ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ผู้ว่าฯ ขอนแก่นสั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง "เปรมศักดิ์ เพียยุระ" คุกคามสื่อ ขีดเส้น 15 วันหากพบผิดจริงพร้อมชงมหาดไทยให้พ้นตำแหน่ง "หมอเปรม" ชิงเข้าแจ้งความจับนักข่าวฐานบุกรุกหน่วงเหนี่ยวก่อนที่นักข่าว จะแจ้งความเอาผิด 2 ข้อกล่าวหา ทั้งหน่วงเหนี่ยวกักขัง-ข่มขืนใจฯ ด้าน"วิษณุ"ยกข้อกฎหมาย "หมอเปรมศักดิ์" ถ้าทำจริงเข้าข่ายผิด ต้องชี้แจงข้อเท็จจริง สภาฯ ระงับ"หมอเปรม" ขึ้นรับรางวัล"คนจิตอาสาตามรอยพ่อของแผ่นดิน"
เมื่อเวลาประมาณ 10.40 น.วานนี้ (27 ก.ค.) กลุ่มผู้สื่อข่าวจาก 5 สำนักงานข่าวที่ถูก นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น คุกคาม กักขังหน่วงเหนี่ยว ฯลฯ พร้อมกับสั่งให้ลูกน้องชายฉกรรจ์จับผู้สื่อข่าวอาวุโสหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ถอดกางเกงเหลือแต่กางเกงในแล้วถ่ายภาพ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 ก.ค. ได้เดินทางเข้าพบนายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เพื่อขอความเห็นกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ในฐานะผู้ว่าฯ จะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยมีนายสุรชัย วัฒนาอุดมชัย ปลัดจังหวัดขอนแก่นเป็นประธาน ท้องถิ่นจังหวัดเป็นเลขานุการ ให้เวลาในการสอบสวน 15 วันแล้วรายงานผล หากพบ นพ.เปรมศักดิ์ มีความผิดจริงจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎระเบียบของกระทรวงมหาดไทย โทษสูงสุดทางวินัยคือสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง
สำหรับกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นสั่งตั้งขึ้นดังกล่าวจะดำเนินการสอบสวนความผิดตาม พ.ร.บ.เทศบาล มาตรา 73 ในกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นว่ากระทำผิดจะนำเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยหลักฐาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอาจใช้ดุลพินิจสั่งให้พ้นจากตําแหน่งก็ได้ คําสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้เป็นที่สุด
ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวอีกว่า เมื่อแต่งคณะกรรมการเสร็จจะเรียกนายแพทย์เปรมศักดิ์ มาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยจะให้การสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วเสร็จภายใน 15 วัน ทั้งนี้ หากภายใน 15 วันกระบวนการสอบสวนไม่แล้วเสร็จ ก็จะขยายเวลาเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อมูลแวดล้อมให้มากที่สุด เบื้องต้นทางคณะกรรมการจะต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง สองฝ่าย ซึ่งหากการตรวจสอบมีมูลความผิดจริงก็จะทำการดำเนินการตามกระบวนการข้อกฎหมาย
ขณะที่ที่ สภ.บ้านไผ่ โดยนายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผู้สื่อข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ได้แจ้งความกับ พ.ต.ท.อำนาจ เชาเทอรี่ พนักงานสอบสวนเวร สภ.บ้านไผ่ เพื่อดำเนินคดีกับ นพ.เปรมศักดิ์ ใน 2 ข้อกล่าวหา คือ 1.หน่วงเหนี่ยวกักขัง และ 2.ข่มขืนใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการ โดยพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายก่อสิทธิ์นานกว่า 2 ชั่วโมง
