รองโฆษก ตร.เผยช่วงโค้งสุดท้ายประชามติ มีผู้ทำผิดกม.แล้ว 58 คดี ตร.เตือนห้ามเซลฟี่ในคูหา เสี่ยงผิดกม. โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน "บิ๊กตู่" ติงอย่าโยงประชามติ-เปิดคดี"ปู" จำนำข้าว มาพันกัน ชี้เป็นเรื่องของศาล ขำ "คลิปสมชัยหีบแตก" บอก"ผมไม่เกี่ยว" ด้าน"สมชัย" เฉไฉ อาจจะเป็นลางบอกเหตุ จะมีคนมาใช้สิทธิมากจนหีบแตก คาด 3 ทุ่มรู้ผล รธน.ผ่าน-ไม่ผ่าน "บิ๊กต๊อก" ขอให้นึกถึงเหตุการณ์ก่อนรัฐประหาร ก่อนตัดสินใจรับ หรือไม่รับร่างฯ
พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงสถานการณ์ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการทำประชามติร่างรธน.ว่า ขณะนี้พบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติฯ ทั่วประเทศ จำนวน 58 คดี เป็นความผิด พ.ร.บ.ประชามติ 40 คดี และความผิดคดีอาญา เช่น การทำลายทรัพย์สิน และลักทรัพย์ จำนวนอีก 18 คดี พร้อมระบุไม่กังวลคืนก่อนวันออกเสียงประชามติ หรือ คืนหมาหอน เนื่องจากการลงประชามติ เป็นการแสดงความคิดเห็น ซึ่งต่างจากการเลือกตั้งทั่วไป และกำชับให้ทุกพื้นที่รายงานมาที่ ศปก.ตร. ตลอดอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่มีอดีตนักการเมือง ออกแสดงความคิดเห็นว่า รับ หรือไม่รับ ร่างรธน.นั้น มีกฎหมายกำหนดไว้ชัดเจน ซึ่งต้องดูว่ามีเจตนายุยง ปลุกปั่น หรือแสดงออกทางวิชาการ หรือไม่ ซึ่งกกต. จะเป็นผู้พิจารณา ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่พบความผิดเชื่อมโยงกับกลุ่มนักการเมืองใหญ่
อย่างไรก็ตาม อยากเตือนให้ประชาชนระมัดระวังการกระทำที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดตามพ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 60 โดยเฉพาะการถ่ายภาพ หรือเซลฟี่ในคูหา หรือพฤติการณ์ต่างๆ ที่ส่อเจตนาไปในลักษณะเป็นการชี้นำ การทำสัญลักษณ์ให้รู้ว่าเป็นบัตรของตนเอง การนำบัตรลงคะแนนแสดงต่อผู้อื่น หรือนำบัตรออกเสียงออกจากคูหา ซึ่งมีอัตราโทษตั้งแต่จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ
** ส่งแก๊งปลอมจม.ขึ้นศาลทหารวันนี้
วานนี้ ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่ควบคุมตัว นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกอบจ.เชียงใหม่, น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีตส.ส.เชียงใหม่ พร้อมด้วยผู้ต้องหาในคดีจดหมายบิดเบือนร่างรธน. กว่า 10 คน และมีการสอบปากคำตลอดทั้งคืนวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา
หลังจากนั้น ได้มีการนำตัวน.ส.ธารทิพย์ บูรณุปกรณ์ น้องสาวของน.ส.ทัศนีย์ และ นายไพรัช ใหม่ชมภู รองนายก อบจ.เชียงใหม่ ออกไปโดยได้แยกกันขึ้นรถตู้คนละคันโดยไม่มีการเปิดเผยจุดหมาย ซึ่งคาดการณ์ว่าน่าจะนำไปตรวจค้นหาหลักฐานเพิ่มเติม
