ในยุคที่ใครๆ ต่างหันมารักสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะการใส่ใจเรื่องอาหารการกิน รวมถึงหันมาปลูกผักทานเองที่บ้านที่กำลังได้รับความนิยมสำหรับคนเมืองที่ต้องการมีสุขภาพดี “คุณวา-โชตินันท์ เสียงประเสริฐกิจ” ผู้ดูแลแฟนเพจสุดเฮลตี้ “มาปลูกสวนครัว กับรักคุณแฟน” พร้อมบอกเล่าประสบการณ์ดีๆ และแบ่งปันเรื่องราวฟิวกูดให้คนที่รักสุขภาพได้หันมาปลูกผักทานเองในบ้านอย่างปลอดสารพิษ . .
สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้เธอเข้าสู่ถนนสายกูดเฮลท์คงเป็นเพราะความชื่นชอบในการเล่นเว็บบอร์ดเกี่ยวกับต้นไม้ และด้วยอาชีพที่ทำให้เธอต้องย้ายไปเปิดร้านเบเกอรี่ที่ต่างจังหวัด จึงเป็นเรื่องยากที่จะหาผักที่ชอบทานได้ในแถบนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือการปลูกผักในพื้นที่แถวนั้นมีการใช้ยาฆ่าแมลง ซึ่งทำให้เธอไม่ต้องการที่จะบริโภคผักเหล่านั้น นี่จึงเป็นที่มาของการปลูกผักในบ้านเพื่อทานเอง
“ดั้งเดิมคือเราเป็นคนเล่นเว็บบอร์ดพันทิพห้องต้นไม้อยู่แล้ว และตอนนั้นย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดเพื่อเปิดร้านเบเกอรี่ด้วย พื้นที่ที่อยู่เป็นภาคอีสานมันจะไม่มีผักที่เคยทาน มันก็จะเป็นผักพื้นบ้าน ซึ่งต้องบอกว่าพื้นฐานดั้งเดิมเป็นบ้านคนจีน เราก็จะกินอะไรในแบบที่เราเคยทาน
เพราะฉะนั้นเราอยากได้ผัก เราก็ต้องทำเอง อีกอย่างที่ทำให้เราปลูกคือแถวนั้นเขาปลูกผัก เวลาเราผ่านพวกไร่หรือสวนผัก เราไปเห็นเขาใช้ยาฆ่าแมลง มันเลยทำให้เราไม่อยากได้ผักแบบนั้น ตอนที่เล่นเว็บบอร์ดพันทิพ กลุ่มเพื่อนก็จะมีการแบ่งปันเมล็ด ไม้ดอก ไม้ประดับ พืชผักสวนครัว จึงทำให้ได้มาทดลองปลูก”
ด้วยระยะเวลาจากวันนั้นถึงตอนนี้รวมกว่า 5 ปีแล้วที่คุณวาปลูกผักทานเองในบ้าน โดยพืชผักที่ปลูกมากกว่า 200 ชนิดบนพื้นที่ 4 คูณ 6 เมตร จากประสบการณ์ที่ได้คลุกคลีมานาน เธอจึงส่งต่อความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่จะเป็นประโยชน์ให้กับคนอื่นๆ ในฐานะแอดมินแฟนเพจ “มาปลูกสวนครัว กับรักคุณแฟน”
“ถึงตอนนี้ก็ประมาณ 5 ปี ผักนอกก็ปลูกได้ พอปลูกไปนานๆ เราจะไม่ได้ปลูกตามตำรา เราจะใช้วิธีการอ่านผักว่า ผักชนิดนี้เป็นพืชตระกูลไหน แล้วเขาต้องการอะไร อย่างในเพจที่สอนก็จะสอนให้ทุกคนเรียนรู้ลักษณะแบบนี้ เรามีหน้าที่สอนให้เขาดูว่าผักชนิดนี้มีปัญหาอะไร ด้วยการถ่ายรูปมาให้เราดูว่าขาดอะไร เราจะได้แก้ไขตรงนั้นได้ ก็จะเห็นว่าคนในเพจปลูกสำเร็จค่อนข้างเยอะ”
นอกจากนี้เธอยังแนะนำถึงผู้ที่สนใจอยากปลูกผักทานเองในบ้านอีกด้วยว่า ควรเริ่มศึกษาจากสิ่งที่ผักแต่ละชนิดต้องการนั่นคือแสงแดด ต่อมาคือเรื่องพื้นที่ในการปลูกผัก ซึ่งเธอบอกกับเราว่าถึงมีพื้นที่น้อยอย่างไรก็สามารถปลูกผักได้เช่นกัน
