รองนายกฯ เผยเป็นสิทธิ “บุญทรง” ฟ้อง จนท.เกี่ยวข้องเรียกค่าเสียหายข้าวจีทูจี ย้ำไม่ได้ใช้ ม. 44 ยึดทรัพย์ ย้อน รบ.มาร์ค-ปูก็มีแนวคิดให้กรมบังคับคดีมีอำนาจ สวนท้วงคดีอาญาไม่จบคนละเรื่อง ชี้อาญา-แพ่งแยกส่วนกันได้ แจงใช้ ม.44 ก่อนหลังคำสั่งศาลปกรองไม่แปลก ย้ำทำตามหน้าที่ จนท.ทำด้วยความสุจริต คาดสัปดาห์หน้าคลอดชื่อ ขรก.เอี่ยวทุจริตล็อตที่ 8 โยน กรธ.เคลียร์เซตซีโร่องค์กรอิสระ
วันนี้ (21 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงแรมรามากาเด้นส์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ จะฟ้องดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการเรียกค่าเสียหายในส่วนการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ว่าเป็นสิทธิของนายบุญทรงหากรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถทำได้ ส่วนกระบวนการรับเรื่องและการพิจารณาจะเป็นอย่างไรต้องว่ากันตามกฎหมาย มีคนรายงานให้ทราบว่านายบุญทรงได้ทักท้วงในบางประเด็น คือ รัฐบาลใช้มาตรา 44 ไปยึดทรัพย์ ทั้งที่อธิบายไปหลายครั้งแล้วว่าไม่ใช่ ถ้านายบุญทรงเข้าใจผิดต้องช่วยกันอธิบายให้เข้าใจ แต่ถ้าเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นไม่รู้จะว่าอย่างไร
นายวิษณุกล่าวว่า มาตรา 44 ออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่รัฐในเวลาที่รัฐจะไปยึดทรัพย์เท่านั้น โดยใช้กระบวนตามกฎหมายปกติ คือ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ที่ใช้มา 3-5 พันราย แต่เมื่อคณะกรรมการทางกฎหมายบอกว่าใครผิดแล้วจะต้องไปยึดทรัพย์ ปรากฏว่าในกรณีที่มีมูลค่าเป็นหมื่นล้านบาททางกระทรวงเจ้าทุกข์ไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีเวลา ไม่มีเจ้าหน้าที่ที่ชำนาญในการทำ จึงใช้มาตรา 44 ออกมาเพื่อให้การกรมบังคับคดีไปทำหน้าที่นี้ซึ่งจะไม่สามารถทำได้ถ้าไม่มีเรื่องที่จะต้องให้ไปยึด แต่เรื่องที่จะยึดเกิดมาจากคณะกรรมการได้วินิจฉัยมาก่อนแล้วและมีคำสั่งทางปกครอง
รองนายกฯ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้แต่ละกระทรวงประสบปัญหาเพราะแม้ทรัพย์จะมีมูลค่าไม่มาก แต่เวลาไปยึดทำไม่เป็นและยึดได้ยาก เรื่องดังกล่าวจึงมีความพยายามมาก่อนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเข้ามา ที่จะให้กรมบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์ โดยกรมบังคับคดีท้วงมาตลอดมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าอยากให้ออกกฎหมายให้อำนาจมาแก่เขา ต่อมาสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รมว.ยุติธรรมขณะนั้นได้เตรียมเรื่องให้กรมบังคับคดีตั้งกองบังคับคดีตามคำสั่งทางปกครอง แต่ยังติดอยู่ที่ว่ากฎหมายไม่ได้ให้อำนาจไว้ยึด เพราะกฎหมายให้ยึดคำสั่งศาล จึงต้องพับเรื่องดังกล่าวไว้ มาถึงรัฐบาลนี้ จึงใช้มาตรา 44 ให้กรมบังคับคดีมีอำนาจเข้าไปทำซึ่งไม่จำเป็นต้องไปตั้งกอง
รองนายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนข้อทักท้วงที่ระบุว่าคดีอาญายังไม่จบ แต่มีการดำเนินการเตรียมยึดทรัพย์นั้น เป็นคนละเรื่อง และคนละประเด็น เนื่องจากการดำเนินคดีวินัยต่อบุคคลสามารถแยกทางกับคดีอาญา หรือคดีแพ่งได้ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับ คนละข้อหา พิจารณาคนละศาล ใครจะทำก่อนหรือหลังไม่แปลก เพราะไม่ได้แปลว่าเมื่อศาลหนึ่งยกฟ้องแล้วจะยกฟ้องทั้งหมด เช่น ยกฟ้องคดีอาญาแต่ผิดวินัยและถูกไล่ออก หรือยกฟ้องคดีอาญาแต่ต้องชดใช้ทางแพ่ง หรือยกฟ้องทางแพ่งแต่ต้องติดคุก แต่การเรียกค่าเสียหายทางแพ่งนี้อายุความสั้นเพียง 2 ปี จะครบกำหนดในวันที่ 16-17 ก.พ. 2560 ถ้าจะถ่วงเวลาให้คดีอาญาจบ รับรองว่าเลยอายุความ ตอนนั้นจะฉุกละหุก ดังนั้นทั้งหมดนี้อยู่บนความเป็นธรรมพื้นฐานและมาตรฐานปกติ ขอยืนยันได้ ส่วนจะผิดหรือถูก หรือที่นายบุญทรงโต้แย้งในข้ออื่นไม่ใช่เรื่องที่ตนต้องไปเถียงกับท่าน ที่บอกว่าเรื่องจำนำข้าวจีทูจีไม่มีทุจริตต้องไปว่ากันในศาล ตนไม่สามารถตอบได้
