ริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
ถ้าไม่ก่อคดีฉาวโฉ่ขึ้นมาเสียก่อน นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น คงเตรียมเข้ารับรางวัล “คนจิตอาสาตามรอยพ่อของแผ่นดิน” จากคณะอนุกรรมการพบปะและช่วยเหลือบุคคลด้อยโอกาสของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)แล้ว
และถ้านักการเมืองอย่างนายแพทย์เปรมศักดิ์ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ คนที่รู้ไส้รู้พุง รู้ถึงกำพืดนายแพทย์เปรมศักดิ์ คงเกิดความรู้สึกเจ็บปวดกันไม่น้อย เพราะไม่เข้าใจว่า ทำไมสังคมจึงบัดซบถึงขั้นนี้ บัดซบจนนักการเมืองที่จิตระห่ำ ชาวบ้านเอือมระอา กลับถูกยกย่องถึงขั้นจะแจกรางวัลกัน
นายแพทย์เปรมศักดิ์ติด 1 ใน 7 ของบุคคลที่ได้รับคัดเลือกให้รับรางวัล “คนจิตอาสาตามรอยพ่อของแผ่นดิน” จากจำนวนผู้ถูกเสนอชื่อจำนวนทั้งสิ้น111ราย โดยมีผลงานในฐานะคุณหมอผู้ให้ความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก และได้จัดตั้งกองทุน “คนบ้านไผ่ไม่ทอดทิ้งกัน”
พิธีมอบรางวัลจะมีขึ้นในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ แต่คณะอนุกรรมการพบปะและช่วยเหลือบุคคลด้อยโอกาสมีมติถอนชื่อนายแพทย์เปรมศักดิ์ออกเสียก่อน
กระนั้นก็ดี แม้จะถอดถอนชื่อออกจากผู้ได้รับรางวัลแล้ว แต่มีคำถามว่า ใครเป็นผู้เสนอชื่อนายแพทย์เปรมศักดิ์เข้ามา และทำไมคณะอนุกรรมการพบปะและช่วยเหลือบุคคลด้อยโอกาส ของสนช. ซึ่งมี นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ เป็นประธาน จึงเห็นดีเห็นงาม ทำไมจึงเงียบเป็นเป่าสาก ทำไมจึงไม่มีใครคัดค้านการมอบรางวัลให้นายแพทย์เปรมศักดิ์ตั้งแต่แรก
รางวัล “คนจิตอาสาตามรอยพ่อของแผ่นดิน” เป็นรางวัลที่ใหญ่ ใครที่ได้รับรางวัล จะได้รับการยกย่องในเกียรติคุณ ถือเป็นคนดีของสังคม จึงควรพิจารณากลั่นกรองกันอย่างรอบคอบรัดกุม ไม่พิจารณาอย่างฉาบฉวย ประเมินกันแค่ผลงานระยะสั้น โดยไม่คำนึงถึงพฤติกรรมส่วนตัว ประวัติในอดีต และภาพพจน์ในทางสังคม
ถ้า สนช.มีมาตรฐานการเลือกเฟ้นที่สูงสักหน่อย นายแพทย์เปรมศักดิ์คงไม่มีชื่อเป็นผู้ได้รับรางวัล เพราะชาวบ้านรู้ดีว่า นักการเมืองรายนี้พฤติกรรมเป็นอย่างไร
ถ้านายแพทย์เปรมศักดิ์ไม่แสดงสันดานดิบออกมา ไม่ถูกสังคมรุมประณาม เพราะพฤติกรรมที่ผิดศีลธรรม แต่งงานกับลูกศิษย์ชั้น ม.5 และกักขังหน่วงเหนี่ยว คุกคามสื่อมวลชนที่ตีแผ่การแต่งงาน นายแพทย์เปรมศักดิ์จะได้ใบประกาศรับรองคุณภาพเป็นนักการเมืองที่ดีจากสนช.ไปแล้ว
พฤติกรรมความบ้าระห่ำที่กักขังหน่วงเหนี่ยว คุกคามสื่อมวลชน เป็นการ ตอกย้ำว่า นายแพทย์เปรมศักดิ์ไม่เคยเปลี่ยน ในช่วงที่อยู่พรรคไทยรักไทย เคยถูก สังคมรุมประณามมาแล้ว เพราะทำหน้าที่เป็นองครักษ์นายทักษิณ ชินวัตรอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู จนเป็นที่น่าหมั่นไส้ ไม่แพ้นายจตุพร พรหมพันธุ์หรือสาวก “ทักษิณ” คนอื่นๆ
รางวัล “คนจิตอาสาตามรอยพ่อของแผ่นดิน” ที่ สนช.เตรียมจะมอบให้ เป็นสุดยอดผลงานความสำเร็จในการจัดฉากสร้างภาพของนายแพทย์เปรมศักดิ์ แต่กลายเป็นความล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าของคณะอนุกรรมการพบปะและช่วยเหลือบุคคลด้อยโอกาส ของสนช.
