมีการหน่วงน้ำไว้ แม้ว่าจะรู้ล่วงหน้าว่าจะมีฝนตกหนัก แต่ก็เลือกที่จะดำเนินการดังกล่าว เมื่อเกิดพายุสองลูก การระบายน้ำก็ยังทำแบบปกติ กระทั่งเขื่อนกักเก็บน้ำมากเกินไปจนล้นเขื่อน ก็มีการปล่อยน้ำออกมาจำนวนมาก ทำให้เกิดวิกฤตน้ำท่วมตามมา ทั้งนี้ ตนจะส่งข้อมูลทั้งหมดให้ ป.ป.ช.ในวันจันทร์ที่ 26 ก.ย. นี้ เพื่อประกอบการพิจารณา.
กำลังโหลดความคิดเห็น