คุณท่านผู้นำรัฐบาลกำลังเร่งทำผลงานให้เข้าตาได้ใจประชาชน หวังบรรลุภารกิจบางส่วนของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ก่อนประเทศไทยเข้าสู่วาระการเลือกตั้ง เปิดช่องให้นักซื้อเสียงทุ่มเงินให้ชาวบ้านกาเบอร์เพื่อให้ตัวเองเข้าไปกุมอำนาจรัฐหลังจากต้องพักนานกว่า 2 ปี
ยังมีภารกิจสำคัญเพื่อชีวิตของประชาชนไทย แผ่นดินไทย รอความกล้าหาญของคุณท่านผู้นำให้ตัดสินใจ นั่นคือการชำระล้างแผ่นดินให้ปลอดสารพิษจากเคมีเกษตร หยุดการยัดเยียดให้คนไทยบริโภคอาหารปนเปื้อนสารพิษ ส่งผลเสียต่อสุขภาพเรื้อรังจนตาย
ถ้าคุณท่านผู้นำไม่ทำ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม อย่าหวังว่ารัฐบาลโดยนักการเมืองจากการเลือกตั้งจะทำให้ร่างกายของลูกหลานไทยโดยทั่วไปต้องกินสารพิษปนเปื้อนในพืชผัก อาหารทะเล และอาหารแปรรูปสารพัด ถ้ามีทางเลือกต้องจ่ายแพงกว่าสินค้าทั่วไป
พืชผัก อาหารจากวัตถุดิบปลอดสารพิษ มากหรือน้อยก็สุดแล้วแต่ มีราคาสูงกว่าสินค้าทั่วไป รู้ทั้งรู้ แต่ก็ยังไม่มีการส่งเสริมอย่างจริงจัง คงเป็นเพราะอำนาจ อิทธิพลของพ่อค้าอยู่เหนือตลาด เหนือข้าราชการ นักวิชาการ ทรงพลังการเงินเหนือคนในรัฐบาลด้วย
ข่าวน่าสนใจไม่กี่วันก่อนคือการที่บริษัทผลิตยา เคมีภัณฑ์ข้ามชาติของเยอรมนี กลุ่มไบเออร์ได้ทุ่มเงินซื้อกิจการกลุ่มมอนซานโตของสหรัฐฯ ด้วยวงเงิน 66 พันล้านเหรียญสหรัฐ จะทำให้คุมตลาดเคมีภัณฑ์ เคมีเกษตรต่างๆ มากกว่า 25 เปอร์เซ็นต์
กลุ่มมอนซานโตเป็นผู้นำในการผลิตพืชตัดแต่งพันธุกรรม คือ “พืชแฟรงเกนสไตน์” หรือพืชผีดิบรายใหญ่ของโลก ได้พยายามขยายผลิตภัณฑ์ครอบงำตลาดสหรัฐฯ มาโดยตลอด แต่โดนต่อต้านคัดค้านอย่างหนักในกลุ่มประชาคมยุโรป และภูมิภาคอื่นทั่วโลก
กลุ่มไบเออร์มีฐานที่มั่นเครือข่ายธุรกิจในประเทศไทยอย่างแข็งแกร่ง ในด้านการผลิตและจำหน่ายเวชภัณฑ์ เคมีอุตสาหกรรม เคมีเกษตร และสินค้าอื่นๆ ถ้าการซื้อกิจการเป็นผลสำเร็จ น่าห่วงว่าจะมีความกดดันในการทดลองพืชผีดิบในไทยแรงกว่าที่เป็นมา
ในบ้านเราได้มีนักวิชาการ ข้าราชการ นักการเมืองกลุ่มต่างๆ พยายามส่งเสริมให้มีการทดลองใช้ “พืชผีดิบ” ในไทย กลุ่มนักขายชาติเหล่านี้ได้รับเงินช่วยเหลือจากกลุ่มธุรกิจเกษตรรายใหญ่ซึ่งได้พยายามครอบงำผูกขาดการค้าภาคเกษตรกรรมทุกระดับจนสำเร็จ