ต่อมา เวลา10.00 น. เจ้าหน้าที่ได้มีการนำตัวผู้หญิง 1 คน พร้อมด้วยรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน ทะเบียน ฆฐ 4904 กรุงเทพมหานคร ที่มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ว่าเกี่ยวข้องกับการส่งจดหมายดังกล่าว ในพื้นที่อ.หางดง จ.เชียงใหม่ มาที่กองบังคับการฯ เพื่อสอบปากคำ
พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนผู้ต้องหา เร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้มากที่สุด เพื่อทำสรุปสำนวนเตรียมส่งฟ้องศาลทหาร โดยจะมีอำนาจควบคุมตัว 48 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะส่งตัวไปศาลทหารภาย ในเวลา 16 .00 น.วันนี้ (4 ส.ค.) ส่วนผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่มั่นใจว่า พยานหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมด จะสามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดได้ ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้งหมด 12 คน ควบคุมตัวไว้ 11 คน หลบหนี 1 คน คือนายเทวรัตน์ อินต้า คนขับรถของน.ส.ทัศนีย์ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานพบผู้ที่เกี่ยวข้องและคาดจะออกหมายจับเพิ่ม 1 คน ยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้
** อย่าโยงประชามติ-คดีจำนำข้าว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ช่วงจังหวะเวลาที่จะทำประชามติ ร่างรธน. กับการแถลงเปิดคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยว่า "โธ่เอ๊ย อะไรกันเล่า พวกเธอก็เอามาพันกันอยู่นั่นแหละ เขากำหนดวันไว้ล่วงหน้าแล้ว แล้วศาลนี่เราจะไปสั่งเขาได้หรือ ว่าเขาจะพิจารณากันเมื่อไร ประชามติเขาบอกกันล่วงหน้ากันมากี่ปีแล้ว ตั้งแต่โรดแมปเดือนสิงหาคมไม่ใช่หรือ ผมจำได้ วันที่ 7 ส.ค. มันคลาดเคลื่อนตรงไหน ผมยังไม่รู้เลย แล้วมันมาเจอกันได้ยังไง ทุกอย่างมันประดังประเดในช่วงนี้หมด ผมทำงานผมก็ทำ บริหารแก้ปัญหา ผมก็สั่งของผม ประชามติก็ตามกำหนดการ ก็ว่ากันไป รธน.ก็ร่างมา มันก็เป็นเรื่องของกลไก บังเอิญมันมาตรงกันตรงนี้"
เมื่อถามว่า เรื่องฝ่ายความมั่นคง มีการรายงานความเคลื่อนไหวช่วงวันลงประชามติ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ยังไม่มี ไม่มีหรอก ผมว่าพี่น้องประชาชนเข้าใจว่า วันนี้ประเทศชาติกำลังทำอะไรอยู่ ผมไม่ดูถูกสติปัญญาประชาชนของเราคนไทย เพียงแต่ให้เวลาเขาคิดหน่อย อย่าไปบิดเบือน โอเค นะครับ ผมพูดอะไรมากไม่ได้หรอก ช่วงนี้ก็บอกไม่ให้ผมพูดนี่"
เมื่อถามว่าได้ทราบกรณี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. สาธิตความทนทานของหีบบัตรออกเสียงใหม่ ให้สื่อมวลชนได้เห็น ปรากฏว่า หลังจากโยนไปประมาณ 4 ครั้ง หีบบัตรก็แตก โดย พล.อ.ประยุทธ์ ตอบแบบกลั้นหัวเราะว่า "ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็ดูจากในคลิป เขามีไว้ให้โยนหรือเปล่าล่ะ ผมไม่รู้นะ"
เมื่อถามว่า คิดว่ากล่องนี้ จะใช้ได้ถึง 10 ปี หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า"ไปถามบริษัทที่ผลิต ไปถามกกต.โน่น ผมไม่เกี่ยว"
