xs
xsm
sm
md
lg

“ยิ่งลักษณ์” ดอดชอปตลาดเก่านางเลิ้ง โวยถูกเล่นงานคนเดียว 15 คดี จี้รัฐบาลเร่งแก้เศรษฐกิจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
“ปู” ดอดชอปปิ้งตลาดเก่านางเลิ้ง ช่วง “บิ๊กตู่” ไปสหรัฐฯ แฟนคลับแห่ให้กำลังใจ พ้อถูกเล่นงานหนัก โดนคนเดียว 15 คดีแล้ว จี้แก้ปัญหาเศรษฐกิจดีกว่าจ้องเล่นงาน เร่งคัดคดีตัวเองจนลืมเรื่องอื่นๆ

ที่ตลาดเก่านางเลิ้ง เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (22 ก.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แวะมาจับจ่ายซื้ออาหารที่ตลาดเก่านางเลิ้ง ติดกับทำเนียบรัฐบาล เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ติดภารกิจเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 71 ที่สหรัฐอเมริกา โดยเมื่อมาถึงอดีตนายกรัฐมนตรีได้เข้าไปทักทายบรรดาพ่อค้าและแม่ค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อข่าวกระจายออกไปทำให้มีชาวบ้านเฮโลกันมาขอถ่ายรูปและให้กำลังใจอดีตนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ซื้อทั้งผลไม้ ขนมโบราณ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ้าอร่อย ก๋วยเตี๋ยวแคระ และกาแฟโบราณติดมือกลับไป โดยปฏิเสธที่จะไปจับจ่ายสินค้าที่ตลาดผดุงกรุงเกษมเพราะเกรงว่าจะถูกเข้าใจผิดได้ โดยกล่าวว่าที่แวะมาตลาดนางเลิ้งเพราะคิดถึงของอร่อยและบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งปกติก็แวะเวียนมาบ่อยๆ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ถึงคดีการบริหารจัดการน้ำว่า เป็นข้อกล่าวหาที่แจ้งโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามกันทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีการส่งสำนวนมา แต่ตนไม่เข้าใจเพราะการบริหารจัดการน้ำตอนที่เข้ามา น้ำได้ท่วมอยู่แล้ว ซึ่งมาตั้งแต่รัฐบาลอื่น จึงไม่เข้าใจว่าทำไมจึงโดนอยู่คนเดียว จากกรณีนี้ตนไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ก็หวังว่า ป.ป.ช.จะให้ความเป็นธรรม

“ทุกวันนี้คดีที่เจออยู่นั่งอยู่ดีๆ ก็ต้องมารับเรื่องหมด ตอนนี้มีถึง 15 คดีแล้ว จึงเป็นเหตุผลให้ต้องส่งทนายคัดค้านต่อ ป.ป.ช. แต่ก็ได้รับการปฏิเสธร้องขอทุกครั้ง จึงอยากร้องผ่านสื่อมวลชนและสาธารณชนด้วย อยากให้ปฏิบัติเท่าเทียมกับคนอื่นๆ เพราะจะเห็นได้ว่า มาตรฐานที่ทำคดีกับดิฉันคดีมาเร็วมาก รับทุกเรื่อง พิจารณาทุกเรื่อง แต่ในขณะเดียวกัน คดีของผู้อื่นไม่คืบหน้าเลย ซึ่งก็พร้อมจะชี้แจงทุกคดี แต่ต้องอยู่ด้วยเหตุและผล ถ้าการที่ตั้งข้อกล่าวหาโดยที่ไม่คำนึงถึงเหตุผล ใครอยากจะใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ก็เอามาใช้มัน ก็ไม่มีวันจบ ทำให้สังคมเกิดข้อสงสัย จริงๆ แล้วหน่วยงานทุกองค์กรที่ทำในเรื่องของกระบวนการเหล่านี้ ควรจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน เชื่อว่า ทุกคนยอมรับ แต่อย่างที่เรียนข้างต้นได้ร้องมาหลายครั้งแล้วก็ไม่ได้ความเป็นธรรมตั้งแต่ต้น ไม่รู้ว่าคดีที่เหลือจะเป็นเช่นเดียวกับคดีที่ได้รับมาหรือไม่ ก็หวังว่าจะไม่เป็นแบบนั้น”