เราจึงได้มีมะละกอพันธุ์ผีดิบแพร่กระจายไปหลายพื้นที่ และกลุ่มนักขายชาติหิวเงินยังพยายามให้มีการทดลองพืชอื่นๆ แรงต้านนับวันจะแผ่วลงเป็นเพราะคนภาครัฐรับผิดชอบนโยบายการเกษตรดูเหมือนอยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มธุรกิจการเกษตรด้วย
อย่าพยายามปฏิเสธ! ทุกวันนี้สารพิษจากเคมีเกษตร พืชผีดิบได้สร้างปัญหาสุขภาพ ความหวาดระแวง พ่อค้าหน้าเลือดมุ่งหวังผูกขาดการค้าสินค้าเกษตรครบวงจร ตั้งแต่การจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยเคมี ยากำจัดศัตรูพืช การตลาด แหล่งจำหน่ายสินค้าทุกระดับ
หลายปีก่อน ตัวเลขนำเข้าสารเคมีเกษตรสูงถึง 8 หมื่นตันต่อปี หมายความว่าประเทศไทยเป็นแหล่งสำคัญให้มีการใช้เคมีเกษตร สารพิษในสภาพปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืชทั้งแมลงและวัชพืช ทำให้สารพิษตกค้างในผลิตภัณฑ์ ดิน แหล่งน้ำต่างๆ เป็นอันตรายยิ่ง
คุณท่านผู้นำได้พยายามเน้นนโยบาย “เศรษฐกิจพอเพียง” ในงานปราศรัยบนเวทีนานาชาติหลายครั้ง แต่ไม่มีการผลักดันอย่างจริงจังให้เป็นวาระสำคัญของชาติ โดยเฉพาะ “เกษตรอินทรีย์” ปลอดพิษจากเคมีเกษตร แถมยังมีสโลแกนประโลมโลกแหกตาชาวบ้าน
“ครัวไทยสู่ครัวโลก” ฟังแล้วดูเหมือนดี! พ่อค้าธุรกิจเกษตรข้ามชาติฉวยโอกาสขายสินค้าเกษตรสู่ตลาดโลกโดยแฝงตัวห้อยโหนนโยบายระดับชาติ ทั้งๆ ที่คนไทยเสี่ยงต่อการสะสมสารพิษปนเปื้อนตกค้างในอาหาร โดยวัตถุดิบมาจากพืชผ่านเคมีเกษตรมีผลร้ายแรง
ไม่จำกัดเพียงสินค้าเกษตรเท่านั้น สินค้าประมงก็มีเสียงร่ำลือว่ามีการใช้สารกันเน่า ฟอร์มาลีน ฟอร์มาลดีไฮด์อย่างแพร่หลาย มีเรื่องสารกันบูดอื่นๆ ในสินค้าต่างๆ เจ้าหน้าที่ภาครัฐไม่สามารถควบคุมตรวจสอบป้องกันได้ผลเต็มที่ “ครัวไทย” จึงเป็นแหล่งเพาะโรค
ผู้บริโภคมีฐานะดีเท่านั้นจึงลดความเสี่ยงด้วยการซื้อสินค้าปลอดสารพิษ แต่ก็ใช่ว่าจะ “ปลอด” เต็มที่ เพราะไม่มีใครรับประกัน ป้ายติดไว้บนสินค้าเป็นเพียงคำอ้างให้คนเชื่อ
ถึงเวลาแล้วที่คุณท่านผู้นำต้องตัดใจประกาศวาระแห่งชาติเรื่องเกษตรอินทรีย์ ใช้ความกล้าหาญเกินพิกัดธรรมดา ห้ามการนำเข้าเคมีเกษตรทุกประเภท ทั้งปุ๋ยเคมี และเคมีกำจัดศัตรูพืช เริ่มต้นจากสารเคมีประเภทร้ายแรง เพื่อสุขภาพอันดีของประชาชนชาวไทย