**รู้ผลประชามติไม่เกิน 3 ทุ่ม
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ชี้แจงการรายงานผลคะแนนการออกเสียงประชามติร่างรธน.อย่างไม่เป็นทางการ ในวันที่ 7 ส.ค. นี้ว่า การนับคะแนน จะนับที่หน้าหน่วยออกเสียงทุกหน่วยทั่วประเทศ เช่นเดียวกับการเลือกตั้งส.ส. หลังปิดหีบเวลา 16.00 น. กรรมการประจำหน่วย (กปน.) จะตรวจนับบัตรที่เหลือ ที่ไม่ได้ใช้ออกเสียงก่อน จากนั้นจึงจะเริ่มนับบัตรออกเสียงเห็นชอบ และไม่เห็น ชอบทั้ง 2 ประเด็น ซึ่งประชาชนสามารถติดตามการนับคะแนน และสามารถถ่ายภาพผลคะแนนผ่านการโพสต์เฟซบุ๊ก พร้อมขอให้ติดแฮชแทก # ผลประชามติ เพื่อนำเสนออย่างเป็นสาธารณะ และทำให้เกิดความโปร่งใส อีกทั้งหากพบว่าการนับคะแนนไม่ถูกต้อง ก็สามารถคัดค้านที่หน้าหน่วยได้เลย
ทั้งนี้ การรายงานผลคะแนน กปน. 1 คน ในแต่ละหน่วย จะส่งผลคะแนนไม่เป็นทางการถึงกกต.กลาง ผ่านแอพพลิเคชั่น Rapid Reportหรือการรายงานแบบรวดเร็ว ซึ่ง กปน. ที่จะส่งผลคะแนนดังกล่าวนั้น จะมีรหัสผ่านสำหรับแอพพลิเคชั่นที่จะแสดงตนว่าเป็น กปน.ของหน่วยใด โดยกปน. จะส่งตัวเลขรายงานผล 6 ตัว คือ จำนวนบัตรดี จำนวนบัตรเสีย คะแนนเห็นชอบ ไม่เห็นชอบ ร่างรธน. คะแนนเห็นชอบ ไม่เห็นชอบ คำถามพ่วง โดยทั้งหมดต้องตรงกับเอกสารที่มีการเซ็นรับรอง โดยกรรมการประจำหน่วย 5 คน ซึ่งคาดว่า การนับคะแนนในแต่ละหน่วยจะเสร็จสิ้น และเริ่มส่งเข้ามายัง กกต.กลางได้ ในเวลา 18.00 น. เป็นต้นไป และเชื่อว่าการรายงานผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ จะเสร็จสิ้นได้ในเวลาไม่เกิน 21.00 น. โดยกกต.จะพยายามรายงานผลคะแนนให้ได้ ร้อยละ 95 ตามที่ตั้งเป้าไว้
ส่วนการประมวลผลเมื่อได้รับคะแนนจากแต่ละหน่วยแล้ว ก็จะใช้เซริ์ฟเวอร์ ที่สมรรถภาพสูงมั่นใจว่าจะไม่ล่ม การรายงานผลทาง กกต.จัดให้มีหน้าจอโปรเจกเตอร์ ขนาด 100 นิ้ว จำนวน 2 จอ โดยแสดงคะแนนทั่วประเทศ คะแนนแยกเป็นรายภาค รายจังหวัด แสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ คะแนนดิบ ซึ่งประชาชนสามารถรับชมได้ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ที่มีการลิงค์สัญญาณการรายงานผลคะแนนกับกกต. รวมทั้งผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ สำหรับการรายงานผลอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะทราบได้ภายใน 3 วัน ก่อนจะส่งให้นายกรัฐมนตรี ดำเนินการต่อไป
** แก้เงิบ"หีบแตก"สร้างกระแสตื่นตัว
นายสมชัย ยังกล่าวถึง การจัดทำหีบบัตรออกเสียงประชามติรูปแบบใหม่ ว่า เป็นการออกแบบจากสถาบันพลาสติก โดยใช้เม็ดพลาสติกเกรด เอ 100 เปอร์เซ็นต์ ดำเนินการจัดการซื้อจัดจ้างโดยสำนักงานกกต. ไม่เกี่ยวกับกรรมการกกต. ซึ่งขณะนี้มีประชาชนเข้าใจผิดว่า หีบบัตรไม่มีฝาปิดล็อค จะทำให้มีการทุจริตได้ง่าย ถือเป็นความเข้าใจผิด เพราะนอกจากจะมีฝาปิดแล้วยังมีสายล็อกฝาปิดที่เมื่อล็อกแล้ว ไม่สามารถดึงออกได้ อีกทั้งยังต้องให้กรรมการประจำหน่วยเซ็นชื่อที่สายรัด จำนวน 5 คน ถ้าจะมีการทุจริตโดยมีการตัดสายรัดออก กปน. 5 คน ก็ต้องรู้เห็นด้วย
