xs
xsm
sm
md
lg

“ปู” ดิ้นพล่านยื่นค้าน“สุภา”-ซัดใช้ม.44คุ้มหัว-“บุญทรง”ลั่นลาก“บิ๊กตู่” ขึ้นศาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน 360 - “ยิ่งลักษณ์” มอบทนายยื่น ป.ป.ช.ค้าน "สุภา" เป็นประธานไต่สวนทุกคดีอีกหน หลังยื่น 7 ครั้งถูกเมินตลอด เผยสำนวนคดีน้ำท่วมใหญ่ 54 ถึงมืออดีตนายกฯแล้ว “บุญทรง” โวยไม่เลิก “หนูปู” โผล่ตลาดนางเลิ้ง ครวญโดน ป.ป.ช.สอบแล้ว 15 คดี ฉะรัฐบาลใช้ ม.44 คุ้มหัว-ชี้นำศาล “วิษณุ” ย้ำยังไม่ได้ใช้ ม. 44 ยึดทรัพย์คดีจำนำข้าว แจงใช้ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดใช้มาแล้วหลายคดีแล้ว

วานนี้ (22 ก.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ผ่านนายพูลศักดิ์ คูณสมบัติ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักการข่าวและกิจการพิเศษ ป.ป.ช. เพื่อขอคัดค้าน น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีต่างๆ ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช.

นายนรวิชญ์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้มายื่นหนังสือถึงประธานป.ป.ช.เป็นครั้งที่ 8 เพื่อคัดค้านการแต่งตั้ง น.ส.สุภาเป็นประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงในคดีที่กล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งมีจำนวน 6 คดีที่มี น.ส.สุภา เป็นประธานฯ เช่น การแทรกแซงโยกย้ายข้าราชการ การบริหารจัดการน้ำ และการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง เป็นต้น และยัง 1 คดีที่มี นายวิชา มหาคุณ อดีต ป.ป.ช. กลับมาร่วมเป็นคณะอนุกรรมการฯพิจารณา โดยในสมัยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น น.ส.สุภาเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา และเป็นประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งมีข้อมูลหลุดไปถึงมือนักการเมืองฝ่ายค้านขณะนั้น อีกทั้ง น.ส.สุภา และนายวิชาเคยเป็นพยานเบิกความในฐานะพยานฝ่ายโจทก์ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีโครงการรับจำนำข้าว จึงถือเป็นคู่ขัดแย้งกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างชัดเจน จึงเห็นว่า จากข้อเท็จจริงดังกล่าว หากปล่อยให้ น.ส.สุภาเป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีต่างๆ จะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการไต่สวนข้อเท็จจริง

** ป.ป.ช.ตั้งอนุฯสอบ “มหาอุทกภัย” อีก

นายนรวิชญ์ เปิดเผยด้วยว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ได้ส่งหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อแจ้งให้ทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องมีพฤติการณ์ร่วมกันกระทำความผิดกรณีการบริหารจัดการน้ำ เป็นเหตุให้เกิดมหาอุทกภัยเมื่อปี 2554 ซึ่งก็มี น.ส.สุภา เป็นประธานประธานอนุกรรมการฯเช่นกัน

“กรรมการ ป.ป.ช. มีถึง 9 คน แต่คุณสุภาคนเดียวเป็นประธานอนุฯถึง 6 คดีจาก 15 คดีที่กล่าวหาคุณยิ่งลักษณ์ และแม้คุณยิ่งลักษณ์จะเคยยื่นเรื่องคัดค้านมา 7 ครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล ดังนั้น เพื่อรักษาสิทธิตามกระบวนการยุติธรรม และเพื่อให้คดีได้รับการพิจารณาอย่างถูกต้องเป็นธรรม จึงขอคัดค้านคุณสุภาเป็นประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีต่างๆของคุณยิ่งลักษณ์” นายนรวิชญ์ กล่าว

