ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -แม้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. จะได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างสูงสุดต่อเนื่องกันเป็นเวลานานแต่ในความชื่นชมนั้นก็มีเสียงทักจากประชาชนบางกลุ่มที่เขาเห็นว่าสิ่งที่นายกฯลุงตู่ กำลังทำอยู่ หรือยังไม่ได้ทำบางอย่างไม่จำเป็นต้องลงรายละเอียดไปถึงขนาดนั้น ขณะที่ปัญหาสำคัญบางเรื่องก็ต้องลงมาแก้ไขโดยไม่ต้องเกรงใจใคร หรือเห็นแก่หน้าใคร
เช่นปัญหาการแพร่พันธุ์ของผักตบชวา กลายเป็นกระแสโน่น นี่ นั่น โดยสังคมไม่ได้อะไร และถ้าว่ากันจริงๆ ลองท่านผู้นำต้องลงมาเล่นในทุกๆเรื่อง ตั้งแต่กวดขันตำรวจให้ไล่จับสถานบริการ กวาดล้างบารากู่ ยันกำจัดผักตบชวา เรื่องราวเหล่านี้เมื่อนำมาเป็นหัวข้อสนทนา เอามาเป็นปัญหาระดับชาติ สุดท้ายนายกฯลุงตู่ ก็กลายเป็นเหยื่อไปอย่างไม่รู้ตัว
ขณะเดียวกันปัญหาใหญ่ของประเทศ คือการปฏิรูปความบกพร่อง-เหลื่อมล้ำต่างๆเพื่อให้สังคมไทยเดินหน้าต่อไปได้ ท่านนายกฯกลับนิ่งเฉยปล่อยให้กองเชียร์ “คาใจ”อยู่จนทุกวันนี้ นั่นก็คือการปฏิรูปตำรวจ
วันนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยคำสั่งของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มอบหมายให้พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร.เป็นผู้จัดการปฏิรูปตำรวจทั้งหมด ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าแนวคิดปฎิรูปฉบับ “บิ๊กแป๊ะ” แล้วถ่ายทอดมาให้พระเอกลิเกคณะ “พ่อจูดี้ ศิษย์เสื้อแดง” มันไม่เวิร์ก...มันเกาไม่ถูกที่คัน...ไม่ว่าจะเป็นการตั้งโต๊ะรับแจ้งความแบบวันสต็อปเซอร์วิส หรือบูรณะส้วมบริการประชาชน ให้ที่จอดรถ และล่าสุดคือ มีแผนกนิติวิทยาศาสตร์ประจำสถานีตำรวจทุกแห่ง
เป็นแนวปฏิรูปที่โคตรแปลก เพราะตำรวจคิดเอง-เออเอง ไม่ยึดโยงหรือฟังความคิดเห็นจากประชาชน หรือข้อเสนอแนะจากนักวิชาการ นักการเมืองที่เขามองเห็นปัญหา
เรื่องแบบนี้จึงเกิดคำถามย้อนกลับไปยังท่านผู้นำ...ตกลงว่าท่านมีความจริงใจแก้ปัญหาให้กับสังคมไทยหรือไม่...หรือท่านเกรงใจใคร ที่มอบหมายให้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
วันนี้วงการสีกากีหมดสภาพความสง่างามไปหมดสิ้นแล้ว การแต่งตั้งโยกย้ายไม่เว้นกระทั่งชั้นประทวน ที่มีข่าวหนาหูว่าต้องวิ่งเต้นใช้เงินใช้ทองไม่ต่างอะไรกับระดับนายพันนายพล
ข่าวคาวฉาวโฉ่ซื้อ-ขายตำแหน่งตั้งแต่จ่ายันนายพล ถ้าไม่เข้าหูนายกฯลุงตู่ ก็คงไม่ใช่แล้ว เพราะทุกวันนี้ ใครทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ นายกฯทราบหมดทุกเรื่อง...เว้นแต่ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากจัดการแก้ไข ไม่อยากแตะ ท่านก็เลยไม่พูดถึง หรือเลี่ยงกลายเป็นถ้อยทีถ้อยอาศัย...เข้ากับเขาเป็นปี่เป็นขลุ่ยด้วยความเกรงใจ !!??
2 ปีกับความตกต่ำของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผลกระทบต่างๆ เริ่มวิ่งเข้าหาประชาชนมากขึ้นทุกวันๆ...ว่างๆ ท่านนายกฯลุงตู่ ลองเรียกนายกตำรวจสายของท่านมาถามไถ่กันดู ตอนนี้สถิติคดีลัก - วิ่ง-ชิง-ปล้น มันลดลงหรือเพิ่มมากขึ้น...ประชาชนมีความรู้สึกอย่างไรกับตำรวจ ไว้ใจ หรือไม่ไว้ใจ...รักหรือเกลียดตำรวจ
เฉพาะในเขตนครบาล ซึ่งทราบกันดีว่า พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. คือเด็กในสาย “ลุงตู่” ลองเรียกมาจับเข่าคุยกันแบบเหมาะๆสักที ตกลงว่าการซื้อขายตำแหน่งที่เคยมีนายตำรวจไปแจ้งความไว้ ว่ามีการมอบเงินมอบทองในปั๊มแห่งหนึ่งใก้ลๆ ค่ายทหาร มันจริงหรือโม้...แล้วตอนนี้ระดับนายสิบ-จ่า-นายดาบ ก็ยังต้องวิ่งเต้นใช้เงินใช้ทอง ใช้เส้นสายมันจริงหรือเปล่า...แก๊งไหนเป็นนายหน้า...ใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง !!??