เพราะถูกนายแพทย์เปรมศักดิ์สร้างภาพหลอกให้ดูเหมือนว่าเป็นคนดี ทั้งที่นายแพทย์เปรมศักดิ์เป็นนักการเมืองที่สังคมต้องร่วมกันกำจัด และต้องไม่เปิดโอกาสให้มีที่ยืนในสังคม เนื่องจากเป็นนักการเมืองตัวอันตรายต่อสังคม
ถ้าไม่สะดุดขาตัวเองล้มเสียก่อน นักการเมืองน้ำเน่า คลั่งอำนาจ จิตไม่ปกติ กะล่อนอย่างไร้ยางอาย และไม่รู้สึกสลดกับความผิดที่ก่อไว้อย่างนายแพทย์เปรมศักดิ์ คงได้รับการฟอกตัวจากสนช.ไปแล้ว
คณะอนุกรรมการพบปะและช่วยเหลือบุคคลด้อยโอกาส ของ สนช.ที่มีครูหยุยเป็นประธานฯ ต้องทบทวนตัวเองแล้วปล่อยให้นายแพทย์เปรมศักดิ์หลุดเข้ามาเป็นคนดีที่ควรได้รับการชื่นชมได้อย่างไร ใครเป็นคนผลักดันเข้ามา มีเส้นมีสาย มีการวิ่งเต้น มีการเล่นพรรคเล่นพวกกันหรือไม่
สนช.ที่ยังหลงเหลือสำนึกดีอยู่บ้าง ไม่ว่าจะกระสันหรือจำใจเข้ารับตำแหน่งก็ตาม แต่เมื่อเป็น สนช. ควรช่วยกันประคับประคองไม่ให้สังคมต้องบัดซบหนักไปกว่าที่เป็นอยู่กันหน่อย เห็นอะไรผิด ควรจะค้าน
เห็นใครผลักดันนักการเมืองเน่าๆ ให้ได้รับรางวัลเป็นคนดี จะต้องออกมาขัดขวาง ไม่ใช่นั่งเงียบเป็นเป่าสากไปหมดๆ
การปล่อยให้นายแพทย์เปรมศักดิ์ มีชื่อเข้ารับรางวัล “คนจิตอาสาตามรอยพ่อของแผ่นดิน” สะท้อนให้เห็นว่า มาตรฐานการเลือกเฟ้นคนดีของสนช.ก็เน่าเฟะเหมือนกัน เน่าไม่แพ้นายแพทย์เปรมศักดิ์ด้วยซ้ำ
นายแพทย์เปรมศักดิ์เป็นนักการเมืองหน้าไม่อายอยู่แล้ว แต่ สนช.ที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบในการแจกรางวัลให้นายแพทย์เปรมศักดิ์ ไม่รู้สึกระอายแก่ใจบ้างหรือไร
หลับหูหลับตาแจกรางวัลให้นักการเมืองจอมสร้างภาพ กะล่อนเป็นไฟ มีพฤติกรรมดุจอันธพาลไปได้อย่างไร
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
ถ้าไม่ก่อคดีฉาวโฉ่ขึ้นมาเสียก่อน นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น คงเตรียมเข้ารับรางวัล “คนจิตอาสาตามรอยพ่อของแผ่นดิน” จากคณะอนุกรรมการพบปะและช่วยเหลือบุคคลด้อยโอกาสของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)แล้ว
และถ้านักการเมืองอย่างนายแพทย์เปรมศักดิ์ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ คนที่รู้ไส้รู้พุง รู้ถึงกำพืดนายแพทย์เปรมศักดิ์ คงเกิดความรู้สึกเจ็บปวดกันไม่น้อย เพราะไม่เข้าใจว่า ทำไมสังคมจึงบัดซบถึงขั้นนี้ บัดซบจนนักการเมืองที่จิตระห่ำ ชาวบ้านเอือมระอา กลับถูกยกย่องถึงขั้นจะแจกรางวัลกัน
