xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ทรงธรรม อัลภาชน์”ตำรวจหัวใจเพชร 10ปีสู้กับระบบ“ทักษิณ”ถูกแกล้งลืม!!??

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ช่วงนี้นอกจากฝนจะตกชุกชุ่มฉ่ำทั่วทุกภูมิภาคแล้วยังเป็นฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ซึ่งในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เห็นมีนักวิเคราะห์ มือเจาะข่าวระบุกันแล้วว่าใครจะมา ใครจะไป ด้วยเหตุผลอะไร... เรื่องตัวบุคคลไม่น่าแปลกใจอะไร แต่เมื่อมองเหตุผลของการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับต่างๆ ของหน่วยงานนี้ก็ต้องถอนลมหายใจ ตกลงว่า ระบบคุณธรรม การเฟ้นหาคนดีมีฝีมือ มีความเหมาะสมเราจะไม่เอากันแบบนี้แล้วหรือ

นักวิจารณ์หลายคน (แทบทุกคน) เชื่อกันว่า เหตุผลหลักของการแต่ตั้งข้าราชการระดับ“นายพล”ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรืออาจรวมไปถึงระดับอื่นๆ ว่ากันด้วยระบบอุปถัมภ์ล้วนๆ โดยผู้มีอำนาจ 2 คนคือ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะผู้กำกับดูแล สตช.
 
2 ปีกว่าของการยึดอำนาจ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ ตามปกติก็โดนข้อกล่าวหาจากสังคมว่าเป็นตรายางอยู่แล้ว พอเข้ายุค“คืนความสุข”คณะ ก.ตร.ก็เลยยิ่งกว่า”ไอ้เณร”ทหารฝึกใหม่...ซ้ายหัน...ขวาหัน.. สุดแท้แต่ผู้ยิ่งใหญ่จะมีบัญชามา

ท่านนายกรัฐมนตรี มีตำรวจในดวงใจอยู่หลายคน รวมทั้ง พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แต่ในระหว่างนั่งเก้าอี้ น.1 ต้องผ่านต้องเจออะไรมาบ้าง ท่านที่ติดตามข่าวตำรวจคงทราบกันดี เช่น ให้นั่งเป็นรักษาการอยู่นานเป็นปี คลึงซ้ายคลึงขวาให้พอ สังคมตำรวจมองเห็นว่า“ที่นี่”ใครใหญ่จริงจึงค่อยปล่อยให้เป็น น.1 เต็มก้น

ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ ท่านรู้สึกหนักใจอยู่พอสมควรกับภาพลักษณ์ต่างๆ ของ สตช. ภายใต้การดูแลของ พล.อ.ประวิตร อดีตเจ้านายซึ่งเป็นเสมือนพี่ เสมือนญาติผู้ใหญ่ เป็นผู้มีพระคุณ...หนักหนาอะไร เสียหายอะไร “ทนไม่ได้ก็ต้องทน” นั่นเป็นเพราะความรักที่มีต่อพี่ชายคนนี้ และเป็นลักษณะนิสัยของท่านที่รักษาคำพูด ตกลงอะไรไว้ มอบหมายงานให้ใคร ก็จะไม่ลงไปล้วงลูกให้บาดความรู้สึกกัน

ส่วนท่านรองนายกฯประวิตร ลำพังคงไม่รู้ตื้นลึกหนาบางในวงการตำรวจ ดังนั้น ทีมงานสำคัญหนีไม่พ้น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชายสุดเลิฟ ซึ่งก็มีสต๊าฟทำงานเป็นที่รู้จักอยู่หลายคน ประเภทนักเลงเรียกพี่ ตำรวจเรียกพ่อ มีประวัติโด่งดังเป็นที่รู้กัน เป็นทีมงานสำคัญคอยเลือกเฟ้น จัดหา เผลอๆ อาจจะจัดทำบัญชีกันเลยก็ได้