ข้อมูลแบบนี้ไม่น่าจะหายาก แต่ถ้าท่านนายกฯเกรงว่าจะไม่ได้ข้อมูลจริง ก็ลองหาเอาจากวงนอก แล้วมาประเมินดูว่าสมควรจะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างได้หรือยัง โดยเฉพาะการปฏิรูปตำรวจ ที่ปล่อยให้เป็นการพ่นสี ปะผุ เป็นลิเกหลงโรง แหกตาชาวบ้านไปวันๆ
อย่างไรก็ตามเท่าที่วิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้ ก็อาจจะพอมีความหวังรางๆว่า บางที ท่านผู้นำอาจจะมีความกล้าหาญจัดการกับปัญหาใหญ่ที่กัดกร่อนรัฐบาลทหารให้หมดสิ้นไปเสียทีกับการปรับ ครม.ในครั้งต่อไป
คำสั่งแต่งตั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี (กำกับดูแล สตช.) และ รมว.กลาโหม ให้เป็นประธานแก้ไขปัญหาการจราจรให้ได้ผลภายใน 6 เดือน โดยมี พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา สบ.10 เป็นเลขาฯนั้น ทำให้คิดไปถึงเมื่อคราวที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ออกคำสั่งให้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. ในขณะนั้นแก้ปัญหาจราจรในกทม.ให้ได้ผลที่ดีขึ้น 40-50 % ภายใน 3 เดือน ซึ่งเป็นคำสั่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันมาก เพราะรู้กันอยู่ว่าปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานคร เทวดาหน้าไหนก็ไม่มีทางแก้ได้
คำสั่งให้ใครก็ตาม ให้ลงมาแก้ไข-ดูแลเรื่องจราจร ในอีกทางหนึ่งก็คือ “ส่งมาเชือด”
เพราะจากรายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจราจรในเมืองใหญ่ โดยสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ปัญหาหลักก็คือ จำนวนรถมีมากกว่าถนนโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร มีรถจดทะเบียนมากถึง 9 ล้านคัน ขณะที่ถนนสายต่างๆ สามารถรองรับได้แค่ 1.5 ล้านคัน จึงเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสแทบไม่มีทางแก้ไขได้เลย
ทั้งเรื่องเก่า-ปัญหาด้านการข่าวฝ่ายความมั่นคง มีเหตุระเบิด 7 จังหวัดท่องเที่ยวภาคใต้ และคาร์บอมบ์ โรงแรมปัตตานี จนบัดนี้ผ่านมาเกือบ 1 เดือนแล้ว พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรมหณกุล รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง “เด็กในบ้าน” ฟาร์มโชคชัย ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก !!??
สัญญาณแรงๆ และกระแสกดดันของสังคมที่ส่งตรงมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นช่วงๆ เป็นระยะๆ จนบรรดาบิ๊กตำรวจต้องออกมาเต้นทั้งเรื่องการปฏิรูป และล่าสุดคือปัญหาการจราจร ฝ่ายวิเคราะห์การเมืองสีกากีเขาจึงมองว่า นี่คือแรงบีบของนายกฯลุงตู่ ที่มีต่อบรรดาบิ๊กตำรวจทั้งหลาย...ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้ง-โยกย้ายประจำปีก็ดี หรือกระทั่งความเน่าเหม็นต่างๆ ที่ทำกันไว้ก็ควรจะเพลาๆกันบ้าง
คำสั่งของนายกฯลุงตู่ ให้ปู่ป้อม แก้ไขปัญหาการจราจรในภาพรวมทั้งประเทศ จึงล้อคำสั่งของ “บิ๊กแป๊ะ” ที่เคยทำไว้กับ น.1 แบบช่วยไม่ได้...แม้สักวันอาจจะมีการปฏิเสธ .... แต่สถานการณ์ต่างๆโดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ 2 ดวงกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง....จากฟาร์มโชคชัย กลายมาเป็น บ้านสี่เสา...นาทีนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้
ทันทีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เอ่ยปากแสดงความหงุดหงิดกับเรื่องจราจร พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็ออกมาเด้งรับแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการระดมตำรวจปราบจลาจล มาทำหน้าที่ผู้ช่วยตำรวจจราจร ชั่วคราว เรียกว่า สนองตอบอย่างทันอกทันใจ ไม่ต้องรอบัญชาอะไรจาก “ปู่ป้อม” อย่างที่ควรจะเป็นเหมือนที่ผ่านๆ มา
เมื่อดูบรรยากาศโดยรวมแล้วก็ต้อง “ฟันธง”ย้ำกันชัดๆอีกว่า....นาทีนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ !!??...กระทั่งสัญญาใจที่เคยตกลงกันไว้ว่าให้ “แป๊ะ” 2 ปี “ปู” 2 ปี....วันนี้ อาจจะมีทีเด็ดตัวสอดแทรก...หากผลงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน และยังเป็นตัวถ่วงคะแนนนิยมของนายกฯลุงตู่