“สิ่งที่ผักต้องการอันดับแรกคือแสงแดด ต้องดูก่อนว่าผักชนิดนี้ต้องการแดดมากน้อยขนาดไหน ซึ่งผักส่วนใหญ่ ถ้าเป็นผักไทยพื้นบ้าน 80% ต้องการแสงแดดเต็มวันหรืออย่างน้อยครึ่งวันบ่าย อย่างคะน้า กวางตุ้ง ต้องการแดดมาก มันจะมีผักที่พอจะโตได้ในแดดครึ่งวันบ่าย กับผักที่จำเป็นจะต้องมีแดดเต็มวันเลย
สมมุตบ้านไม่มีพื้นที่แต่มีแดด เราสามารถปลูกในกระถางได้ ถ้าอยากปลูกผักไฮโดรโปนิกส์น้ำนิ่งก็จะต้อการพื้นที่ประมาณเมตรคูณเมตรครึ่ง สำหรับบ่อกับมุ้งเพราะว่าไฮโดรโปนิกส์ปลูกในน้ำ ถ้าไม่มีมุ้งมันจะเรียกแมลง เพราะเราปลูกผักแบบไม่มียาฆ่าแมลง เราต้องสังเกตว่าผักชนิดนี้แมลงชอบไม่ชอบ ถ้ามันชอบเราก็ต้องกางมุ้งให้เขา ถ้าแบบนั้นมันก็เหมือนเราปลูกให้แมลงกิน”
ในส่วนขนาดพื้นที่ที่ใช้ในการปลูกผักในบ้าน เธอบอกด้วยเสียงมั่นใจว่าพื้นที่ขนาดเมตรคูณเมตรก็สามารถปลูกผักได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าบ้านใครที่มีพื้นที่น้อยแล้วจะไม่สามารถปลูกผัก นอกจากนั้นยังฝากถึงการเลือกสายพันธุ์ผักที่จะนำมาปลูกอีกว่าควรศึกษาและเลือกสายพันธุ์ที่ดีที่สุด
“จริงๆ แล้วควรมีพื้นที่สักเมตรคูณเมตรก็ปลูกได้แล้ว กระถางที่เหมาะสมในการปลูกผักที่ให้เขาโตเต็มที่ได้ กระถาง12-15 นิ้วปลูกได้แล้ว พื้นที่ประมาณเมตรหนึ่งปลูกได้แน่ๆ เลย 10 ชนิด ปกติเราจะแนะนำให้ลูกเพจเลือกสายพันธุ์ในการปลูก อย่างผักหนึ่งตัวมันอาจจะแตกเป็น 10 สายพันธุ์ เราต้องเลือกตัวที่แข็งแรง โตไว ให้ผลผลิตดี เพราะเราไม่ได้ปลูกเป็นไร่ เราปลูกแค่ไม่กี่ต้น เพราะฉะนั้นต้องเลือกต้นที่ดีที่สุดมาให้เราและอร่อยด้วย”
สำหรับสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับคนที่ไม่เคยปลูกผักมาก่อนเลย คงหนีไม่พ้นเรื่องของแมลงรบกวน ด้วยการปลูกผักที่ปราศจากการใช้ยาฆ่าแมลงแล้วด้วย จึงจำเป็นที่จะต้องดูแลผักให้เป็นอย่างดี ซึ่งเธอเองได้มีวิธีแนะนำที่ช่วยในการไล่แมลงได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล
“ส่วนที่ยากที่สุดของคนที่ไม่เคยปลูกเลยคือเรื่องแมลง แต่ละบ้านแมลงไม่เหมือนกัน ปกติเราไม่บอกให้ใช้ยาฆ่าแมลงและสารธรรมชาติมันฆ่าแมลงไม่ได้ เราก็ต้องไล่แทน เช่น น้ำผงซักฟอกที่ซักผ้ามันจะมีสารฟอสฟอรัสที่เป็นส่วนหนึ่งของอาหารพืช ราดลงดินแล้วแมลงมันก็จะหนี แต่ต้องไม่เข้มข้นเกินไปเพราะถ้าเข้มข้นเกินไป ผักจะใบไหม้ได้”
หากใครกดติดตามเพจนี้อยู่คงเห็นว่ามีสมาชิกในเพจจำนวนมากที่เริ่มต้นปลูกผักในบ้านเพื่อทานเอง และได้ส่งผลงานมารายการความเคลื่อนไหวเป็นระยะๆ ในฐานะที่เธอเองอยากให้ทุกคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพ นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้เธอมีกำลังใจและรู้สึกดีที่ได้เห็นภาพเหล่านั้น
