xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

งามหน้า “ประชารัฐ” “มหาดไทย” ทำพัง ก้มกราบ “งาบหัวคิว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสัมพันธ์ คนดี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ตำบลเขาน้อย อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่กล้าออกมาแฉสูตรลับค่าหัวคิวพร้อมกับก้มลงกราบ “ทั่นนายอำเภอ” ที่นั่งเป็นประธานบนเวทีในงานประชุมประจำเดือนกำนันและผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่อำเภอสิชล
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -“สูตรลับประชารัฐ” หรือ “สูตรลับค่าหัวคิว” ที่กำลังแพร่ระบาดหนักถึงขนาด “ก้มกราบ” กันเลยทีเดียวนี้ ทำเอา “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เจ้าสำนักประชารัฐ ถึงกับควันออกหู ลั่นวาจาถ้าทำผิดต้องลงโทษสถานหนักไม่มีละเว้น

แต่อยากจะบอก ใครๆ เขาก็รู้กันมานานแล้วหละลุงว่าสูตรลับประชารัฐ ไม่ใช่จะมีแค่ “สิชลโมเดล” เท่านั้นดอก เพราะข้าราชการบางคนบางพวกต่างสำเร็จวิชาระดับอรหันต์เรียกพี่ โดยรู้จักพลิกแพลงโครงการรัฐเก็บค่าน้ำร้อนน้ำ ชาเข้ากระเป๋าอย่างเป็นล่ำเป็นสันและทำกันจนอยู่ในกระแสเลือด

ชนิดที่เรียกได้ว่า ทุกโครงการ ทุกหน่วยงาน ทุกรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นประชานิยมหรือไทยเข้มแข็งเมื่อวันก่อน หรือประชารัฐในวันนี้ ฯลฯ พวกล่อมาแล้วไม่มีละเว้น ไม่ว่าจะโครงการใหญ่หรือเล็ก ไม่งั้นผู้ใหญ่บ้านนอกคอกนาคงไม่ถึงกับต้องก้มกราบผู้มีอำนาจเหนือกว่าเป็นแน่

ที่สำคัญคือ คนที่เจ็บหนักและเจ็บใจ ไม่ได้มีแค่นายกฯ ลุงตู่และหัวขบวนรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจอย่าง “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เท่านั้น หากแต่ยังรวมไปถึงบรรดา “เจ้าสัว” ที่ทุ่มเงินทุ่มกำลังลงไปใน “โครงการประชารัฐ” แบบเปลืองตัวโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะได้อะไรตอบแทนหรือไม่ ต้องมาพลอย “ด่างพร้อย” กับโครงการประชารัฐที่ “คนมหาดไทย(บางคน)” ทำพังโดยแท้

งานนี้ ไม่รู้ว่า กระทรวงมหาดไทยที่มี “ลุงป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการฯ คุมทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นจะมองหน้าใครติดหรือไม่ ….

ต้องนับถือความกล้าหาญของ นายสัมพันธ์ คนดี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ตำบลเขาน้อย อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่กล้าออกมาแฉสูตรลับค่าหัวคิวพร้อมกับก้มลงกราบ “ทั่นนายอำเภอ” ที่นั่งเป็นประธานบนเวทีในงานประชุมประจำเดือนกำนันและผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่อำเภอสิชล โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2559 และต่อมามีการแชร์คลิปกันอย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์จนเป็นเรื่อง

ในคลิปดังกล่าวมีการระบุว่า“ผู้ใหญ่บ้านเมืองคอน ก้มลงกราบกลางประชุม ขอร้องเลิกเก็บงบสูตรลับ ด้วยความเคารพผมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน วันนี้มีเรื่องไม่สบายใจ กับเสียงด่าของเหล่าข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พี่น้องชาวอำเภอสิชลด่า ด้วยเรื่องสูตรลับ จึงอยากจะบอกให้ท่านทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