** “บุญทรง” ลั่นลาก “ประยุทธ์” ขึ้นศาล

ด้าน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่ รมว.พาณิชย์ และปลัดกระทรวงพาณิชย์ ลงนามในหนังสือบังคับทางปกครอง เรียกร้องค่าเสียหายจากการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการ หากได้รับแล้ว จะให้ฝ่ายทนายความศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ แต่สิ่งที่เตรียมการไว้คือต้องปกป้องสิทธิ์ของเราในการยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อคัดค้านอุทธรณ์คำสั่ง แต่หากในเอกสารคำสั่งระบุว่าให้อุทธรณ์คำสั่งไปที่กระทรวงพาณิชย์ ตนคงจะอุทธรณ์คำสั่งไปที่กระทรวงพาณิชย์ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวทางการต่อสู้ทางคดี นอกจากจากประเด็นที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ลงนามคำสั่งทางปกครองเอง จะมีประเด็นใดต่อสู้อีกหรือไม่ นายบุญทรง กล่าวว่า ภาพใหญ่ที่มองไว้คือ สาเหตุที่รัฐบาลต้องใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว โดยอ้างว่าไม่ใช่การรวบรัด แต่เป็นการเตรียมการเอาไว้ก่อน ซึ่งตนจะเตรียมการตี่อสู้ว่า กรณีนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกำลังพิจารณาอยู่ เมื่อพิพากษาให้เราเป็นฝ่ายผิดจริง กระบวนการก็จะไปสู่กรมบังคับคดี ไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องใช้มาตรา 44 ซึ่งข้าใจว่าใช้มาตรา 44 เพื่อจะมาปกป้องคนที่ลงนามมากกว่า เพราะคงคิดว่า สิ่งที่จะดำเนินการต่างๆนั้นมีข้อโต้แย้งทางกฎหมายมาก ไม่เช่นนั้นการคำนวณเรียกความเสียหายของกระทรวงการคลัง เท่าที่ทราบก็ทำเรียบร้อยมานานพอสมควร แต่ไม่มีการออกคำสั่งใด ๆ อาจเป็นเพราะยังไม่มีมาตรา 44 มาคุ้มครอง

“ถือเป็นข้อพิรุธและข้อสังเกตที่คิดว่าน่าจะมีมูลว่าการออกมาตรา 44 เพื่อเอามานิรโทษกรรมไว้ก่อน การใช้มาตรา 44 ตามการอธิบายของท่าน มันเป็นจิตวิทยาหนึ่ง คือคนเซ็นสบายใจมากขึ้น ถ้าไม่มีมาตรา 44 ออกมาก็คงไม่มีใครยอมเซ็น” นายบุญทรง กล่าว

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ บ้างหรือไม่ นายบุญทรง กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์โทรศัพท์มาให้กำลังใจ และแนะนำให้ต่อสู้ อย่าท้อถอย เพื่อแสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ และมั่นใจว่าสิ่งที่ทำไปไม่มีอะไรเสียหาย เช่นเดียวกกับข้าราชการที่โดนคดีด้วยกันทุกคนให้กำลังใจกันและกัน ส่วนผู้ออกคำสั่งทางปกครองจะมองเป็นอย่างอื่นไปก็คงต้องไปพิสูจน์กัน

“ยืนยันว่าจะสู้ให้ถึงที่สุด ต้องเอา พล.อ.ประยุทธ์มาขึ้นในชั้นศาลให้ได้” นายบุญทรง ระบุ

** “ปู” บุกนางเลิ้งช่วง “บิ๊กตู่” ไปนอก

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ตลาดเก่านางเลิ้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางมาจับจ่ายซื้ออาหารที่ตลาดเก่านางเลิ้ง ใกล้ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ ติดภารกิจเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 71 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า จะไปเดินจับจ่ายสินค้าที่ตลาดผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ นส.ยิ่งลักษณ์กล่าวปฏิเสธโดยบอกว่า ไม่อยากให้ถูกเข้าใจผิด พร้อมระบุว่า ที่แวะมาตลาดนางเลิ้งเพราะคิดถึงของอร่อย และบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งปกติก็แวะเวียนมาบ่อยๆ

ส่วนความคืบหน้าที่ ป.ป.ช.แจ้งเรื่องการตั้งคณะอนุกรรมการฯคดีการบริหารจัดการน้ำนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนมาให้ ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงถึงกล่าวโทษคนเดียว เพราะตอนที่เข้ามาเป็นรัฐบาล น้ำก็ท่วมอยู่แล้ว ก็หวังว่า ป.ป.ช.จะให้ความเป็นธรรม ทุกวันนี้คดีที่เจออยู่นั่งอยู่ดีๆ ก็ต้องมารับเรื่องหมด ตอนนี้มีถึง 15 คดีแล้ว จึงได้มอบหมายให้ทนายความไปคัดค้านต่อ ป.ป.ช.แต่ก็ได้รับการปฏิเสธร้องขอทุกครั้ง