นโยบายนี้ย่อมถูกคัดค้านอย่างรุนแรงจากหลายฝ่าย เริ่มจากคนในรัฐบาล รัฐมนตรีซึ่งมีผลประโยชน์เกี่ยวโยงกับกลุ่มธุรกิจเกษตร กลุ่มนักการเมือง นักวิชาการ ข้าราชการ นักธุรกิจ พ่อค้า บริษัทยักษ์ใหญ่ในธุรกิจเกษตรซึ่งต้องเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาล
การเดินหน้าเรื่องส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษภายใต้แนวนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่เรื่องง่าย อิทธิพลเงินและเครือข่ายของกลุ่มพ่อค้าผูกขาดธุรกิจเกษตรอยู่เหนือเกือบทุกรัฐบาล สามารถกำหนดนโยบายผ่านตัวแทนเป็นรัฐมนตรีแทบทุกยุค
มีอยู่ในคณะรัฐมนตรี หรือรัฐบาลของคุณท่านด้วยหรือไม่? ไม่น่าถาม ไม่น่าเป็นประเด็นต้องสงสัยด้วยซ้ำ! การขยายตัวของธุรกิจต่างๆ เกี่ยวโยงกลุ่มธุรกิจการเกษตรที่ผ่านมาเป็นหลักฐานได้ดี ในธุรกิจการผลิต ค้าส่ง ค้าปลีกด้วยอิทธิพลเงินแข็งแกร่งยิ่ง
ถ้าจะเดินหน้าการสั่งห้ามนำเข้าเคมีเกษตร คุณท่านผู้นำต้องใช้ความกล้าหาญระดับพิเศษ อำนาจพิเศษ แต่จะได้การสนับสนุนอย่างมากจากประชาชน น้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ ได้ล้างสารพิษตกค้างในดินแหล่งน้ำบางส่วน เป็นโอกาสดีที่จะเริ่มงานชะล้างแผ่นดิน
คุณท่านต้องพิสูจน์ความรักแผ่นดิน รักชีวิตคนไทย ด้วยการห้ามนำเข้าเคมีเกษตร!
ยังมีภารกิจสำคัญเพื่อชีวิตของประชาชนไทย แผ่นดินไทย รอความกล้าหาญของคุณท่านผู้นำให้ตัดสินใจ นั่นคือการชำระล้างแผ่นดินให้ปลอดสารพิษจากเคมีเกษตร หยุดการยัดเยียดให้คนไทยบริโภคอาหารปนเปื้อนสารพิษ ส่งผลเสียต่อสุขภาพเรื้อรังจนตาย
ถ้าคุณท่านผู้นำไม่ทำ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม อย่าหวังว่ารัฐบาลโดยนักการเมืองจากการเลือกตั้งจะทำให้ร่างกายของลูกหลานไทยโดยทั่วไปต้องกินสารพิษปนเปื้อนในพืชผัก อาหารทะเล และอาหารแปรรูปสารพัด ถ้ามีทางเลือกต้องจ่ายแพงกว่าสินค้าทั่วไป
พืชผัก อาหารจากวัตถุดิบปลอดสารพิษ มากหรือน้อยก็สุดแล้วแต่ มีราคาสูงกว่าสินค้าทั่วไป รู้ทั้งรู้ แต่ก็ยังไม่มีการส่งเสริมอย่างจริงจัง คงเป็นเพราะอำนาจ อิทธิพลของพ่อค้าอยู่เหนือตลาด เหนือข้าราชการ นักวิชาการ ทรงพลังการเงินเหนือคนในรัฐบาลด้วย