“เราพี่น้องชาวอำเภอสิชลที่อยู่กันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ร่วมกันต่อสู้เพื่อให้เกิดเมืองนี้ เมืองแห่งการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง นั่นเป็นความภาคภูมิใจในการต่อสู้มาจนถึงทุกวันนี้ แต่เสียงด่าที่ดังวนเวียนเข้ามาในหูของพวกเรา ท่านเคยถามพวกเราบ้างหรือไม่ เคยถามถึงความสมัครใจกันหรือไม่ ที่สูตรลับของท่านเกิดขึ้นมาในโครงการประชารัฐของรัฐบาล พวกเรารักท่าน เคารพท่าน พอเถอะ หยุดเถอะครับ ด้วยความเคารพ”

จากนั้นผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวจึงก้มลงกราบกับพื้นและมีเสียงฮือฮาขึ้นในที่ประชุม พร้อมกับเสียงของประธานในที่ประชุมที่กล่าวว่า “มาคุยส่วนตัวได้”

การเรียกเก็บค่าหัวคิวที่เป็นสูตรลับจากทางอำเภอ เป็นความคับแค้นของผู้ถูกเรียกเก็บเงินใต้โต๊ะจากโครงการประชารัฐของรัฐบาลลุงตู่ ที่ว่ากันว่า ไม่ว่าจะเป็นโครงการ 2 แสน หรือตำบลละ 5 ล้านบาท เจอกันถ้วนหน้า และผู้ที่รับหน้าเสื่อถูกด่าหักเงินค่าหัวคิว โครงการประชารัฐ ตามสูตร 8-10-15ไปจนถึงสูตร 25-30-35 ก็คือกำนันผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งเจอทั้งขึ้นทั้งล่อง ทั้งผู้รับเหมาที่ถูกรีดค่าหัวคิวและประชาชนที่ก่นด่าว่าถนนพังเร็ว ตลิ่งพัง หรือผู้รับเหมาทำไม่เสร็จทิ้งงานเพราะเงินโครงการที่จะนำมาใช้ในเนื้องานจริงๆ นั้นไม่เพียงพอที่จะได้งานระดับคุณภาพ

คงต้องท้าพิสูจน์กันต่อไปว่า สูตรลับประชารัฐที่กำนันผู้ใหญ่บ้านต้องส่งขึ้นไปยังหน่วยเหนือ จะมีแค่ที่สิชลเท่านั้นจริงๆ หรือ ที่ยังไม่เปิดเผยและยังไม่ตกเป็นข่าวจะมีอีกสักกี่มากน้อย เพียงแต่ว่าใครหละจะกล้าบอก และจะตรวจสอบกันจริงจังหรือเปล่า ก็เท่านั้น

ผลสะเทือนจากคลิปฉาวที่ทำเอาบิ๊กตู่ควันออกหูนั้น ปรากฏว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์กรณีคลิปผู้ใหญ่บ้านระบายความคับแค้นสูตรลับค่าหัวคิวโครงการประชารัฐและก้มกราบเพื่อขอให้เลิกรีดหัวคิว โดยสั่งการให้มีการสอบสวน ถ้าพบผิดต้องลงโทษทั้งทางวินัยและอาญาเพราะการทุจริตไม่ควรจะเกิดขึ้น และถ้าพบผิดต้องลงโทษสถานหนักโดยไม่มีการละเว้นนั้น เช้าวันรุ่งขึ้น พ่อเมืองนครศรีธรรมราช นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการ ก็สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยนั่งเป็นประธานเอง ขีดเส้นสอบให้เสร็จใน 5 วัน