ขณะที่นายปราโมทย์ ศรีบุระ ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ช่อง 3 ประจำจังหวัดขอนแก่น, นายปรัชญา เทพสกุล ผู้สื่อข่าว KKC เคเบิลท้องถิ่น, นายสุพล พลชื่นชม ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์มติชน ข่าวสด จังหวัดขอนแก่น และนางสาวจิติมา จันทร์พรหม ผู้สื่อข่าวเนชั่นประจำศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้เข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวน ในฐานะพยาน โดยขั้นตอนต่อไป พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกนายแพทย์เปรม และพนักงานเทศบาลที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบปากคำเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าวานนี้ (27 ก.ค.) นพ.เปรมศักดิ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เวลา 08.30 น.ได้เดินทางไป สภ.บ้านไผ่ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อสื่อสารมวลชน ฐานบุกรุกห้องทำงานนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ และหน่วงเหนี่ยวบีบคั้นกดดันเพื่อขอข่าว ซึ่งไม่มีสารประโยชน์ใดต่อสาธารณชน อันมีพฤติการณ์ละเมิดสิทธิเสรีภาพและสิทธิส่วนบุคคล แทนที่จะเปิดโอกาสให้ได้ทำงานบริหารจัดการเพื่อประโยชน์สาธารณะและบริการประชาชนที่รอรับการบริการอยู่ เป็นการตัดโอกาสที่ประชาชนผู้ประสบปัญหาเดือดร้อนต่างๆ จะเข้าถึงบริการสาธารณะของภาครัฐ
ส่วนในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวทุกแขนงในจังหวัดขอนแก่นได้ไปรอสัมภาษณ์ขอทราบข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้นกับ นพ.เปรมศักดิ์ บริเวณด้านหน้าห้องทำงานนายกเทศมนตรี สำนักงานเทศบาลเมืองบ้านไผ่ แต่ทางนายแพทย์เปรมศักดิ์ หลบอยู่ในห้องทำงาน จนผ่านไป 30 นาทีได้เดินออกจากห้องทำงาน ฝ่ากลุ่มสื่อมวลชนรีบขึ้นรถตู้เทศลาลเมืองบ้านไผ่ โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
*** "วิษณุ" ยกข้อกฎหมายชี้เข้าข่ายกระทำผิด
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์ เพราะยังไม่รู้ความจริงว่าเป็นอย่างไร ได้ฟังมาเพียง นพ.เปรมศักดิ์ พูดว่า "งานนั้น คืออะไร" และเชิญผู้สื่อข่าวมาปรับความเข้าใจ แต่สิ่งที่ท่านควรพูด เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ มีตำแหน่งทางการเมือง คือการอธิบายว่า ถูก ผิด เท็จจริง คืออะไร หากผิดก็ต้องรับผิด แต่ตนยังนึกไม่ออกว่า พยานทางฝ่ายผู้สื่อข่าวที่เห็นเหตุการณ์ จะอธิบายอย่างไร
เมื่อถามว่า การกระทำได้เกิดขึ้นแล้ว เป็นการก้าวล่วงสิทธิ นายวิษณุ ตอบว่า ก็ถูกแล้วคือทำผิด ข้อแก้ตัวอะไรก็ตาม ก็เข้าข่ายความผิด แต่อยากฟังว่า เขาจะอธิบายอย่างไร เกิดอะไรขึ้น เมื่อถามว่าในส่วนของเจ้าหน้าที่เทศบาล ที่มีส่วนร่วมด้วยถือมีความผิดด้วยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มันเป็นความผิดที่การกระทำ ใครที่ร่วมในการกระทำ ก็ต้องมีความผิด แต่สุดท้ายก็จะผิดหรือไม่ ตนไม่ทราบ ตนว่าไปตามข่าวที่ออกมา ซึ่งข่าวที่ออกมาก็ระบุว่า หมอเปรม พูดไปประโยคเดียวว่า ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เห็น อย่างที่คิด มันเป็นอย่างอื่น ซึ่งตนเข้าใจว่าสังคมต้องการคำอธิบายที่มากกว่านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเด็นในเรื่องที่มีการเสื่อมเสียและคุกคาม กรณีนี้สามารถเอาผิดได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ทำได้ ถ้าทำจริง ตนตอบตามหลักกฎหมาย แต่ถ้าให้ไปชี้ว่า นพ.เปรมศักดิ์ ผิดหรือไม่ มันไม่ใช่ ซึ่งตนอยากฟังว่า นพ.เปรมศักดิ์ จะอธิบายยังไง ถ้าไม่แก้ตัวอะไร เท่าที่ฟังจากเรื่อง ถือว่าจบข่าวแล้ว
**สภาฯระงับ"หมอเปรม"ขึ้นรับรางวัล
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ กล่าวว่า วานนี้ (27 ก.ค.) ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะอนุกรรมการพบปะและช่วยเหลือบุคคลด้อยโอกาส ในคณะกรรมการดำเนินโครงการสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติพบประชาชน และคณะทำงานคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับรางวัล คนจิตอาสาตามรอยพ่อของแผ่นดิน ประจำปี 2559 เพื่อพิจารณา ถอนชื่อ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ออกจากผู้สมควรได้รับรางวัล คนจิตอาสาตามรอยพ่อของแผ่นดิน หลังตกเป็นข่าวว่า ประพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยเบื้องต้น คณะอนุกรรมการฯ จึงต้องขอระงับการให้รางวัลแก่ นพ.เปรมศักดิ์ ออกไปก่อนในปีนี้ แล้วเลือกบุคคลที่ได้รับคะแนนในลำดับรองมารับรางวัลแทน แต่ทั้งนี้รายชื่อของ นพ.เปรมศักดิ์ ยังอยู่ในกลุ่มที่ยังสามารถนำกลับมาคัดเลือกได้อีก เมื่อสามารถพิสูจน์ตัวเองได้แล้ว
