xs
xsm
sm
md
lg

“มีชัย”ปูดตปท.รับแทง พนันประชามติ กกต.เตือนอย่าเซลฟี่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน 360 - “ประยุทธ์” ยันต้องรับผิดชอบหากประชามติไม่ผ่าน โอ่ลาออกนายกฯก็ยังเป็นหัวหน้า คสช.อยู่ดี นัด ครม.-คสช.ถกผลโหวต 9 ส.ค.วางโรดแมปต่อ ปัดข่าวเกาเหลา “บิ๊กป้อม” รักกันดี ไม่มีวันทะเลาะกัน "วิษณุ" แจงบ้านเลขที่ 111-109 มีสิทธิออกเสียง กกต.เตือนห้ามเซลฟี่บริเวณคูหา “มีชัย” เผยบ่อนพนันต่างประเทศเปิดรับแทงผลประชามติ ทหารส่งตัว “แก๊งเชียงใหม่” ป่วนประชามติให้ตำรวจ พร้อมเปิดผังขบวนการ “สุเทพ” เป่าปรึ๊ดให้คนไปใช้สิทธิ "ยิ่งลักษณ์" เฟซโพสต์ไม่รับร่าง รธน.

วานนี้ (2 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค.นี้ว่า ได้กำชับให้ทุกคนรักษาความสงบเรียบร้อยให้ได้มากที่สุด ใครที่ทำผิดกฎหมายก็จะต้องดำเนินการคดี ทั้งในส่วนของกฎหมายปกติ คำสั่งคสช. และกฎหมายประชามติ ส่วนกรณีที่มีการพ้นสีข้อความตามถนน และตามป้าย ระบุว่า ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในพื้นที่ภาคใต้นั้น ก็เชื่อว่าเป็นเรื่องการเมืองทั้งสิ้น ซึ่งไม่กี่วันก่อนก็เห็นบุคคลที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องเริ่มเปิดประเด็นออกมา และอาจจะมีการใช้บริการผู้ก่อเหตุรุนแรงหรือไม่ ต้องให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสกดดันให้งดจัดรายการคืนความสุขให้คนในชาติในวันที่ 5 ส.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยืนยันว่า ยังคงจัดรายการเหมือนเดิม ไม่ต้องให้ใครมาห้าม เพราะตนมีเหตุมีผล รู้อะไรควรไม่ควร ตนไม่ได้ไปชี้นำให้ใครรับร่างหรือไม่รับร่าง ผู้ที่ออกมาห้ามนั่นแหล่ะตัวดี ยังชี้นำอยู่ ทั้งๆที่กฎหมายก็มี ก็ไม่เกรงกลัวกัน ที่บอกว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นแบบบริสุทธิ์ คนเดียวก็ไม่เป็นไร แต่พาพวกอีกเป็นร้อยเป็นพันนั้นบริสุทธิ์หรือไม่ ขณะที่ตนไม่ได้มีมวลชนสนับสนุนมาเดินตามข้างหลัง เพราะไม่จำเป็น

“ผมเอาผลงานรัฐบาลเป็นตัวกำหนดว่าอนาคตเป็นอย่างไร หากจะเลือกอนาคตที่อาจจะมองไม่เห็นชัดเจน แต่ตนก็วางและวาดภาพให้เห็นกับการไม่มีภาพเหล่านี้ก็เลือกเอาเอง ฉะนั้นอย่ามาบอกว่าประชามติจะเป็นตัวชี้วัดว่าใครแพ้ใครชนะไม่เกี่ยว ผมไม่เคยแพ้ใคร และผมก็ไม่ต้องการเอาชนะใครเพียงรักษาอำนาจของผมเพื่อบริหารราชการแผ่นดินในช่วงเปลี่ยนผ่านแค่นั้น” นายกฯ กล่าว

** นัด ครม.-คสช.ถกผลประชามติ

เมื่อถามย้ำถึงข้อเรียกร้องว่า หากประชามติไม่ผ่านนายกฯต้องลาออก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การทำประชามติอยู่ในกระบวนการไปสู่ประชาธิปไตยสากล ซึ่งต้องมีรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่มีก็ไปตรงนั้นไม่ได้ และเลือกตั้งไม่ได้ ตนก็อยู่ไปตามโรดแมป ไม่เกี่ยวอะไรกับตรงนั้น หน้าที่ตนคือแก้ปัญหาเดิมๆ หยุดความขัดแย้ง ในฐานะหัวหน้าคสช. ถึงลาออกจากนายกฯ ตนก็ยังอยู่ เพราะมีตำแหน่งหัวหน้า คสช.ด้วย ส่วนแนวทางหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามตินั้น ตามกระบวนการก็ต้องมีรัฐธรรมนูญใหม่แล้วก็เลือกตั้ง แต่อย่ามาถามว่าให้ตนรับผิดชอบอย่างไร เมื่อผลประชารมติออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงใช้เวลาในการรวบรวมทำเอกสารต่างๆ ขึ้นมารายงานให้ทราบอย่างเป็นทางการอีดครั้ง

“อังคารหน้า (9ส.ค.) ผมจะประชุมร่วม ครม.-คสช. เพื่อจะวางแผน หาวิธีการในการดำเนินการต่อไป หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านจะทำอย่างไร และถ้าผ่านจะทำอย่างไร งานรออีกเยอะแยะ เป็นร้อยเป็นพันอย่าง จะมาเสียสมองกับเรื่องนี้เรื่องเดียวไม่ได้ ต้องเดินไปตามโรดแมปให้ได้ ผมตอบได้แค่นี้” นายกฯ กล่าว