แต่ที่ทะแม่งๆ ก็คือ ถ้อยวาจาที่ นายถาวรวัฒน์ คงแก้ว ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งออกมารับหน้าแถลงแทนพ่อเมืองคอนฯ ที่ระบุว่า อยากเรียกร้องให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยังทุกอำเภอ เรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ ตามสูตรลับเป็นเงินร้อน เงินเร่ง เพื่อพัฒนาบ้านเมืองไม่มีใครกล้าเอาเงินจากประชาชน หากว่าเกิดขึ้นจริงคงมีปฏิบัติกันทุกอำเภอ ไม่ใช่แค่สิชลที่เดียว สันนิษฐานว่า อาจจะเป็นความขัดแย้งส่วนตัว หรือต้องการสร้างเพาเวอร์ให้ตนเอง การที่กล่าวอ้างว่าเก็บให้นายบอกเพื่อปัดให้พ้นตัวมากกว่า

“หากเป็นจริง ท้าให้ผู้ใหญ่บ้านบอกมาเลยว่าเงินนี้ใครเป็นคนเก็บ และเก็บให้ใคร ผมขอการันตีว่าผู้ว่าฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินเหล่านี้ มีแต่จะกำชับให้งานแล้วเสร็จอย่างรวดเร็ว” ปลัดจังหวัดฯ กล่าว ในทำนองอยากแสดงถึงความปากกล้าขอท้าพิสูจน์ แต่ฟังๆ ไป คล้ายๆ กับกินปูนร้อนท้องอะไรประมาณนั้น หรือไม่ ?? แบะงานนี้คงกะปัดสวะให้พ้นตัวโยนผิดให้ผู้ใหญ่ฯ หัวใจสิงห์คนนั้น

ผู้ว่าฯ เมืองคอน อาจใจเย็นรอสอบก่อนถึง 5 วัน แต่สำหรับ ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต อธิบดีกรมการปกครอง เย็นไม่ไหว ตัดสินใจลงดาบทันที โดยออกคำสั่งย้าย นายวชิระ พันดุสะ นายอำเภอสิชล ไปช่วยราชการที่กรมการปกครอง และย้าย นายพิทักษ์ บริพัศ นายอำเภอชะอวด ไปช่วยราชการกรมการปกครอง ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคมนี้ เป็นต้นไป ซึ่งนายพิทักษ์ เดิมนั้นดำรงตำแหน่งนายอำเภอสิชล และสลับกับนายวชิระ เมื่อ 6เดือนที่ผ่านมา

ขณะที่เจ้าตัวที่ตกเป็นเป้าเชือดเซ่นประชารัฐคือ นายวชิระ พันดุสะ นายอำเภอสิชล ยังแก้ตัวว่าคลิปดังกล่าวเป็นความเข้าใจผิดของผู้ใหญ่บ้านจนทำให้เสียชื่อเสียงของกรมการปกครอง หลังประชุมเสร็จได้พูดคุยทำความเข้าใจเรียบร้อยแล้วทั้งยืนยันว่าไม่มีการทุจริตแน่นอน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
นายวชิระ ยังมีลูกเล่นในโลกโซเชียลหลังเจอคำสั่งเด้งฟ้าผ่าโดยได้ส่งไลน์ข้อความเข้าไปยัง “กลุ่มปกครองสิชล”ว่าเช้าวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมาด้วยว่า ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านใน อำเภอสิชล รวมจำนวนกว่า 100 คน ได้เดินทางมารวมตัวกันถือป้ายข้อความ "กำนันผู้ใหญ่บ้านรักนายวชิระ พันดุสะ" และข้อความ "กำนันผู้ใหญ่บ้านสิชลเราเรียกร้องขอนายวชิระ พันดุสะ นายอำเภอของเรากลับคืนมา" ซึ่งมีการแชร์ข้อความดังกล่าวไปยังกลุ่มนักปกครองทั้งในและนอกพื้นที่ การแสดงออกถึงลีลามีลูกล่อลูกชนแพรวพราวขนาดนี้นี่จึงเป็นของแท้ตามสูตรลับกระมัง??