“ถ้าถามว่าเพจนี้มันให้ความรู้สึกดีๆ ตรงไหน อย่างลูกเพจแน่นอนว่ากฎของเพจนี้คือเรียนแล้วต้องส่งการบ้าน เพราะเราต้องติดตามผล ถ้าเราทำแล้วเราไม่ตามผล นั่นคือทำหรือไม่ทำเราก็ไม่รู้ เปอร์เซ็นต์สำเร็จมันจะต่ำ เพราะฉะนั้นต้องตั้งใจ ซึ่งเวลาเขาปลูกเขาจะส่งมาให้เราดูเป็นรูปพาลูกไปเก็บผัก หรือทำอาหารทานกันในครอบครัว นั่นคือสิ่งที่เรารู้สึกดี”
นอกเหนือจากนั้นแล้ว เธอยังเล่าความประทับใจของครอบครัวหนึ่งให้เราฟังอีกว่า มีคุณหลานมาเรียนวิธีการปลูกผักในบ้าน เพื่อนำไปสอนคุณปู่เพื่อให้ดูแลคุณย่าที่นอนป่วย ถือเป็นเรื่องราวที่ทำให้เธอรู้สึกอิ่มเอมใจและช่วยทำให้เธออยากส่งต่อเคล็ดลับการปลูกผักดีๆ แบบนี้ต่อไปอีกด้วย
“ที่รู้สึกดีกว่าคือที่เขามาเล่าให้ฟัง อย่างยกตัวอย่างบ้านหนึ่งเป็นหลานมาเรียน เพื่อที่จะเอาไปสอนคุณปู่ เหตุผลคือคุณย่าไม่สบายต้องนอนในลักษณะเป็นอัมพฤต คุณปู่อยู่กับคุณย่าสองคน คุณหลานก็มาเรียนเพื่อที่จะเอาไปสอนคุณปู่
ผ่านไปประมาณเดือนกว่าๆ เขามารายงานว่า ตอนนี้คุณปู่ปลูกเริ่มโตแล้ว พออีกสักระยะหนึ่งมาเล่าอีกว่าตอนนี้เก็บผักแล้วนะ ส่งรูปมาให้ดู คุณปู่ทำน้ำพริกให้คุณย่าทานด้วย คุณย่าชอบทานผักชนิดนั้น ชนิดนี้ มาเล่าให้ฟัง อีกเดือนถัดมาคุณย่านั่งรถเข็นมาหน้าบ้านเราเลยเพื่อมาดูผัก”
อีกหนึ่งบรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกดีคือการมองเห็นว่าผู้สูงอายุในระแวกบ้าน พากันมาพูดคุยถึงเรื่องการปลูกผักกันในช่วงเย็น จากผู้สูงอายุที่นั่งเหงาๆ ในบ้าน ตอนนี้กลายเป็นรวมกลุ่มกันพูดคุย ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เห็นแล้วอดชื่นใจไม่ได้
“พอตกเย็นก็มีแก๊งค์ผู้สูงอายุแถวนั้นมานั่งคุยกัน แถวนั้นก็พากันปลูกผักหมดเลย แล้วก็มานั่งคุยกันเรื่องผัก มีการแลกเมล็ดพันธุ์กัน จากผู้สูงอายุที่เหงาๆ ตกเย็นมานั่งคุยกัน มันทำให้เรารู้สึกว่าที่เราแบ่งปันไปมันคุ้มนะ มันรู้สึกดีที่เราจะทำต่อไป”
5 ผักที่คนนิยมปลูกมากที่สุด 1. สลัดนอก - สลัดคือผักที่ทุกคนอยากปลูกมากที่สุด เพราะมันปลูกยาก ด้วยความที่มันเติบโตในอุณหภูมิที่เย็น แต่บ้านเราร้อน เราเลยต้องใช้การปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์เข้ามา สลัดจึงเป็นตัวที่คนขอเรียนเยอะที่สุด 2. กวางตุ้ง - เป็นผักอายุสั้นแต่ปลูกในดินได้ง่ายๆ ปลูกยังไงก็โต 3. ผักบุ้งจีน - ผักชนิดนี้งอกง่าย แต่ต้องให้น้ำกับปุ๋ยให้เป็นเพื่อให้ต้นอวบ ปลูกง่ายได้ไว 20-30 วันได้ทานแล้ว 4. กะเพรา - กะเพราจะโตช้ากว่าโหราพา อย่างที่เห็นว่ากะเพราโตประมาณคืบหนึ่งใช้เวลาโตประมาณ 1 เดือน แต่พอมันเกินคืบแล้ว มันไปของมันเรื่อยๆ พอเราเด็ดยอดมันจะแตกออกไปเรื่อยๆ ทุกบ้านส่วนใหญ่ปลูก 5. พริก - ด้วยเรื่องของยาฆ่าแมลงในพริกด้วย คนจึงนิยมปลูกเองมากกว่า การปลูกพริกเห็นผลได้จริงๆ คือ 2 เดือนถึงเก็บเกี่ยวได้ แต่ถ้าได้แล้วพริกอยู่กับเราไปเป็นปี |
ชมภาพ
เรื่อง : พิมพรรณ มีชัยศรี