xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

อนาคต “ซิโก้”? ถ้า “ช้างศึก” ไม่ได้ไป “บอลโลก” หลัง“โค้ชเฮง”จวกหนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ซิโก้” ยังเหลือเกมอีก 8 นัด
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -“ช้างศึก” ทีมชาติไทย ออกสตาร์ทศึก เวิลด์ คัพ 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3 หรือ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่ม บี ด้วยผลงานไม่โสภานักแพ้รวด 2 นัดยิงไม่ได้แถมเสีไปแล้ว 3 ประตูรั้งบ๊วยของสายจากทั้งหมด 6 ทีม

แน่นอนว่าจากนี้อีก 8 นัดที่เหลือประตูเข้ารอบสุดท้ายยังเปิดกว้าง เพราะเงื่อนไขอย่างแย่ที่สุดคือคว้าที่ 3 ของกลุ่มไปเพลย์ออฟกับที่ 3 กลุ่ม เอ เพื่อคว้าตั๋วที่ 5 โซนเอเชียไปเพลย์ออฟกับที่ 4 จากโซนคอนคาเคฟ

ดูจากเส้นทางแล้วทรหดยุ่งยาก แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติ กระนั้นก็ตามเชื่อเหลือเกินว่าทุกคนก็คงทำใจเอาไว้ล่วงหน้าแล้วกับ “โรด ทู รัสเซีย” ที่มีมหาอำนาจเอเชียขวางทางอยู่ทั้ง ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และ อิหร่าน

แต่สิ่งที่บางคนไม่ได้ “ทำใจ” หากไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย คืออะไรจะเกิดขึ้นกับทีมชาติไทยชุดนี้ที่ว่ากันว่าดีที่สุดในรอบหลายปีและกระแสแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ไม่ว่าจะเป็นโค้ชรวมถึงนักเตะ

ถ้า “ช้างศึก” ยังไม่หลุดวงโคจรจากนี้แฟนบอลจะได้ลุ้นกันยาวๆ ไปจนถึงโปรแกรมนัดสุดท้ายวันที่ 5 กันยายนปี 2017 แต่ถ้าไม่ได้ไป เวิลด์ คัพ ที่รัสเซียจะต้องรอไปจนถึงปี 2022 ซึ่งรอบคัดเลือกก็จะมีขึ้นปลายปี 2020

ชีวิตย่อมต้องมองกันในแง่ร้ายเอาไว้บ้างคือถ้าไทยไม่ได้ไป เวิลด์ คัพ ที่ รัสเซีย ซึ่งจากปลายปี 2017 ถึงปลายปี 2020 ก็ประมาณ 3 ปีที่บรรดาแฟนบอลต้องอดทนรอเพื่อกลับมาลุ้นกันอีกครั้ง แม้เป็นระยะเวลาไม่นานก็จริง แต่เชื่อว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นพอสมควร โดยเฉพาะตำแหน่งโค้ชของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

ใครก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ผ่านมา “ซิโก้” คือพระเอกขี่ม้าขาวตัวจริง เพราะตั้งแต่เข้ามากุมบังเหียน “ช้างศึก” เมื่อปี 2013 ก็ทวงแชมป์คืนมามากมายไม่ว่าจะเป็น เหรียญทอง ซีเกมส์ เมื่อปี 2013, อันดับ 4 เอเชียน เกมส์ เมื่อปี 2014, แชมป์ อาเซียน เมื่อปี 2014 และแชมป์ คิงส์ คัพ เมื่อปี 2016

แต่สิ่งเดียวที่ทุกคนฝันมาตลอดก็คือไปฟุตบอลโลก แม้ว่าจะข้ามขั้นคว้าเหรียญทอง โอลิมปิก ไปก่อนก็ตาม แน่นอน 2 อย่างนี้คือความฝันที่ยังไม่ใกล้เคียงที่จะเป็นความจริง ย้อนไปล่าสุดเกือบที่สุดคือคัด เวิลด์ คัพ ปี 2002 ที่เข้าถึงรอบเดียวกันกับปีนี้ ทว่าหนนั้นมี 10 ทีม “ช้างศึก” จบบ๊วยของกลุ่ม 8 นัดไม่ชนะเลยเสมอ 4 นัด

ถามกันตรงๆ “ซิโก้” ควรจะได้คุมทีมต่อไปหรือไม่หากไม่ได้ไป เวิลด์ คัพ ปี 2018 เพราะต้องยอมรับว่าแม้จะเล่นได้ดียกระดับขึ้นมาจนได้รับฉายาว่า “บาร์ซาแห่งอาเซียน” รวมถึงมีนักเตะฝีเท้าดีเล่นในไทยลีกมากมาย แต่ไม่อาจไปได้ไกลกว่านี้
“โค้ชเฮง” วิทยา วิจารณ์การเล่น
ดังนั้น สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ภายใต้การดูแลของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อาจมีความจำเป็นต้องมองหากุนซือใหม่ไม่ว่าจะทั้งไทยและต่างชาติเพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามาเผื่อจะมีสไตล์การเล่นที่แปลกใหม่กว่าที่เป็นอยู่

เกมแรกที่ ไทย บุกไปพ่าย ซาอุดิ อาระเบีย 0-1 ชาติที่เคยไปเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลกมาแล้ว 4 ครั้ง ก็ต้องยอมรับ “ช้างศึก” เล่นดีแต่ไร้โชคไม่สามารถพังประตูได้ ก่อนที่จะมาเสียจุดโทษในช่วงท้ายเกมจาก สารัช อยู่เย็น มิดฟิลด์หน้าตี๋ที่ไปทำฟาวล์ก่อนโดนใบแดงเมื่อหมดเวลาเพราะคาใจกรรมการ ฟู่ หมิง จนตามมาด้วยกระแสที่แฟนบอลไทยด่าผู้ตัดสินจีนรายนี้ว่ามีการเป่าเอนเอียงเข้าข้างเจ้าบ้าน