ไม่ใช่แต่สิชลที่ทำมาหารับประทานกับโครงการประชารัฐ ขึ้นไปพื้นที่ภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ ก็มีรายการประชารัฐปากมันเช่นกัน งานนี้เป็นโครงการใหญ่โตของกรมธนารักษ์ ชื่อ โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐเพื่อข้าราชการชั้นผู้น้อย ฟังดูดีมาก แต่พวกว่าเบื้องหลังชักจะทะแม่งๆ เพราะที่ดินธนารักษ์บนถนนเจริญประเทศ ตำบลช้างคลาน อำเภอเมือง เชียงใหม่ ผังเมืองระบุสีน้ำเงินใช้ประโยชน์เป็นสถานที่ราชการ สาธารณูปโภคและสาธารณูปการเท่านั้น แต่ตอนนี้ธนารักษ์กำลังเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาสร้างที่อยู่อาศัย คอนโดมิเนียม 6 หลัง จำนวน 600 หน่วย เป็นสัญญาระยะยาว 30 ปี

เบื้องหลังที่ชักแม่งๆ และเริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันกระหึ่มเมืองเชียงใหม่ ก็คือ การที่กรมธนารักษ์ เอาที่ดิน จำนวน 9 ไร่ 33ตารางวา ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่เขียวครึ้มเป็นปอดเมืองเชียงใหม่มานับสิบปี มาเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาสร้างที่อยู่อาศัยนั้นมันขัดกับสีของผังเมือง และโครงการไม่มีการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) พื้นที่ก็คับแคบ การจราจรหนาแน่น เพราะย่านนั้นมีโรงเรียนขนาดกลางและขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนถนนนี้ถึง4 แห่ง คือ เรยีนาเชลลีวิทยาลัย, พระหฤทัยเชียงใหม่, มงฟอร์ตวิทยาลัย (แผนกประถม)และสวนเด็กเชียงใหม่ มีนักเรียนกว่าหนึ่งหมื่นคน หากมีคอนโดฯธนารักษ์ประชารัฐ โผล่ขึ้นมาอีก 6 แท่ง คงไม่ต้องบรรยายสภาพความคับคั่งและมลพิษทางอากาศที่จะเกิดขึ้นและส่งผลกับเด็กนักเรียนว่าจะสาหัสขนาดไหน

บัณรส บัวคลี่ นักเขียนอิสระ ซึ่งตั้งรกรากที่เมืองเชียงใหม่ ได้วิพากษ์วิจารณ์โครงการธนารักษ์ประชารัฐอย่างเผ็ดร้อนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Bunnaroth Buakleeว่าเรื่องนี้ต้องถึงมือศาลปกครอง ชาวชุมชนและโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบควรฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อขอคุ้มครองฉุกเฉินระงับการดำเนินการทั้งปวงไว้ก่อน

“....การก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย คอนโด 6 แท่ง บนผังเมืองสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งเป็นเขตสำหรับสถานที่ราชการ/สาธารณูปการ ถูกต้องตามกฎหมายผังเมืองหรือไม่? คุณสร้างเสร็จต่อให้ที่ดินยังเป็นที่ธนารักษ์ของหลวง แต่ในทางปฏิบัติที่ดินดังกล่าวกลายเป็นกิจกรรมอื่นที่ไม่ใช่ราชการ กลายเป็นที่อาศัยเอกชนเป็นร้อยๆ ครอบครัว อยู่กันยาวอย่างน้อย 30 ปี และสามารถต่อได้อีก 30 ปี...เรียกว่าอยู่กันจนกลับชาติมาเกิด คุณได้รับสิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ มันจึงไม่ใช่กิจกรรมของราชการที่มีไว้เพื่อประโยชน์ราชการหรือประโยชน์สาธารณะ... ถ้าจะอ้างว่าก็ราชการสร้างงัย...ถ้าอย่างนั้น ราชการนั่นล่ะที่ฉีกผังเมืองเสียเอง

“ผังเมืองนั้นเปรียบเสมือนรัฐธรรมนูญกติการ่วมของท้องถิ่น มีการกำหนดพื้นที่ หน้าที่ กิจกรรม เป็นกติการ่วมกัน เพื่อให้ท้องถิ่นนั้นๆ เติบโตด้วยมีมีสุขภาพอนามัยเป็นสัดส่วน .... ราชการไม่เคารพผังเมือง อ้างมติครม.อ้างนโยบายประชารัฐเอาดื้อๆ ไม่ได้ #‎ไม่เคารพผังเมือง ‪#‎ก็เคารพประชาชนบ้าง....! การสร้างที่อาศัยราคาถูกให้กับข้าราชการระดับล่างและประชาชนรายได้น้อยไม่มีบ้านของตัวเอง น่ะดี!