ความเป็นจริงทำกันประมาณนี้ ส่วนเบอร์ 1 กรมปทุมวัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ในฐานะผู้นำสูงสุดขององค์กร ข่าวว่าไม่ค่อยมีปากเสียงเท่าไหร่...นายกฯ-รองนายกฯ ว่าไง ก็ต้องว่าตาม แต่น้ำหนักเทไปทาง พล.อ.ประวิตร เพราะต้องทำงานใก้ลชิด...แต่งตั้ง-โยกย้าย เที่ยวนี้ข่าวว่าท่านตั้งใจจะช่วยเพื่อน นรต.36 อย่างเต็มที่ มากน้อยแค่ไหนในระดับ“ผู้บัญชาการ”ก็ต้องคอยติดตามกันต่อไป

ว่าไปแล้วสังคมตำรวจ เป็นสังคม “ต้องสาป”จริงๆ หรือ...นักการเมืองมาก็โดนนักการเมืองบีบ แต่พอทหารมา เห็นตำรวจน้อยใหญ่หลายคนบ่นให้ฟังว่าทำงานกับทหารค่อนข้างลำบาก เพราะจะเอาอะไร ต้องได้ดั่งใจ...นักการเมืองบีบ กับทหารบีบ ตำรวจออกอาการ “หน้าเขียว” คนละอย่าง
 
นักการเมืองยังขยิบตาข้าง ปล่อยให้ตำรวจทำมาหากิน ซึ่งอาจจะเจือสมกับหัวคะแนน-ผู้มีอิทธิพล แต่ทหารไม่เอาด้วย นอกจากใช้งานหนัก ยังต้องรักษากติกาสังคมอย่างเคร่งครัด บ่อน-ซ่อง-อบายมุข “ห้ามเด็ดขาด”

ว่าไปแล้วมุมดีๆของทหาร มีมากกว่านักการเมือง แต่หลายคนก็ข้องใจว่าแล้วทำไมไม่ชำระสะสางวงการสีกากีกันอย่างจริงจัง ทำไมปล่อยให้มีการวิ่งเต้น ถึงขั้นซื้อขายตำแหน่งกัน ทำไมไม่สนับสนุนคนดีๆ มีความสามารถขึ้นมารับผิดชอบงานสำคัญ...จนไปถึงคำถามสำคัญที่ว่า...ทำไมไม่ปฏิรูปตำรวจ

คำถามต่างๆ เหล่านี้ประชาชนไม่ต้องการคำตอบจาก พล.อ.ประวิตร แต่อยากได้ยินจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ !!??

ส่วนท่านจะตอบอย่างไร อารมณ์ไหน สักวันคนไทยอาจได้เห็นอะไรดีๆ เพียงแต่ว่าตอนนี้เป็นช่วงแต่งตั้ง-โยกย้าย ขอให้ท่านนายกฯ ทำในสิ่งดีๆ แก่สังคมไทย และสังคมตำรวจไทย จะได้ไหม
 
พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ รอง ผบช.ภ.5 คือ นายตำรวจ“น้ำดี”ที่ไม่ควรถูกลืม และไม่ควรปล่อยให้ค่านิยมผิดๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ“ฝัง”คนดี มีความสามารถ ให้เดียวดายอยู่ในสุสานวัฒนะธรรมห่วยๆ ซึ่งกำลังกัดกร่อน“ศรัทธา”ของคนดีที่เขาเชื่อว่า ทำดีต้องได้ดี กลับไปทำชั่วเพื่อให้ได้ดีกันหมด

พล.ต.ต.ทรงธรรม เป็นบุตร พล.ต.ท.ณรงค์ อัลภาชน์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธร 4 เป็นนายตำรวจหัวใจเพชร ที่ถูกส่งไปร่วมแก้ไขสถานการณ์ภาคใต้ เมื่อสมัยพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี และกำหนดแผนใต้ร่มเย็น ทำงานร่วมกับ พล.อ.หาญ ลีนานนท์

พ่อเป็นอย่างไร ลูกถอดแบบมาอย่างนั้น คือ สมถะ เรียบง่าย ไม่วิ่งเต้นประจบสอพลอเจ้านาย ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ เที่ยงตรง แต่สำคัญที่สุดคือเขาถูกคัดเลือกให้ลงมาดูแลพื้นที่ “แดงเดือด”เป็น ผบก.เชียงราย ถึง 2 ครั้งสองหน