เมื่อเวลาประมาณ 10.40 น.วานนี้ (27 ก.ค.) กลุ่มผู้สื่อข่าวจาก 5 สำนักงานข่าวที่ถูก นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น คุกคาม กักขังหน่วงเหนี่ยว ฯลฯ พร้อมกับสั่งให้ลูกน้องชายฉกรรจ์จับผู้สื่อข่าวอาวุโสหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ถอดกางเกงเหลือแต่กางเกงในแล้วถ่ายภาพ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 ก.ค. ได้เดินทางเข้าพบนายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เพื่อขอความเห็นกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ในฐานะผู้ว่าฯ จะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยมีนายสุรชัย วัฒนาอุดมชัย ปลัดจังหวัดขอนแก่นเป็นประธาน ท้องถิ่นจังหวัดเป็นเลขานุการ ให้เวลาในการสอบสวน 15 วันแล้วรายงานผล หากพบ นพ.เปรมศักดิ์ มีความผิดจริงจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎระเบียบของกระทรวงมหาดไทย โทษสูงสุดทางวินัยคือสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง
สำหรับกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นสั่งตั้งขึ้นดังกล่าวจะดำเนินการสอบสวนความผิดตาม พ.ร.บ.เทศบาล มาตรา 73 ในกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นว่ากระทำผิดจะนำเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยหลักฐาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอาจใช้ดุลพินิจสั่งให้พ้นจากตําแหน่งก็ได้ คําสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้เป็นที่สุด
ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวอีกว่า เมื่อแต่งคณะกรรมการเสร็จจะเรียกนายแพทย์เปรมศักดิ์ มาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยจะให้การสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วเสร็จภายใน 15 วัน ทั้งนี้ หากภายใน 15 วันกระบวนการสอบสวนไม่แล้วเสร็จ ก็จะขยายเวลาเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อมูลแวดล้อมให้มากที่สุด เบื้องต้นทางคณะกรรมการจะต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง สองฝ่าย ซึ่งหากการตรวจสอบมีมูลความผิดจริงก็จะทำการดำเนินการตามกระบวนการข้อกฎหมาย
ขณะที่ที่ สภ.บ้านไผ่ โดยนายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผู้สื่อข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ได้แจ้งความกับ พ.ต.ท.อำนาจ เชาเทอรี่ พนักงานสอบสวนเวร สภ.บ้านไผ่ เพื่อดำเนินคดีกับ นพ.เปรมศักดิ์ ใน 2 ข้อกล่าวหา คือ 1.หน่วงเหนี่ยวกักขัง และ 2.ข่มขืนใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการ โดยพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายก่อสิทธิ์นานกว่า 2 ชั่วโมง
ขณะที่นายปราโมทย์ ศรีบุระ ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ช่อง 3 ประจำจังหวัดขอนแก่น, นายปรัชญา เทพสกุล ผู้สื่อข่าว KKC เคเบิลท้องถิ่น, นายสุพล พลชื่นชม ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์มติชน ข่าวสด จังหวัดขอนแก่น และนางสาวจิติมา จันทร์พรหม ผู้สื่อข่าวเนชั่นประจำศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้เข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวน ในฐานะพยาน โดยขั้นตอนต่อไป พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกนายแพทย์เปรม และพนักงานเทศบาลที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบปากคำเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าวานนี้ (27 ก.ค.) นพ.