ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ผู้ว่าฯ ขอนแก่นแถลงผลสอบ “หมอเปรม” ชี้ก่อเหตุกักขัง-ถอดกางเกงผู้สื่อข่าวมีมูลความผิด สั่งตั้ง กก.สอบสวนเอาผิดทางวินัย รู้ผลภายใน 120 วัน ระบุบทลงโทษสูงสุดพ้นจากตำแหน่งสถานเดียว ผู้ตรวจรอรับลูกก่อนเอาผิด “ศรีสุวรรณ” เล็งยื่นเพิ่มผูกข้อมูลเด็ก 17 ทั้งที่มีเมียแล้ว
วานนี้ (11 ส.ค.) ที่ห้องปฏิบัติราชการผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ชั้น 4 ศาลากลาง จ.ขอนแก่น นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย นายสุรชัย วัฒนาอุดมชัย ปลัดจังหวัดขอนแก่น และคณะกรรมการสอบสวนระดับจังหวัดกรณี นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ก่อเหตุคุกคามผู้สื่อข่าวกักขังและถอดกางเกงผู้สื่อข่าว แถลงผลการสอบสวนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากครบกำหนดระยะเวลาสอบสวน 15 วัน
โดย นายกำธร ระบุว่า คณะกรรมการฯได้สรุปสำนวนการสอบสวน หลังจากสอบปากคำพยานทั้ง 2 ฝ่ายและเอกสารหลักฐานต่างๆ พบว่า นพ.เปรมศักดิ์ ก่อเหตุดังกล่าวจริง และมีมูลความผิด จากนี้ไปจะเข้าสู่ขั้นตอนการสอบสวนเอาผิดทางวินัย แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ผู้บริหารท้องถิ่น ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย พ.ศ.2554 มีรองผู้ว่าฯขอนแก่นเป็นประธาน มีกรรมการสอบสวนทั้งหมด 5 คน ทั้งหมดไม่ใช่คณะกรรมการชุดเดิมที่สอบสวนหาข้อเท็จจริง โดยจะลงนามคำสั่งแต่งตั้งวันนี้
“การสืบสวนของคณะกรรมการฯให้น้ำหนักพยานบุคคลคือ หลักฐานสำคัญที่สุด ซึ่งคณะกรรมการฯให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย มาชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่พบพิรุธและเหตุที่เชื่อได้ว่ามีการให้การเท็จ จึงใช้ดุลพินิจและมีการสรุปสำนวนและแนวทางการสอบสวน โดยพบว่ามีมูลที่ นพ.เปรมศักดิ์ได้กระทำการจริง นำไปสู่ขั้นตอนของกฎหมายต่อไป”
** ลงโทษพ้นจากตำแหน่งสถานเดียว
นายกำธร เปิดเผยด้วยว่า คณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ที่แต่งตั้งขึ้นจะดำเนินการตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ที่กำหนดระยะเวลาสอบสวน 120 วัน และสามารถจะยืดเวลาสอบสวนได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 30 วัน เชื่อว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะทำงานได้อย่างรัดกุม รอบคอบ เพราะที่ผ่านมาเป็นขั้นตอนให้ความเป็นธรรม ซึ่งเมื่อความเป็นธรรมนั้นปรากฏจะเข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ คณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัยสรุปสำนวนให้กับ รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาบทลงโทษ ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้บทลงโทษคือการพ้นจากตำแหน่งสถานเดียว
** ผู้ตรวจฯรอจังหวัดรายงานก่อนฟัน
อีกด้าน นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนกรณีของ นพ.เปรมศักดิ์ในส่วนของผู้ตรวจการแผ่นดินว่า เป็นไปตามขั้นตอนปกติของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อทางจังหวัดสอบสวนแล้วรายงานผล ก็จะขอให้ทางจังหวัดชี้แจงมายังผู้ตรวจการแผ่นดิน รวมไปถึงตัว นพ.เปรมศักดิ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารประกอบ เพื่อให้มีหลักฐานที่ชัดเจน เบื้องต้นจะให้มีการรายงานเป็นเอกสารก่อน แต่หากมีเหตุจำเป็นก็ต้องลงไปดูในพื้นที่อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการส่งผลรายงานมาแล้ว ทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะได้พิจารณาความครบถ้วนของหลักฐานต่อไป
ขณะที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า นอกจากเรื่องร้องเรียนในกรณีการกระทำกับนักข่าวของ นพ.เปรมศักดิ์ ที่ตนได้ยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบก่อนหน้านี้นั้น ตนจะยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตรวจสอบเพิ่มเติมกรณีการผูกข้อมือ หรือการแต่งงานกับเด็กอายุ 17 ปี ทั้งที่ นพ.เปรมศักดิ์ มีภรรยาอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นการมีชู้ ที่เป็นเรื่องผิดจริยธรรมร้ายแรงด้วย.