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ส่วนในเรื่องของมาตรา 44 ที่ให้อำนาจกรมบังคับคดีในการยึดทรัพย์นั้น เท่าที่ทราบกรมบังคับคดีต้องได้รับคำสั่งจากศาลปกครอง ซึ่งการใช้มาตรา 44 สิ่งแรกที่มอง คือ ผลของคดีไม่ว่าจะเป็นอย่างไรยังไม่รู้ ฉะนั้น การออกคำสั่งมาตรา 44 มอบอำนาจให้กรมบังคับคดีก็เหมือนเป็นการชี้นำคดี ซึ่งต้องขอร้อง เพราะมันมีผลกับคดีอื่น ๆ ที่ดำเนินการอยู่ในชั้นศาล ถือเป็นความไม่ยุติธรรมที่ได้รับ

“ถ้ามั่นใจว่ากระบวนการทั้งหมดมีความโปร่งใสและเป็นธรรม ทำไมต้องใช้มาตรา 44 ด้วย แต่กระบวนสอบสวนขั้นต้นในการปกป้องข้าราชการ ถ้ามั่นใจว่า ข้าราชการทำถูกก็ไม่ต้องกลัวการถูกฟ้องร้อง แต่วันนี้ใช้มาตรา 44 กันถูกฟ้องร้อง ใครจะทำอะไรก็ได้ แล้วอย่างนี้ขนาดอดีตนายกฯ ยังปกป้องและหาความยุติธรรมให้กับตัวเองไม่ได้แล้วประชาชนธรรมดาปกติจะเรียกหาความยุติธรรมได้อย่างไร”

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ถึงวันนี้สิ่งที่รัฐบาลต้องตอบว่าทำไมถึงไม่ใช้อำนาจตามปกติ ซึ่งเราก็ได้ท้วงไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าการพิจารณาในเรื่องของความเสียหายตามหลักสากล ก็ต้องไปร้องที่ศาลแพ่ง และรัฐบาลก็ถือว่าเป็นคู่กรณีกับเรา ซึ่งก็ต้องร้องศาลให้เป็นผู้ตัดสินว่าฝ่ายตน หรือรัฐบาล ถูกหรือผิดกันแน่ ที่จะมาเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ขณะเดียวกัน รัฐบาลกลับไม่เลือกใช้วิธีการฟ้องร้องตามกระบวนการยุติธรรม เพียงเพราะไม่ต้องการเสียค่าธรรมเนียมศาล และเพียงเพราะเพื่อที่การร่นเวลาให้ง่ายขึ้นก็ใช้คำสั่งทางการปกครองกับตน อย่างนี้เท่ากับรัฐบาลเป็นคู่กรณีกับตนโดยตรง และบวกกับการใช้มาตรา 44 ในการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ไปตั้งแต่การสอบสวน จนถึงการไปมอบอำนาจให้กับกรมบังคับคดี ถือเป็นการชี้แจงหรือไม่ เป็นสิ่งที่ต้องตั้งคำถามกลับ

“เวลานี้อยากให้รัฐบาลมองภาพรวมของประเทศ ความเดือดร้อนของประเทศ เพราะวันนี้จริง ๆ แล้วประชาชนรอในการที่จะให้เศรษฐกิจต่างๆ กลับคืนมา ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น ถือเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อยากให้มาใส่เรื่องของตนเป็นหลัก จนลืมเรื่องอื่นๆ เพราะเรื่องจริงๆ มีกระบวนการขั้นตอนอยู่แล้ว ไม่อยากให้เร่งรัดโดยใช้วิธีแบบนี้ สุดท้ายจะเป็นคำถามที่ประชาชนตั้งข้อสังเกต”









กำลังโหลดความคิดเห็น