เมื่อถามถึงข้อสังเกตว่าการใช้มาตรา 44 ให้กรมบังคับคดีมีอำนาจในการยึดทรัพย์ก่อนที่จะมีคำสั่งทางปกครอง เหมือนเป็นการตั้งใจออกมารองรับไว้ก่อน นายวิษณุกล่าวว่า จะก่อนหรือหลังไม่แปลก ถึงออกมาก่อนแต่ยังทำอะไรไม่ได้เพราะต้องรอคำสั่งทางปกครองก่อน แต่ที่ออกมาให้อำนาจก่อนเพื่อจะได้เตรียมการไว้ โดยคำสั่งออกมาก่อนที่จะมีการลงนามคำสั่งกรณีจีทูจีไม่กี่สัปดาห์ ส่วนที่มีการถกเถียงโต้แย้งกันว่าใครจะลงนามในการออกคำสั่งของกรณีจีทูจี ไม่ทราบว่าข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร แต่ในกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้มีปัญหาอะไร และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะรู้ว่ามีการลงนามและจบไปแล้วตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา จากนี้เป็นเรื่องของกระทรวงที่ต้องส่งคำสั่งทางปกครองไปให้นายบุญทรงกับพวก ถ้าภายใน 30 วันยังไม่อุทธรณ์จะมีการเตือนอีก 15 วัน ถ้ายังไม่ดำเนินการอะไร เมื่อครบ 45 วันนับแต่วันส่งคำสั่งไปให้ กรมบังคับคดีจะเข้าไปยึดทรัพย์เพื่อรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม ไม่ได้ยึดจากนายบุญทรงมาเป็นของใคร แต่ยึดมาเป็นของแผ่นดินเพราะไม่มีสินบนหรือรางวัลนำจับ ทุกอย่างทำตามหน้าที่
เมื่อถามว่า การที่นายบุญทรงออกมาขู่ฟ้องกลับจะทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความเกรงกลัวหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบว่ากลัวหรือไม่ แต่ต้องดำเนินการต่อไป ทุกคนทำตามหน้าที่ เมื่อศาลบอกว่าผิดคือผิด และมาตรา 44 ไม่ได้คุ้มครองทุกคน ทุกสถานการณ์ เพราะมีข้อแม้ว่าต้องทำภายใต้ความสมควรแก่เหตุ สุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ นอกจากนี้ ต้องขอบคุณนายพูลเดช กรรณิการ์ ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่แสดงความเป็นห่วงและเตือนมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ข้อกฎหมายบางเรื่องได้พิจารณามาก่อนที่นายพูลเดชจะยื่นหนังสือแล้ว ไม่ได้บอกว่ามั่นใจอะไร แต่ทุกคนทำไปตามหน้าที่
นายวิษณุกล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีรายชื่อข้าราชการเกี่ยวข้องกับการทุจริตและประพฤติมิชอบล็อตที่ 8 จำนวน 80 คน ตามที่ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ส่งมาให้ว่า ขอให้รายชื่อออกมาก่อนค่อยอธิบาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าบุคคลที่มีรายชื่อยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ มีการเปลี่ยนชื่อหรือตำแหน่งถูกต้องหรือไม่ เมื่อแล้วเสร็จจะส่งให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงนาม คาดว่าเป็นสัปดาห์หน้าที่รายชื่อจะออกมา
นายวิษณุยังกล่าวถึงกรณีที่มีการเสนอให้เซตซีโร่องค์กรอิสระว่า เรื่องนี้อยู่ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เป็นคนทำ รัฐบาลไม่ได้เป็นคนคิดที่จะไปเซตซีโร่ จึงไม่ควรจะไปตอบ เพราะถ้ายุ่งมากๆ เดี๋ยวเขาจะเซตซีโรรัฐบาลบ้าง