xs
xsm
sm
md
lg

“ญาติชูวงษ์”สู้อีกเฮือกหวังผบ.ตร.แย้งอัยการ-หวั่นมีขบวนการล้มคดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน 360 - ภรรยาและพี่สาว “เสี่ยชูวงษ์” ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ ผบ.ตร. หวังเห็นแย้งอัยการที่สั่งไม่ฟ้องคดีโอนหุ้นมูลค่า 300 ล้านบาทผิดปกติ มึนดุลพินิจอัยการสวนทาง 4 หน่วยงานที่ชี้ว่า “บรรยิน” กับพวกมีความผิด

วานนี้ (8 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) นางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ และ นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยาและพี่สาวนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ พร้อม นายเอนก คำชุ่ม ทนายความ เดินทางยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อขอความเป็นธรรมให้มีความเห็นแย้งกับพนักงานอัยการที่มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในคดีโอนหุ้นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาทที่มีความผิดปกติ

โดยคดีนี้มี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์, น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล อดีตพริตตี้คนสนิท พ.ต.ท.บรรยิน, น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์คนสนิท พ.ต.ท.บรรยิน และ น.ส.ศรีธรา พรหมา มารดาของ น.ส.อุรชา เป็นผู้ต้องหา โดยมี พ.ต.อ.ภาณุพงศ์ ชอบเพื่อน รองผู้บังคับการ (ผบก.) กองงบประมาณ ในฐานะนายตำรวจเวรอำนวยการ เป็นผู้รับหนังสือแทน

** หวัง ผบ.ตร.มีความเห็นแย้ง

นางศิริรัตน์ กล่าวว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้รวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบคอบรัดกุม โดยสำนวนการสอบสวนมีความหนากว่า 3,000 หน้า ก่อนจะมีความเห็นสั่งฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน กับพวกในข้อหาร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันลักทรัพย์ และรับของโจร แต่ปรากฏว่าพนักงานอัยการ โดยอธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตามขั้นตอนของกฎหมายสำนวนการสอบสวนจะถูกส่งมายัง สตช.เพื่อให้ ผบ.ตร.พิจารณาว่าจะมีความเห็นตามพนักงานอัยการ หรือมีความเห็นแย้ง โดยคดีนี้ทางญาติยังไม่เห็นตัวคำสั่งอย่างเป็นทางการของพนักงานอัยการว่าให้เหตุผลอะไรจึงมีคำสั่งไม่ฟ้อง แต่ทราบว่ามีการพิจารณาในรูปคณะกรรมการ โดยอัยการเจ้าของสำนวน อัยการผู้เชี่ยวชาญ รองอธิบดีอัยการ มีความเห็นว่าควรสั่งฟ้อง แต่อัยการฝ่าย และอธิบดีอัยการกลับมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งเสียงไม่เด็ดขาด

“เรามีความมั่นใจพยานหลักฐานที่ตำรวจรวบรวมมาจะเพียงพอที่จะสามารถฟ้องคดีต่อศาล จึงมาขอความเป็นธรรมให้พิจารณาสำนวนการสอบสวนอย่างรอบคอบ และมีความเห็นแย้งเพื่อเปิดโอกาสให้ฝ่ายผู้เสียหายและผู้ต้องหาได้นำพยานหลักฐานเข้าต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง” นางศิริรัตน์ กล่าว

**มึนอัยการมีความเห็นสวน 4 หน่วยงาน

นางศิริรัตน์ กล่าวต่อว่า การที่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวน และขอให้การในชั้นศาล แสดงให้เห็นว่าผู้ต้องหาเองก็มีความต้องการที่จะต่อสู้คดีในชั้นศาล ทั้งนี้ ทางญาติทราบว่าภายหลังพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมาทนายความของผู้ต้องหาได้ไปยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดเพื่อเร่งรัดให้พนักงานอัยการส่งสำนวนให้ ผบ.ตร.พิจารณาโดยเร็ว ตนจึงได้เดินทางมาขอความเป็นธรรม เพราะเชื่อว่าสำนวนการสอบสวนน่าจะถูกส่งมาถึง ผบ.ตร.แล้ว ทั้งนี้การรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ที่มีความหนาของสำนวนกว่า 3,000 หน้า ละเอียดและน่าเชื่อถือหรือไม่ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดทรัพย์ (ก.ล.ต.) ก็มีการตัดสินแล้วว่าการโอนหุ้นมีความผิดปกติ มีการสั่งลงโทษ สั่งปรับ รวมทั้งพักงานผู้ที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน คดีนี้ศาลก็ได้มีการอนุมัติหมายจับผู้ต้องหา ซึ่งโดยปกติศาลไม่ได้อนุมัติออกหมายจับใครโดยง่าย หากไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ นอกจากนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็มีการยึดทรัพย์ผู้ต้องหา หน่วยงานทั้ง 4 หน่วยนี้มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ทำไมพนักงานอัยการจึงสั่งไม่ฟ้อง ตรงนี้ทางญาติจะมีการร้องขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานระดับสูงเพื่อตรวจสอบผู้ที่ใช้อำนาจในการสั่งคดีโดยมิชอบ