ครั้งแรก ช่วงเกิดเหตุการณ์ 19 ก.ย. 49 อันเป็นจุดเริ่มของการต่อสู้กับระบบ“ทักษิณ” พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ถูกมอบหมายภารกิจสำคัญให้มาดูแล จ.เชียงราย ซึ่งทราบกันดีว่าเป็นฐานที่มั่นสำคัญของ“เสื้อแดง”กระทั่งคณะทหารผู้นำการปฏิวัติภายใต้อักษรย่อ“คมช.” เสร็จสิ้นภารกิจเดือน ธ.ค.ปี 50 นายตำรวจผู้นี้ ยังคงได้รับความวางใจ "ปักหลัก"รักษาพื้นที่จนกว่าจะเปลี่ยนผ่าน

ทหารไปแล้ว แต่ภารกิจยังไม่สำเร็จ แรงกดดันต่างๆ มีอยู่มากมาย...เสียงจากเวทีคนเสื้อแดง ที่มาตั้งอยู่หน้ากองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 มีทั้งเยาะเย้ย ถากถาง ยั่งยุทุกวี่วัน แต่ตำรวจต้องทน ต้องคอยระมัดระวัง ไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง

ระหว่างเข้าสู่โหมตประชาธิปไตย ตำรวจเชียงราย ภายใต้การนำของ พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน มีการตั้งจุดตรวจอาวุธ จุดสะกัดต่างๆ รวมทั้งปิดกั้นขบวนการซื้อเสียงจนที่สุด นายยงยุทธ ติยะไพรัช หัวหอกระบบ“ทักษิณ”ในขณะนั้น เห็นท่าไม่ดีจึงวางแผนให้ 13 กำนัน เดินทางเข้ามาประชุมเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง

ระหว่างการหาเสียงของพรรคการเมือง ซึ่งจะลงชิงชัยหย่อนบัตรเลือกตั้งในวันที่ 20 ธ.ค.50 ทั้งนายยงยุทธ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำคนสำคัญพรรคพลังประชาชน ออกมาให้ข่าวข่มขู่ข้าราชการทุกวัน จนในที่สุดเกิดภาวะ“เกียร์ว่าง”ระบบ “ทักษิณ” ชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น พล.ต.ต.ทรงธรรม ถูกอำนาจการเมือง ย้ายเข้ากรุไปเป็น ผบก.สถาบันสอบสวนฯ

กระทั่งปี 2552 ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินให้ นายยงยุทธ มีความผิด และสั่งยุบพรรคพลังประชาชน อันมีผลสืบเนื่องจาก กำนัน 13 คน ที่มาสุมหัววางแผนโกงการเลือกตั้ง... อำนาจบริหารจาก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น จึงตกมาที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และมีคำสั่งให้พล.ต.ต.ทรงธรรม กลับไปเป็น ผบก.เชียงราย รอบที่สอง

19 ก.ย.49 เป็นจุดกำเนิด คมช.

19 ก.ย.59 ผ่านไป 10 ปี พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ เป็นเพียง รอง ผบช.ภ.5 มีรุ่นน้อง รุ่นหลังข้ามหัวไปมากมาย บรรดากองเชียร์ที่มิได้ลงสนามสู้ นักรบในห้องแอร์ กลายเป็น“คนเปลี่ยนค่ายได้ดี”

บรรยากาศคล้ายกับวันวาน ช่วงที่ใครก็ไม่รู้ อุทิศตัว ถวายชีวิตสู้กับระบบ“ทักษิณ” วันนี้กำลังเดินสู่บรรยากาศการเลือกตั้ง ข้าราชการทั้งหลายต่อหน้าสู้ ๆแต่ลับหลัง แอบจับมือ-เตรียมทางถอย เพราะไม่มั่นใจว่าระบบ“ทักษิณ”จะกลับมาอีกหรือเปล่า

 วันนี้จึงไม่มีอะไรมากกว่าการนำความกล้าหาญ ความดี ของนายตำรวจคนหนึ่งที่ยังคงเป็นยามเฝ้าถนน-เป็นยามเฝ้าแผ่นดิน....มาตีแผ่ให้สังคมไทยและสังคมตำรวจได้จดจำชื่อของเขา... พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์


กำลังโหลดความคิดเห็น