สำหรับกรณีที่มีคำสั่ง คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ให้อำนาจกรมบังคับคดีเตรียมยึดทรัพย์จากความเสียหายที่เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบกรมบังคับคดีต้องได้รับคำสั่งจากศาลปกครอง การใช้มาตรา 44 มอบอำนาจให้กรมบังคับคดีล่วงหน้าก็เหมือนเป็นการชี้นำคดี ซึ่งต้องขอให้ระมัดระวัง เพราะจะมีผลกระทบคดีอื่นๆที่อยู่ในชั้นศาลด้วย หากมั่นใจว่ากระบวนการทั้งหมดมีความโปร่งใสและเป็นธรรม ก็ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 วันนี้สิ่งที่รัฐบาลต้องตอบให้ได้ว่าทำไมถึงไม่ใช้อำนาจตามปกติ

“วันนี้ใช้มาตรา 44 กันถูกฟ้องร้อง จนใครจะทำอะไรก็ได้ ขนาดดิฉันเป็นถึงอดีตนายกฯยังปกป้องและหาความยุติธรรมให้กับตัวเองไม่ได้ แล้วประชาชนธรรมดาปกติ จะเรียกหาความยุติธรรมได้อย่างไร เวลานี้อยากให้รัฐบาลมองภาพรวมความเดือดร้อนของประเทศมากกว่า ไม่อยากให้มาใส่ใจเรื่องของดิฉันเป็นหลักจนลืมเรื่องอื่นๆ” น.ส.ยิ่งลักษณ์

** “วิษณุ” ปัดใช้ ม.44 ยึดทรัพย์คดีข้าว

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอธิบายว่า อยากทำความเข้าใจว่ารัฐบาลไม่ได้ใช้มาตรา 44 เพื่อยึดทรัพย์ในคดีโครงการรับจำนำข้าวตามที่มีการบิดเบือนกัน เพราะการใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความรับผิดทางละเมิด นั้นเคยใช้มาหลายคดี เช่น คดีรถดับเพลิง ที่รวมแล้วกว่า 3,000 คดี ซึ่งคดีจำนำข้าวนั้น ถ้าจะถูกเล่นงานก็เล่นงานโดย พ.ร.บ.นี้ เพียงแต่ออกคำสั่งให้กรมบังคับคดีไปยึดทรัพย์แทนหน่วยงานที่ไม่มีชำนาญเท่านั้น สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์เองก็เคยทำเรื่องขอตั้งกองยึดทรัพย์บังคับคดีตามคำสั่งปกครองขึ้นในกรมบังคับคดี แต่ว่าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ไม่อนุญาต เพราะเห็นว่ารัฐบาลขณะนั้นยังไม่มีอำนาจตามกฎหมายจะไปยึดทรัพย์ จึงยังไม่จำเป็นต้องตั้งหน่วยงานขึ้นมา.

“วันนี้เมื่อคำสั่งมาตรา 44 ออกมา ก็มีคำถามว่า ทำไมต้องรีบให้กรมบังคับคดีมีอำนาจก่อนที่จะมีการสั่งในเรื่องนั้น ซึ่งจะก่อนหรือหลังนั้นไม่เกี่ยว เพราะกรมบังคับคดีไม่มีส่วนในการจะไปบอกว่าผิด และไม่ได้ไปตีปลาหน้าไซ เขาต้องรู้ว่าเขามีอำนาจเพื่อเตรียมการ ในการติดต่อกรมที่ดิน ธนาคาร เพื่อให้รู้ว่าผู้ที่จะถูกยึดทรัพย์มีที่ดินตรงไหนเท่าไร มีเงินในธนาคารเท่าไร ถ้าจะต้องยึดก็จะได้ยึดได้ ถ้าไม่ต้องยึด ก็หยุดไว้ไม่ต้องทำอะไร ขอย้ำอีกครั้งว่า ไม่ได้ใช้มาตรา44 ไปยึดทรัพย์ใคร” นายวิษณุ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น