“ยืนยันว่าทางญาติมีความมั่นใจว่าพยานหลักฐานที่มีสามารถเอาผิดผู้ต้องหาได้ และเชื่อว่าผู้ต้องหากระทำผิดจริง นอกจากนี้ อยากให้สังคมจับตามองว่าเหตุใดผู้ต้องหาจึงได้ส่งทนายความไปเร่งรัดกับอัยการสูงสุดให้รีบส่งสำนวนให้ ผบ.ตร.พิจารณา และอยากให้สังคมจับตามองด้วยว่าคดีนี้มีการแทรกแซงหรือไม่” นางศิริรัตน์กล่าว

** ญาติพร้อมฟ้องคดีเอง

นางศิริรัตน์ กล่าวด้วยว่า ทางญาติไม่ต้องการกดดัน ผบ.ตร.หรือกระบวนการยุติธรรม เพียงแต่อยากขอความเป็นธรรมในทางคดีเท่านั้น จากนี้ไปทางญาติจะรอให้ ผบ.ตร.พิจารณาสำนวนการสอบสวน แต่เชื่อมั่นว่าหาก ผบ.ตร.ได้เห็นสำนวนการสอบสวนที่ตำรวจกองปราบปรามสรุปมาซึ่งมีความหนากว่า 3,000 หน้า ท่านน่าจะมีดุลพินิจในทางที่ถูกต้อง ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางครอบครัวต้องขอบคุณตำรวจกองปราบปรามที่มีรวบรวมพยานหลักฐานทำสำนวนการสอบสวนอย่างแน่นหนา ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ลงมาดูแลการสอบสวนด้วยตนเอง เนื่องจากเห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน

“หากในที่สุดแล้ว ผบ.ตร.มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องทางญาติก็จะฟ้องคดีต่อศาลเอง เพราะหากพนักงานอัยการ และผบ.ตร.มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในคดีโอนหุ้น และญาติไม่ฟ้องคดีต่อศาลเอง เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อคดีฆาตกรรมนายชูวงษ์อย่างแน่นอน เพราะคดีฆาตกรรมต้องมีเหตุจูงใจ” นางศิริรัตน์ กล่าว

นางศิริรัตน์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางญาติยังไม่เห็นคำสั่งของพนักงานอัยการว่าให้เหตุผลว่าอย่างไร เหตุใดจึงสั่งไม่ฟ้อง แต่ประเด็นเรื่องลายเซ็นที่ผู้ต้องหาให้การตลอดว่าลายเซ็นไม่ปลอม และอ้างว่าฝ่ายผู้เสียหายไม่เคยปฏิเสธ ตนอยากจะบอกว่าผู้เสียหายจะปฏิเสธได้อย่างไร เพราะผู้เสียหายชีวิตไปแล้ว ประเด็นนี้น่าจะมีการพิสูจน์ในชั้นศาลว่าการโอนหุ้นเป็นไปตามจุดประสงค์ของผู้ตายหรือไม่ เพราะญาติมีหลักฐานว่าใบโอนหุ้นทั้ง 2 ใบถูกแก้ไข ทางญาติพร้อมที่จะฟ้องคดีเอง หาก ผบ.ตร.มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง แต่มั่นใจว่าพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสั่งฟ้องคดีได้ สำเนาบัตรประชาชนที่แนบกับใบโอนหุ้นถูกแก้ไข จากจำนำหุ้นถูกลบออกทั้งหมดเหลือเพียงลายเซ็นอย่างเดียว ซึ่งคดีปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมจะปลอมบางส่วนหรือปลอมทั้งหมดก็ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว

ส่วนกระแสข่าวมีการใช้เงินกว่า 20 ล้านบาทเพื่อวิ่งเต้นให้ล้มคดีนี้ นางศิริรัตน์ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น

** ทนายคาด ตร.ใกล้สรุปคดีฆ่า

ขณะที่ความคืบหน้าฆาตกรรมนายชูวงษ์นั้น นายเอนก เปิดเผยว่า คดีมีความคืบหน้าตามลำดับ ในเร็วๆ นี้คาดว่าพนักงานสอบสวนน่าจะสามารถสรุปสำนวนการสอบสวน และมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาได้ ซึ่งทางญาติคงไม่สามารถก้าวล่วงการทำงานของพนักงานสอบสวน แต่ทราบว่าคดีนี้มีการวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบคอบรัดกุม ทางญาติมีความเชื่อมั่นว่าจากพยานหลักฐานที่ตำรวจรวบรวมมีน้ำหนักเพียงพอที่จะฟ้องและนำคดีขึ้นสู่ศาลได้ ขณะเดียวกัน เชื่อว่า ผบ.ตร.เองจะเอาสำนวนมากตรวจสอบอีกครั้งว่า ความเห็นของอธิบดีอัยการกรุงเทพใต้ที่ความเห็นสั่งไม่ฟ้องนั้นถูกต้องโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ ตามขั้นตอนของกฎหมาย หาก ผบ.ตร.มีความเห็นแย้งสำนวนก็จะถูกส่งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อชี้ขาดต่อไป.
กำลังโหลดความคิดเห็น