นายแพทย์เปรมศักดิ์ติด 1 ใน 7 ของบุคคลที่ได้รับคัดเลือกให้รับรางวัล “คนจิตอาสาตามรอยพ่อของแผ่นดิน” จากจำนวนผู้ถูกเสนอชื่อจำนวนทั้งสิ้น111ราย โดยมีผลงานในฐานะคุณหมอผู้ให้ความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก และได้จัดตั้งกองทุน “คนบ้านไผ่ไม่ทอดทิ้งกัน”
พิธีมอบรางวัลจะมีขึ้นในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ แต่คณะอนุกรรมการพบปะและช่วยเหลือบุคคลด้อยโอกาสมีมติถอนชื่อนายแพทย์เปรมศักดิ์ออกเสียก่อน
กระนั้นก็ดี แม้จะถอดถอนชื่อออกจากผู้ได้รับรางวัลแล้ว แต่มีคำถามว่า ใครเป็นผู้เสนอชื่อนายแพทย์เปรมศักดิ์เข้ามา และทำไมคณะอนุกรรมการพบปะและช่วยเหลือบุคคลด้อยโอกาส ของสนช. ซึ่งมี นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ เป็นประธาน จึงเห็นดีเห็นงาม ทำไมจึงเงียบเป็นเป่าสาก ทำไมจึงไม่มีใครคัดค้านการมอบรางวัลให้นายแพทย์เปรมศักดิ์ตั้งแต่แรก
รางวัล “คนจิตอาสาตามรอยพ่อของแผ่นดิน” เป็นรางวัลที่ใหญ่ ใครที่ได้รับรางวัล จะได้รับการยกย่องในเกียรติคุณ ถือเป็นคนดีของสังคม จึงควรพิจารณากลั่นกรองกันอย่างรอบคอบรัดกุม ไม่พิจารณาอย่างฉาบฉวย ประเมินกันแค่ผลงานระยะสั้น โดยไม่คำนึงถึงพฤติกรรมส่วนตัว ประวัติในอดีต และภาพพจน์ในทางสังคม
ถ้า สนช.มีมาตรฐานการเลือกเฟ้นที่สูงสักหน่อย นายแพทย์เปรมศักดิ์คงไม่มีชื่อเป็นผู้ได้รับรางวัล เพราะชาวบ้านรู้ดีว่า นักการเมืองรายนี้พฤติกรรมเป็นอย่างไร
ถ้านายแพทย์เปรมศักดิ์ไม่แสดงสันดานดิบออกมา ไม่ถูกสังคมรุมประณาม เพราะพฤติกรรมที่ผิดศีลธรรม แต่งงานกับลูกศิษย์ชั้น ม.5 และกักขังหน่วงเหนี่ยว คุกคามสื่อมวลชนที่ตีแผ่การแต่งงาน นายแพทย์เปรมศักดิ์จะได้ใบประกาศรับรองคุณภาพเป็นนักการเมืองที่ดีจากสนช.ไปแล้ว
พฤติกรรมความบ้าระห่ำที่กักขังหน่วงเหนี่ยว คุกคามสื่อมวลชน เป็นการ ตอกย้ำว่า นายแพทย์เปรมศักดิ์ไม่เคยเปลี่ยน ในช่วงที่อยู่พรรคไทยรักไทย เคยถูก สังคมรุมประณามมาแล้ว เพราะทำหน้าที่เป็นองครักษ์นายทักษิณ ชินวัตรอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู จนเป็นที่น่าหมั่นไส้ ไม่แพ้นายจตุพร พรหมพันธุ์หรือสาวก “ทักษิณ” คนอื่นๆ
รางวัล “คนจิตอาสาตามรอยพ่อของแผ่นดิน” ที่ สนช.เตรียมจะมอบให้ เป็นสุดยอดผลงานความสำเร็จในการจัดฉากสร้างภาพของนายแพทย์เปรมศักดิ์ แต่กลายเป็นความล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าของคณะอนุกรรมการพบปะและช่วยเหลือบุคคลด้อยโอกาส ของสนช.