“แต่ความเป็นจริงของบ้านธนารักษ์ให้สิทธิ์ราชการ เราก็เห็นๆ กันอยู่ว่า เขาไม่ได้อยู่เอง เขาเอาสิทธิ์ ไปขายต่อ...ได้กำไรจากความเป็นราชการ ไม่เชื่อกดกูเกิ้ลดูสิ มีทุกหัวระแหง ที่เชียงใหม่บ้านธนารักษ์สวัสดิการทหาร แต่พวกอยู่กรุงเทพฯโน่นขอสิทธิ์ แล้วก็ขายต่อทันที หลังละ 5 ล้านกว่า ...สบายไป ถ้าฟ้องศาล ก็ขออำนาจศาลให้ธนารักษ์เปิดเผยรายชื่อผู้ได้รับสิทธิ์ซื้อบ้านเลยครับ เอากันให้กระจ่างว่าใครได้บ้าง บ้านเชียงใหม่ มีข้าราชการกรุงเทพมาแย่งสิทธิ์กี่ราย อยู่จริงกี่คน ที่ลำปาง ที่ปทุมฯ ประชาชนจะได้กระจ่างกันเสียทีว่า โครงการบ้านธนารักษ์ที่อ้างๆ ว่าเพื่อขรก.รายได้น้อยน่ะ ที่จริงก็คือไม่ต่างจากโบนัสให้กับกลุ่มก้อนบางพวกบางเหล่า ทำกำไร ...ง่ายๆ


“โครงการสร้างบ้านให้คนรายได้น้อยน่ะดี แต่การลงทุนระดับนี้ของรัฐ ต้องไปพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ไกลออกไปสักหน่อย ไม่ห่างเมืองมาก เพื่อให้ชุมชนรอบๆ ได้กระเตื้องด้วย แต่นี่หยิบชิ้นปลามัน ที่ดินแปลงงาม ราคาแพงระยับ ที่มีนายทุนและนักการเมืองพยายามเปลี่ยนสีผังเมืองมาก่อนแล้วด้วย...เขาเล็งตาเป็นมันกันทั้งนั้น เอาที่ดินสวยกลางเมืองแพงระยับ ซึ่งควรจะยังประโยชน์ร่วมของชาวบ้าน มาแบ่งขายห้องละ 1 ล้าน ....ถ้ามีพวกเส้นใหญ่สะกิดขอโควต้าไปทำกำไร...ก็รวยสะบัดสิครับ ! จะเชื่อได้ยังไงว่าจะไม่มี...ไม่เชื่อก็ถามกูเกิ้ลดูสิว่า มีโฆษณาบ้านธนารักษ์ขายสิทธิ์เปลี่ยนมือกันสะพัดไปหมด”


งานนี้ “บิ๊กตู่”ท่านเจ้าสำนักประชารัฐ และกลไกหลักอย่าง “บิ๊กป๊อก” เจ้ากระทรวงมหาดไทย คงอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ เนื่องจากทำให้ชื่อของโครงการประชารัฐที่บรรดา “เจ้าสัวน้อยใหญ่” ลงทุนลงแรงต้องด่างพร้อยขึ้นมาเสียอย่างนั้น เพราะใครๆ ก็อ้าง “ประชารัฐ”หากินพุงกาง ปากมัน กันทั่วทุกหัวระแหง ใช่หรือไม่ใช่ ประชาชนสงสัย??



กำลังโหลดความคิดเห็น