ข่าวน่าสนใจไม่กี่วันก่อนคือการที่บริษัทผลิตยา เคมีภัณฑ์ข้ามชาติของเยอรมนี กลุ่มไบเออร์ได้ทุ่มเงินซื้อกิจการกลุ่มมอนซานโตของสหรัฐฯ ด้วยวงเงิน 66 พันล้านเหรียญสหรัฐ จะทำให้คุมตลาดเคมีภัณฑ์ เคมีเกษตรต่างๆ มากกว่า 25 เปอร์เซ็นต์
กลุ่มมอนซานโตเป็นผู้นำในการผลิตพืชตัดแต่งพันธุกรรม คือ “พืชแฟรงเกนสไตน์” หรือพืชผีดิบรายใหญ่ของโลก ได้พยายามขยายผลิตภัณฑ์ครอบงำตลาดสหรัฐฯ มาโดยตลอด แต่โดนต่อต้านคัดค้านอย่างหนักในกลุ่มประชาคมยุโรป และภูมิภาคอื่นทั่วโลก
กลุ่มไบเออร์มีฐานที่มั่นเครือข่ายธุรกิจในประเทศไทยอย่างแข็งแกร่ง ในด้านการผลิตและจำหน่ายเวชภัณฑ์ เคมีอุตสาหกรรม เคมีเกษตร และสินค้าอื่นๆ ถ้าการซื้อกิจการเป็นผลสำเร็จ น่าห่วงว่าจะมีความกดดันในการทดลองพืชผีดิบในไทยแรงกว่าที่เป็นมา
ในบ้านเราได้มีนักวิชาการ ข้าราชการ นักการเมืองกลุ่มต่างๆ พยายามส่งเสริมให้มีการทดลองใช้ “พืชผีดิบ” ในไทย กลุ่มนักขายชาติเหล่านี้ได้รับเงินช่วยเหลือจากกลุ่มธุรกิจเกษตรรายใหญ่ซึ่งได้พยายามครอบงำผูกขาดการค้าภาคเกษตรกรรมทุกระดับจนสำเร็จ
เราจึงได้มีมะละกอพันธุ์ผีดิบแพร่กระจายไปหลายพื้นที่ และกลุ่มนักขายชาติหิวเงินยังพยายามให้มีการทดลองพืชอื่นๆ แรงต้านนับวันจะแผ่วลงเป็นเพราะคนภาครัฐรับผิดชอบนโยบายการเกษตรดูเหมือนอยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มธุรกิจการเกษตรด้วย
อย่าพยายามปฏิเสธ! ทุกวันนี้สารพิษจากเคมีเกษตร พืชผีดิบได้สร้างปัญหาสุขภาพ ความหวาดระแวง พ่อค้าหน้าเลือดมุ่งหวังผูกขาดการค้าสินค้าเกษตรครบวงจร ตั้งแต่การจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยเคมี ยากำจัดศัตรูพืช การตลาด แหล่งจำหน่ายสินค้าทุกระดับ
หลายปีก่อน ตัวเลขนำเข้าสารเคมีเกษตรสูงถึง 8 หมื่นตันต่อปี หมายความว่าประเทศไทยเป็นแหล่งสำคัญให้มีการใช้เคมีเกษตร สารพิษในสภาพปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืชทั้งแมลงและวัชพืช ทำให้สารพิษตกค้างในผลิตภัณฑ์ ดิน แหล่งน้ำต่างๆ เป็นอันตรายยิ่ง
คุณท่านผู้นำได้พยายามเน้นนโยบาย “เศรษฐกิจพอเพียง” ในงานปราศรัยบนเวทีนานาชาติหลายครั้ง แต่ไม่มีการผลักดันอย่างจริงจังให้เป็นวาระสำคัญของชาติ โดยเฉพาะ “เกษตรอินทรีย์” ปลอดพิษจากเคมีเกษตร แถมยังมีสโลแกนประโลมโลกแหกตาชาวบ้าน