เมื่อถามว่า หีบมีลักษณะโปร่ง จะทำให้มีปัญหามองเห็นการกากบาทภายในบัตรออกเสียงที่พับไม่สนิท หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า เมื่อบัตรอยู่ในหีบแล้วย่อมไม่รู้ว่าเป็นบัตรของใคร เพราะหลักการออกเสียงที่ให้เป็นความลับ ก็เพื่อไม่ให้รู้ว่าแต่ละคนออกเสียงอย่างไร และหากผู้ใช้สิทธิพับบัตรออกเสียงให้เรียบร้อย เรื่องนี้ก็ไม่มีปัญหา
ส่วนเหตุการณ์โยนหีบบัตรแตก ที่ทำให้เป็นกระแสในโซเชียลมีเดียนั้น นายสมชัย กล่าวว่า ตอนโยนแล้วหีบแตก รู้สึกเลยว่าหน้าแตก และคิดแล้วว่าจะต้องเป็นข่าวดัง แต่ก็คิดในแง่บวกว่า ถ้าทำให้คนรู้ และตื่นตัวกับการไปออกเสียงประชามติก็เป็นสิ่งดี ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดว่า ของแบบนี้ไม่ควรนำมาทดลองด้วยการโยนแบบนี้ เพราะตอนใช้งานจริง ก็คงไม่มีการโยนแบบนี้ ซึ่งตนก็ได้สอบถามไปยังวิศวกร ก็ได้รับคำแนะนำว่า การทดสอบไม่ควรทำโดยไม่มีฝาปิด เพราะถ้าปิดฝาครบ จะมีการกระจายน้ำหนักของแรงกระแทก โดยฝาจะช่วยรับน้ำหนักของปากหีบ ทำให้หีบไม่แตก
นายสมชัย กล่าวติดตลกในตอนท้าย ว่า "หีบแตก อาจจะเป็นเรื่องไสยศาสตร์ แสดงว่าคนจะมาใช้สิทธิมาก จนหีบแตก"
** สดศรี ตั้งสังข้อเกตใช้หีบพลาสติก
นางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต. กล่าวว่า ในการเลือกตั้ง นับแต่กกต.ชุดแรก ได้ใช้หีบบัตรที่เป็นกระดาษมาตลอดไม่เคยเปลี่ยน เพราะพับเก็บง่าย ไม่เกินเนื้อที่ แม้ที่ต่างประเทศจะใช้กล่องพลาสติกเป็นหีบบัตรเลือกตั้ง แต่ก็จะมีปัญหาแตกหักง่าย เพราะอาจมีการโยนหีบ แต่กกต.ชุดปัจจุบันอาจมองว่า ถ้าใช้กล่องพลาสติกอาจจะใช้งานง่ายกว่า แต่มีข้อสังเกตว่า ถ้าใช้กล่องพลาสติกราคาถูก ถ้าเก็บไว้นานอาจเสื่อมสภาพ กรอบแตกหักง่ายได้ พร้อมทั้งขอให้ กกต. ถ้าจะใช้หีบบัตรที่เป็นกล่องพลาสติก จะต้องมีโลโก้ กกต. เพื่อยืนยันว่า เป็นของหลวง และตัวหีบ จะต้องมีกุญแจคล้องและตัวหีบบัตรจะต้องไม่ทำให้เกิดการปลอมแปลงหีบบัตรได้ง่ายด้วย
**ขอให้นึกถึงเหตุการณ์ก่อนรัฐประหาร
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนทำประชามติ ตนไม่เคยสั่งการอะไรกับข้าราชการในกระทรวง ปล่อยให้เป็นไปตามปกติ อย่าลืมว่ารธน.ชั่วคราว 2557 ที่ออกมาครั้งแรกไม่มีเรื่องประชามติ แต่รัฐบาลและคสช. แก้ไขให้มี เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วม ทั้งทางตรงและทางอ้อม และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ไม่วิตก เพราะเป็นกระบวนการที่กำหนดไว้ อย่านำมาผูกโยงกับความนิยม ซึ่งก็รู้อยู่แล้วว่าจะมีการโยง แต่ก็ต้องทำ ซึ่งการเขียนรธน. หรือกฎหมายทุกฉบับ มันมีทั้งผู้ได้ และเสียประโยชน์ แต่เจตนาของการเขียนรธน.ฉบับนี้คืออะไร อยากให้นึกถึงเหตุการณ์ก่อนวันที่ 22 พ.ค. 57 ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