วานนี้ (11 ส.ค.) ที่ห้องปฏิบัติราชการผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ชั้น 4 ศาลากลาง จ.ขอนแก่น นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย นายสุรชัย วัฒนาอุดมชัย ปลัดจังหวัดขอนแก่น และคณะกรรมการสอบสวนระดับจังหวัดกรณี นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ก่อเหตุคุกคามผู้สื่อข่าวกักขังและถอดกางเกงผู้สื่อข่าว แถลงผลการสอบสวนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากครบกำหนดระยะเวลาสอบสวน 15 วัน
โดย นายกำธร ระบุว่า คณะกรรมการฯได้สรุปสำนวนการสอบสวน หลังจากสอบปากคำพยานทั้ง 2 ฝ่ายและเอกสารหลักฐานต่างๆ พบว่า นพ.เปรมศักดิ์ ก่อเหตุดังกล่าวจริง และมีมูลความผิด จากนี้ไปจะเข้าสู่ขั้นตอนการสอบสวนเอาผิดทางวินัย แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ผู้บริหารท้องถิ่น ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย พ.ศ.2554 มีรองผู้ว่าฯขอนแก่นเป็นประธาน มีกรรมการสอบสวนทั้งหมด 5 คน ทั้งหมดไม่ใช่คณะกรรมการชุดเดิมที่สอบสวนหาข้อเท็จจริง โดยจะลงนามคำสั่งแต่งตั้งวันนี้
“การสืบสวนของคณะกรรมการฯให้น้ำหนักพยานบุคคลคือ หลักฐานสำคัญที่สุด ซึ่งคณะกรรมการฯให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย มาชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่พบพิรุธและเหตุที่เชื่อได้ว่ามีการให้การเท็จ จึงใช้ดุลพินิจและมีการสรุปสำนวนและแนวทางการสอบสวน โดยพบว่ามีมูลที่ นพ.เปรมศักดิ์ได้กระทำการจริง นำไปสู่ขั้นตอนของกฎหมายต่อไป”
** ลงโทษพ้นจากตำแหน่งสถานเดียว
นายกำธร เปิดเผยด้วยว่า คณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ที่แต่งตั้งขึ้นจะดำเนินการตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ที่กำหนดระยะเวลาสอบสวน 120 วัน และสามารถจะยืดเวลาสอบสวนได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 30 วัน เชื่อว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะทำงานได้อย่างรัดกุม รอบคอบ เพราะที่ผ่านมาเป็นขั้นตอนให้ความเป็นธรรม ซึ่งเมื่อความเป็นธรรมนั้นปรากฏจะเข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ คณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัยสรุปสำนวนให้กับ รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาบทลงโทษ ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้บทลงโทษคือการพ้นจากตำแหน่งสถานเดียว
** ผู้ตรวจฯรอจังหวัดรายงานก่อนฟัน
อีกด้าน นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนกรณีของ นพ.เปรมศักดิ์ในส่วนของผู้ตรวจการแผ่นดินว่า เป็นไปตามขั้นตอนปกติของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อทางจังหวัดสอบสวนแล้วรายงานผล ก็จะขอให้ทางจังหวัดชี้แจงมายังผู้ตรวจการแผ่นดิน รวมไปถึงตัว นพ.เปรมศักดิ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารประกอบ เพื่อให้มีหลักฐานที่ชัดเจน เบื้องต้นจะให้มีการรายงานเป็นเอกสารก่อน แต่หากมีเหตุจำเป็นก็ต้องลงไปดูในพื้นที่อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการส่งผลรายงานมาแล้ว ทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะได้พิจารณาความครบถ้วนของหลักฐานต่อไป
ขณะที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า นอกจากเรื่องร้องเรียนในกรณีการกระทำกับนักข่าวของ นพ.เปรมศักดิ์ ที่ตนได้ยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบก่อนหน้านี้นั้น ตนจะยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตรวจสอบเพิ่มเติมกรณีการผูกข้อมือ หรือการแต่งงานกับเด็กอายุ 17 ปี ทั้งที่ นพ.เปรมศักดิ์ มีภรรยาอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นการมีชู้ ที่เป็นเรื่องผิดจริยธรรมร้ายแรงด้วย.