เพราะถูกนายแพทย์เปรมศักดิ์สร้างภาพหลอกให้ดูเหมือนว่าเป็นคนดี ทั้งที่นายแพทย์เปรมศักดิ์เป็นนักการเมืองที่สังคมต้องร่วมกันกำจัด และต้องไม่เปิดโอกาสให้มีที่ยืนในสังคม เนื่องจากเป็นนักการเมืองตัวอันตรายต่อสังคม
ถ้าไม่สะดุดขาตัวเองล้มเสียก่อน นักการเมืองน้ำเน่า คลั่งอำนาจ จิตไม่ปกติ กะล่อนอย่างไร้ยางอาย และไม่รู้สึกสลดกับความผิดที่ก่อไว้อย่างนายแพทย์เปรมศักดิ์ คงได้รับการฟอกตัวจากสนช.ไปแล้ว
คณะอนุกรรมการพบปะและช่วยเหลือบุคคลด้อยโอกาส ของ สนช.ที่มีครูหยุยเป็นประธานฯ ต้องทบทวนตัวเองแล้วปล่อยให้นายแพทย์เปรมศักดิ์หลุดเข้ามาเป็นคนดีที่ควรได้รับการชื่นชมได้อย่างไร ใครเป็นคนผลักดันเข้ามา มีเส้นมีสาย มีการวิ่งเต้น มีการเล่นพรรคเล่นพวกกันหรือไม่
สนช.ที่ยังหลงเหลือสำนึกดีอยู่บ้าง ไม่ว่าจะกระสันหรือจำใจเข้ารับตำแหน่งก็ตาม แต่เมื่อเป็น สนช. ควรช่วยกันประคับประคองไม่ให้สังคมต้องบัดซบหนักไปกว่าที่เป็นอยู่กันหน่อย เห็นอะไรผิด ควรจะค้าน
เห็นใครผลักดันนักการเมืองเน่าๆ ให้ได้รับรางวัลเป็นคนดี จะต้องออกมาขัดขวาง ไม่ใช่นั่งเงียบเป็นเป่าสากไปหมดๆ
การปล่อยให้นายแพทย์เปรมศักดิ์ มีชื่อเข้ารับรางวัล “คนจิตอาสาตามรอยพ่อของแผ่นดิน” สะท้อนให้เห็นว่า มาตรฐานการเลือกเฟ้นคนดีของสนช.ก็เน่าเฟะเหมือนกัน เน่าไม่แพ้นายแพทย์เปรมศักดิ์ด้วยซ้ำ
นายแพทย์เปรมศักดิ์เป็นนักการเมืองหน้าไม่อายอยู่แล้ว แต่ สนช.ที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบในการแจกรางวัลให้นายแพทย์เปรมศักดิ์ ไม่รู้สึกระอายแก่ใจบ้างหรือไร
หลับหูหลับตาแจกรางวัลให้นักการเมืองจอมสร้างภาพ กะล่อนเป็นไฟ มีพฤติกรรมดุจอันธพาลไปได้อย่างไร