เปรมศักดิ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เวลา 08.30 น.ได้เดินทางไป สภ.บ้านไผ่ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อสื่อสารมวลชน ฐานบุกรุกห้องทำงานนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ และหน่วงเหนี่ยวบีบคั้นกดดันเพื่อขอข่าว ซึ่งไม่มีสารประโยชน์ใดต่อสาธารณชน อันมีพฤติการณ์ละเมิดสิทธิเสรีภาพและสิทธิส่วนบุคคล แทนที่จะเปิดโอกาสให้ได้ทำงานบริหารจัดการเพื่อประโยชน์สาธารณะและบริการประชาชนที่รอรับการบริการอยู่ เป็นการตัดโอกาสที่ประชาชนผู้ประสบปัญหาเดือดร้อนต่างๆ จะเข้าถึงบริการสาธารณะของภาครัฐ
ส่วนในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวทุกแขนงในจังหวัดขอนแก่นได้ไปรอสัมภาษณ์ขอทราบข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้นกับ นพ.เปรมศักดิ์ บริเวณด้านหน้าห้องทำงานนายกเทศมนตรี สำนักงานเทศบาลเมืองบ้านไผ่ แต่ทางนายแพทย์เปรมศักดิ์ หลบอยู่ในห้องทำงาน จนผ่านไป 30 นาทีได้เดินออกจากห้องทำงาน ฝ่ากลุ่มสื่อมวลชนรีบขึ้นรถตู้เทศลาลเมืองบ้านไผ่ โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
*** "วิษณุ" ยกข้อกฎหมายชี้เข้าข่ายกระทำผิด
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์ เพราะยังไม่รู้ความจริงว่าเป็นอย่างไร ได้ฟังมาเพียง นพ.เปรมศักดิ์ พูดว่า "งานนั้น คืออะไร" และเชิญผู้สื่อข่าวมาปรับความเข้าใจ แต่สิ่งที่ท่านควรพูด เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ มีตำแหน่งทางการเมือง คือการอธิบายว่า ถูก ผิด เท็จจริง คืออะไร หากผิดก็ต้องรับผิด แต่ตนยังนึกไม่ออกว่า พยานทางฝ่ายผู้สื่อข่าวที่เห็นเหตุการณ์ จะอธิบายอย่างไร
เมื่อถามว่า การกระทำได้เกิดขึ้นแล้ว เป็นการก้าวล่วงสิทธิ นายวิษณุ ตอบว่า ก็ถูกแล้วคือทำผิด ข้อแก้ตัวอะไรก็ตาม ก็เข้าข่ายความผิด แต่อยากฟังว่า เขาจะอธิบายอย่างไร เกิดอะไรขึ้น เมื่อถามว่าในส่วนของเจ้าหน้าที่เทศบาล ที่มีส่วนร่วมด้วยถือมีความผิดด้วยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มันเป็นความผิดที่การกระทำ ใครที่ร่วมในการกระทำ ก็ต้องมีความผิด แต่สุดท้ายก็จะผิดหรือไม่ ตนไม่ทราบ ตนว่าไปตามข่าวที่ออกมา ซึ่งข่าวที่ออกมาก็ระบุว่า หมอเปรม พูดไปประโยคเดียวว่า ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เห็น อย่างที่คิด มันเป็นอย่างอื่น ซึ่งตนเข้าใจว่าสังคมต้องการคำอธิบายที่มากกว่านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเด็นในเรื่องที่มีการเสื่อมเสียและคุกคาม กรณีนี้สามารถเอาผิดได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ทำได้ ถ้าทำจริง ตนตอบตามหลักกฎหมาย แต่ถ้าให้ไปชี้ว่า นพ.เปรมศักดิ์ ผิดหรือไม่ มันไม่ใช่ ซึ่งตนอยากฟังว่า นพ.เปรมศักดิ์ จะอธิบายยังไง ถ้าไม่แก้ตัวอะไร เท่าที่ฟังจากเรื่อง ถือว่าจบข่าวแล้ว
**สภาฯระงับ"หมอเปรม"ขึ้นรับรางวัล
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ กล่าวว่า วานนี้ (27 ก.ค.) ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะอนุกรรมการพบปะและช่วยเหลือบุคคลด้อยโอกาส ในคณะกรรมการดำเนินโครงการสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติพบประชาชน และคณะทำงานคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับรางวัล คนจิตอาสาตามรอยพ่อของแผ่นดิน ประจำปี 2559 เพื่อพิจารณา ถอนชื่อ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ออกจากผู้สมควรได้รับรางวัล คนจิตอาสาตามรอยพ่อของแผ่นดิน หลังตกเป็นข่าวว่า ประพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยเบื้องต้น คณะอนุกรรมการฯ จึงต้องขอระงับการให้รางวัลแก่ นพ.เปรมศักดิ์ ออกไปก่อนในปีนี้ แล้วเลือกบุคคลที่ได้รับคะแนนในลำดับรองมารับรางวัลแทน แต่ทั้งนี้รายชื่อของ นพ.เปรมศักดิ์ ยังอยู่ในกลุ่มที่ยังสามารถนำกลับมาคัดเลือกได้อีก เมื่อสามารถพิสูจน์ตัวเองได้แล้ว