“ครัวไทยสู่ครัวโลก” ฟังแล้วดูเหมือนดี! พ่อค้าธุรกิจเกษตรข้ามชาติฉวยโอกาสขายสินค้าเกษตรสู่ตลาดโลกโดยแฝงตัวห้อยโหนนโยบายระดับชาติ ทั้งๆ ที่คนไทยเสี่ยงต่อการสะสมสารพิษปนเปื้อนตกค้างในอาหาร โดยวัตถุดิบมาจากพืชผ่านเคมีเกษตรมีผลร้ายแรง
ไม่จำกัดเพียงสินค้าเกษตรเท่านั้น สินค้าประมงก็มีเสียงร่ำลือว่ามีการใช้สารกันเน่า ฟอร์มาลีน ฟอร์มาลดีไฮด์อย่างแพร่หลาย มีเรื่องสารกันบูดอื่นๆ ในสินค้าต่างๆ เจ้าหน้าที่ภาครัฐไม่สามารถควบคุมตรวจสอบป้องกันได้ผลเต็มที่ “ครัวไทย” จึงเป็นแหล่งเพาะโรค
ผู้บริโภคมีฐานะดีเท่านั้นจึงลดความเสี่ยงด้วยการซื้อสินค้าปลอดสารพิษ แต่ก็ใช่ว่าจะ “ปลอด” เต็มที่ เพราะไม่มีใครรับประกัน ป้ายติดไว้บนสินค้าเป็นเพียงคำอ้างให้คนเชื่อ
ถึงเวลาแล้วที่คุณท่านผู้นำต้องตัดใจประกาศวาระแห่งชาติเรื่องเกษตรอินทรีย์ ใช้ความกล้าหาญเกินพิกัดธรรมดา ห้ามการนำเข้าเคมีเกษตรทุกประเภท ทั้งปุ๋ยเคมี และเคมีกำจัดศัตรูพืช เริ่มต้นจากสารเคมีประเภทร้ายแรง เพื่อสุขภาพอันดีของประชาชนชาวไทย
นโยบายนี้ย่อมถูกคัดค้านอย่างรุนแรงจากหลายฝ่าย เริ่มจากคนในรัฐบาล รัฐมนตรีซึ่งมีผลประโยชน์เกี่ยวโยงกับกลุ่มธุรกิจเกษตร กลุ่มนักการเมือง นักวิชาการ ข้าราชการ นักธุรกิจ พ่อค้า บริษัทยักษ์ใหญ่ในธุรกิจเกษตรซึ่งต้องเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาล
การเดินหน้าเรื่องส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษภายใต้แนวนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่เรื่องง่าย อิทธิพลเงินและเครือข่ายของกลุ่มพ่อค้าผูกขาดธุรกิจเกษตรอยู่เหนือเกือบทุกรัฐบาล สามารถกำหนดนโยบายผ่านตัวแทนเป็นรัฐมนตรีแทบทุกยุค
มีอยู่ในคณะรัฐมนตรี หรือรัฐบาลของคุณท่านด้วยหรือไม่? ไม่น่าถาม ไม่น่าเป็นประเด็นต้องสงสัยด้วยซ้ำ! การขยายตัวของธุรกิจต่างๆ เกี่ยวโยงกลุ่มธุรกิจการเกษตรที่ผ่านมาเป็นหลักฐานได้ดี ในธุรกิจการผลิต ค้าส่ง ค้าปลีกด้วยอิทธิพลเงินแข็งแกร่งยิ่ง
ถ้าจะเดินหน้าการสั่งห้ามนำเข้าเคมีเกษตร คุณท่านผู้นำต้องใช้ความกล้าหาญระดับพิเศษ อำนาจพิเศษ แต่จะได้การสนับสนุนอย่างมากจากประชาชน น้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ ได้ล้างสารพิษตกค้างในดินแหล่งน้ำบางส่วน เป็นโอกาสดีที่จะเริ่มงานชะล้างแผ่นดิน
คุณท่านต้องพิสูจน์ความรักแผ่นดิน รักชีวิตคนไทย ด้วยการห้ามนำเข้าเคมีเกษตร!