แต่มาถึงเกมที่ 2 เมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมาเปิด ราชมังคลากีฬาสถาน พบ ญี่ปุ่น ที่แพ้มาเช่นกัน ต้องยอมรับว่า ไทย สู้ไม่ได้ทุกกระบวนท่าก่อนที่จะแพ้คาบ้าน 0-2 ทั้งที่โอกาสของทีมเยือนจากแดนปลาดิบนั้นก็ยิงนกตกปลาไปพอสมควร

ซึ่งเป็นธรรมดาสำหรับบิ๊กแมตช์เช่นนี้ที่ก่อนเกมต้องมีการสอบถามความเห็นจากกูรูลูกหนังเมืองไทยรวมถึงบรรดาอดีตนักเตะต่างๆ เช่นเดียวกับหลังเกมเมื่อแพ้ก็ต้องมีการสัมภาษณ์ทัศนะและหนึ่งในนั้นที่สายแทบไม่ว่างคือ โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิคสมาคมลูกหนังไทย
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง
ทัศนะของ โค้ชเฮง ระบุว่า “ก่อนอื่นต้องไปรื้อฟื้นหลักสูตรฟุตบอล โดยเฉพาะโค้ชในบ้านเราเรียนมาจะสิบปีแล้ว ได้ไลเซนมา แต่ไม่มีการรีเฟรชอะไรเลย จะเห็นได้ว่า นักเตะของเราขาดเรื่องสภาพจิตใจ และการรักษามาตรฐานในการเล่นให้คงเส้นคงวา แมตช์แรกเราเจอกับ ซาอุดิ อาระเบีย เราเล่นได้ดีมาก พอมาเล่นอีกที เหมือนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะว่าแท็กติกเรามาเล่นเกมรับ แต่เราก็ปล่อยให้เขาได้เล่นแบบไม่กดดันเขาเลย เพราะฟุตบอลปัจจุบันเป็นการเล่นที่ต้องกดดัน ไม่ให้มีพื้นที่เล่น ก็ต้องเป็นความสามารถของโค้ช ความเข้าใจในการเล่นของผู้เล่นด้วย”

“ส่วนการที่เราขาด สารัช อยู่เย็น ไปในนัดนี้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบ แต่ว่า สารัช เป็นนักเตะที่สามารถพลิกแพลงแก้ไขสถานการณ์ได้ดี แต่เกมในวันนั้นไม่ได้ขาดแค่ สารัช แค่คนเดียว ในหลาย ๆ คนก็เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานมาก ตรงนี้ต้องนำมาแก้ไขว่าจะทำอย่างไรให้รักษามาตรฐานการเล่นคงเส้นคงวา”

“ในส่วนนัดหน้าที่จะออกไปเยือน สหรัฐ อาหรับ เอมิเรตส์ และ อิรัก ฝ่ายเทคนิคมีหน้าที่คอยให้ข้อมูล และสนับสนุน อย่างเกมญี่ปุ่น ซิโก้ ก็ฝึกให้ผู้เล่นกดดันอยู่แล้ว แต่พอไปเล่นจริง ผู้เล่นไม่สามารถทำตามโค้ชสั่งได้ นัดที่เจอกับ ยูเออี คงบอกได้เพียงเป็นเกมที่ยาก เพราะนัดที่เจอกันบ้านเรา เขาส่งเด็กต่ำกว่า 21 ปีมาเล่น จริง ๆ แล้วทีชุดใหญ่เขามีความสามารถเฉพาะตัวสูง นัดหน้าจะเป็นเกมที่ยากสำหรับทีมชาติไทยแน่นอน”

ถือเป็นคำวิจารณ์ที่แรงอยู่ ซึ่งก็มีแฟนบอลไทยบางส่วนและเกรียนคีย์บอร์ดเข้าไปด่า โค้ชเฮง หลังให้สัมภาษณ์เสร็จในทำนองที่ว่าคุมทีมชาติไทยไม่ประสบความสำเร็จมีสิทธิอะไรมาวิพากษ์วิจารณ์หรือถ้าเก่งทำไมไม่ไปคุมเอง

ตรงจุดนี้น่าจะชม โค้ชเฮง มากกว่าที่กล้าออกมาพูด ไม่เหมือนกับบางคนที่กลัวกระแสต่อต้านจนอ้าปากไม่ออกอวยกันไปตามน้ำ เพราะโค้ชเฮงค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่สามารถยอมรับ ฟังเสียงวิจารณ์ได้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว

พูดกันตามตรงว่าคนไทยเป็นพวกบ้าตามกระแสอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อลูกหนังไทยกำลังติดลมบนเช่นนี้จึงเรียกได้ว่าไม่ลืมหูลืมตาฟังคำวิจารณ์ใครจะมาแตะมาต้องก็ไม่ได้ คล้ายกับอีกชนิดกีฬาที่ตอนนี้ถึงทางตันหลังจากไม่ได้ไปเล่น โอลิมปิก 2016 ที่ประเทศบราซิล จนทำให้โค้ชต้องแยกย้ายผู้เล่นระดับซีเนียร์ก็โรยรา

สุดท้ายถ้า “ช้างศึก” ไม่ได้ไป เวิลด์ คัพ 2018 รอบสุดท้ายที่รัสเซีย อนาคต “ซิโก้” ก็จะต้องมีเครื่องหมายคำถามขึ้นมาว่าควรจะได้คุมทีมต่อไปหรือไม่ ส่วนกระแสแฟนบอลก็จะดร็อปลงไปอย่างน่าตกใจเช่นกัน...


กำลังโหลดความคิดเห็น