"เราเคยใช้รธน.ปี 40 และปี 50 โดยรัฐบาลเลือกตั้ง แล้วทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งหรือไม่ มีบางคนออกมาพูด ทั้งๆ ที่เคยบริหารด้วยรธน.ปี 50 มาแล้ว ขอถามหน่อยว่า คุณใช้มาแล้ว ไม่เห็นว่ามันทำให้เกิดปัญหาหรือ คุณเป็นรัฐบาลบนพื้นฐานความขัดแย้งด้วยซ้ำไป ตอนปี 53 ใช้หรือไม่ ดังนั้น ผมว่ามันอยู่ที่ผู้ปกครองที่ใช้รธน.เพื่อประโยชน์ของประชาชน หรือไม่ การบอกว่าร่างรธน.ฉบับนี้ แก้ปัญหาความขัดแย้ง ปัญหาการทุจริตไม่ได้ ทั้งหมดก็บริหารด้วยรธน.ปี40 ปี 50 ทั้งนั้น แล้วไม่มีความขัดแย้งหรือ องค์ประกอบอันหนึ่งมันอยู่ที่ตัวผู้ปกครองไม่ใช่หรือ ไม่ได้อยู่ที่เนื้อหาสาระของรธน.เสมอไป การเขียนรธน.แต่ละประเทศ อยู่ที่บริบท และสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น คสช.บอกแล้วว่า พยายามไม่ให้เกิดปัญหาอีก ต้องนึกถึงเหตุการณ์ ก่อนวันที่ 22 พ.ค.57 ด้วย ว่าเกิดอะไร ถึงเขียนแบบนี้ หากเอาไปผูกเรื่องประชาธิปไตย หรืออะไรก็พูดได้ทั้งนั้น ไม่จบหรอก ผมอยากหาคนที่ปฏิบัติเก่งๆ อย่ามาพูดเก่งกับผม ผมไม่นับถือหรอก" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
เมื่อถามว่า ประเมินสถานการณ์วันที่ 7 ส.ค. เกรงว่าจะมีคนออกมาขัดขวางการลงประชามติเหมือนการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ ตอบว่า "กล้าหรือ ก็ออกมาซิ จะออกมาทำไม จะออกมาคัดค้านเพื่ออะไร แล้วคนคัดค้านทำอะไรบ้าง ก่อนวันที่ 22 พ.ค. 57 คุณทำอะไรกันบ้าง ไม่เห็นใครแก้ปัญหา พอมีคนเข้ามาแก้ปัญหา ก็มีคนออกมาพูดเรื่องโน้น เรื่องนี้ ผมพูดอย่างเดียวว่า หลังประชามติไม่ว่าร่างรธน. จะผ่าน หรือไม่ผ่าน ผมก็ทำหน้าที่ของผมให้หนักขึ้น เวลาที่เหลืออีกปีกว่า หากผมยังเป็นรัฐมนตรีอยู่ ผมก็ทำงานให้มากขึ้น ส่วนหลังจากนี้ใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลก็ว่ากันเอง หน้าที่ผมตอนนี้คือ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จึงไม่วิตกเกี่ยวกับผลประชามติ" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
** "พรเพชร"ห่วงคนไม่ยอมรับมติ
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. กล่าวว่า วันที่ 7 ส.ค. นี้ ขอเชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติ เพราะเป็นโอกาสดี ที่จะแสดงความคิดเห็นของตนผ่านคะแนนเสียง อย่างไรก็ตาม ตนกังวลในเรื่องที่คนจะไม่ยอมรับผลประชามติ เพราะมีการพูดในทำนองว่า ถ้ารับ จะมีการตอบโต้มาอีกอย่างหนึ่ง และถ้าไม่รับก็จะมีผลตอบโต้มาอีกอย่าง กังวลว่า เรื่องนี้จะมีการทำให้เข้าใจผิด แปลความหมายผลประชามติในทางที่ไม่ถูกต้อง ความจริงการออกเสียงประชามติ แสดงผลชัดเจนว่าประชาชนคิดอย่างไรเกี่ยวกับรธน. และ คำถามพ่วง
เมื่อถามว่าขณะนี้รัฐบาลหารือถึงทางออกหรือยัง ว่าจะมีการแก้ไขรธน.ชั่วคราว นายพรเพชร กล่าวว่า นายกฯ พูดชัดเจนว่า ถ้าผลประชามติรับร่างรธน. จะเดินหน้าตามโรดแมปที่วางไว้ แต่ถ้าไม่รับ ก็ต้องแก้ไขรธน.ชั่วคราว เพื่อกำหนดแนวทางโรดแมปต่อไป เป็นหน้าที่ของรัฐบาล กับคสช.จะหารือร่วมกัน เชื่อว่าคงคิดอยู่ในใจไว้บ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้ปรึกษาหารือกันอย่างจริงจัง เพราะคงรอผลประชามติก่อน
เมื่อถามว่า ในฐานะที่ปรึกษา คสช. หากประชามติไม่ผ่าน การแก้ไขรธน.ชั่วคราว ควรมีทิศทางอย่างไร นายพรเพชร กล่าวว่า ต้องแก้ไขไปในทิศทางที่นายกฯ พูดว่าจะต้องมีรธน. เพื่อให้มีการเลือกตั้ง ให้เป็นร่างรธน.ธรรมดาที่อยู่บนหลักการ และต้องนำคะแนนเสียงของประชาชน มาประเมินด้วย โดยดำเนินการตามโรดแมป ที่นายกฯพูดไว้ แต่วิธีการได้มาของรธน.ใหม่ ยังไม่มีการปรึกษาหารือกัน
** อย่าเชื่อกลุ่มยุให้นอนหลับทับสิทธิ์
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) แกนนำ กปปส. โพสเฟซบุ๊กไลฟ์ ว่า หลังจากการต่อสู้เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน ร่วมกับมวลมหาประชาชน ในปี 56-2557 เสร็จสิ้นแล้ว ตนก็ได้ไปบวช ได้เรียนรู้ว่า คนเรามีทิฐิเป็นตัวนำ เป็นตัวกำหนดชีวิต จะมองโลกกันอย่างไร จะปฏิบัติต่อโลกอย่างไร จะมีคำตัดสินวินิจฉัยอะไร ขึ้นอยู่กับสัมมาทิฏฐิ ทั้งสิ้น
กรณีวันนี้จะเห็นด้วยกับรธน.หรือไม่เห็นด้วย ก็ขึ้นอยู่กับตัวทิฐิ ที่เป็นตัวปรุงแต่งทั้งสิ้น วันนี้อาจจะมีคณะบุคคลบางกลุ่มมาชวนพี่น้องว่า อย่าไปลงประชามติ หรือ อย่าไปรับรธน.เพราะร่างโดยพวกเผด็จการ และเขียนขึ้นโดยพวก คสช. ถ้าใครพูดกับท่านอย่างนี้ ขอให้เชื่อเลยว่า นี่ไม่ใช่สัมมาทิฐิ เป็นมิจฉาทิฐิ เชื่อว่ากัลยาณมิตรของตน ล้วนมีสัมมาทิฐิ มองเห็นเหตุผล ความดีงาม และใช้เหตุผลนั้น เป็นตัวกำหนดในการตัดสินใจ
** กอ.รมน.ยันไม่มีเหตุล้มประชามติ
พ.อ.พีรวัชฌ์ แสงทอง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงกรณีที่ยังมีกลุ่มผู้ไม่หวังดี พ่นสีสเปรย์เกี่ยวกับการทำประชามติร่างรธน. ตามป้ายราชการต่างๆ ในพื้นที่ 3 จว.ชายแดนใต้ว่า มีการตรวจพบในพื้นที่ จ.ปัตตานี มากที่สุด รองลงมาคือ จ.ยะลา และนราธิวาส ทั้งนี้ จากสิ่งบอกเหตุต่างๆ พบว่าเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ โดยประเด็นนี้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของ กกต. และศูนย์ดูแลความสงบเรียบร้อยเพื่อสนับสนุนการออกเสียงประชามติของกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคงภายในพื้นที่
ส่วน กอ.รมน. จะมีการตั้งวอร์รูม เพื่อดูแลความเรียบร้อยในเรื่องนี้หรือไม่นั้น พ.อ.พีรวัชฌ์ กล่าวว่า กอ.รมน.มีบทบาททำงานตามปกติ ซึ่งพร้อมรับคำสั่งและประสานงานให้ความช่วยเหลือได้ทุกเมื่อจาก กกต. และรัฐบาล ซึ่งปกติ กอ.รมน. จะปฏิบัติงานด้านการข่าวอยู่แล้ว จึงพร้อมให้ความสนับสนุนทุกหน่วยงาน หากมีการประสานเข้ามา อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีสิ่งใดที่บ่งชี้ว่าจะมีเหตุรุนแรง หรือมุ่งล้มการทำประชามติร่างรธน. ในวันที่ 7 ส.ค.นี้