** ปัดข่าวเกาเหลา “บิ๊กป้อม” ยันชื่นมื่นดี

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการทำประชามติในวันที่ 7 ส.ค.นั้น ทาง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ได้ขอความร่วมมืออะไรเข้ามาเป็นพิเศษ ขอเพียงให้ดูแลในเรื่องกฎหมาย และการรักษาความปลอดภัยให้เกิดความสงบเรียบร้อยเท่านั้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่แล้วที่ต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามอย่าลืมเหตุการณ์ในอดีต โดยเฉพาะก่อนวันที่ 22 พ.ค.57

“เราไม่ได้กลัวอะไรทั้งสิ้น ถ้าเข้ามาแล้วไม่มีกลัว บอกก่อน ฉันเดินหน้า เพราะฉันฟังเสียงประชาชน เพราะผมทำตามที่เขาเรียกร้อง หลายอย่างที่ผมทำให้ หลายอย่างที่ผมทำให้ไม่ได้ก็คือไม่ได้ แต่ผมไม่ได้ไปหลอกเขาว่าเรื่องนี้ทำได้ เพื่อที่จะให้มารักผม ผมไม่ทำ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวความขัดแย้งกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่มักถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นทุกครั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เพราะสื่อมวลชนชอบไปขยายความให้อีกฝ่าย ขอยืนยันว่าเราไม่มีปัญหาอะไร อยู่กันมา 40-50 ปี ความผูกพันธ์มากกว่าที่ทุกคนคิด ทหารเขาเป็นอย่างนี้ไม่ได้คบกันเพื่อประโยชน์ ไม่ได้คบกันเพราะเป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ไม่เกี่ยวกัน เป็นคนละเรื่อง คบกันด้วยความดี ความเชื่อถือ เชื่อมั่น และไว้วางใจซึ่งกันและกันตลอดมา 50 ปี ไม่มีวันทะเลาะกัน ไม่ว่าจะยุอย่างไร ตนก็ไม่ทะเลาะ เพราะท่านเป็นรุ่นพี่ มีความอาวุโส มีประสบการณ์ เมื่อมาทำหน้าที่ตรงนี้ท่านก็เคารพตน และตนก็เคารพท่าน แล้วจะมีใครให้ตนเชื่อใจได้มากกว่านี้ สื่อก็มักไปโจมตี พล.อ.ประวิตรตลอดเวลา ชอบพูดให้เสียหาย ไม่รู้วัตถุประสงค์ว่าทำเพื่ออะไรเหมือนกัน

** จวกพวกเสี้ยมหวังให้แตกคอ “น้องตู่”

ด้าน พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชน อาจเป่านกหวีดส่งสัญญาณระดมคนในช่วงการทำประชามติ 7 ส.ค.นี้ว่า คงไม่มีการทำแบบนั้น เนื่องจากมีกฎหมายควบคุมเกี่ยวกับเรื่องการชุมนุมอยู่ ส่วนที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้น ก็ไม่ทราบเหตุผล แต่ คสช.ก็ทำทุกอย่างที่บอกไว้ทั้งหมด และ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ได้อธิบายไปทั้งหมดแล้ว ตอนนี้เหลืออีกไม่กี่วันจะลงประชามติแล้ว จึงไม่เห็นว่าจะต้องมาติติงเรื่องเหล่านี้ เพราะทำกันมาตามลำดับ ให้วิพากษ์วิจารณ์ให้อธิบายเรื่องความรู้ของรัฐธรรมนูญโดยไม่ปิดบัง แต่ไม่ให้ชี้นำเท่านั้น จึงต้องไปถามจาก น.ต.ประสงค์ ว่าคิดอย่างไร

ส่วนกรณีที่ฝ่ายการเมืองเสนอให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี แทน พล.อ.ประยุทธ์ นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า นายกฯไม่เห็นแซวอะไร เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นแผนฝ่ายตรงข้ามเสี้ยม

ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกเบื่อหรือไม่ที่เดินร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ มานานแล้ว พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะเบื่อกันเรื่องอะไร จะตายจากกันอยู่แล้ว ตอนนี้อายุ 70 กว่าปีแล้ว จะไปผิดใจกันเรื่องอะไร ใครมาเสี้ยมแล้วจะเป็นอะไร คนที่พูดก็พูดคุยเดียว คิดคนเดียว แต่ทั้งประเทศมี 70 ล้านคน ถ้าตนไปฟังคนคนเดียว คงโตมาอย่างนี้ไม่ได้ เพราะผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ผ่านคนพวกนี้มามากมาย

** “วิษณุ” ห่วงทำผิด กม.ช่วงโค้งสุดท้าย

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความห่วงใยในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการประชามติว่า ถึงวันนี้เชื่อว่าประชาชนที่จะไปใช้สิทธิต่างตัดสินใจได้แล้ว ไม่ว่าจะใช้พื้นฐานอะไรก็ตาม แต่ช่วงนี้จะมีข้อห้ามต่างๆ จึงต้องขอให้ระมัดระวังอย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย เพราะหลายอย่างที่สัปดาห์ก่อนทำได้ แต่ในสัปดาห์นี้ทำไม่ได้แล้ว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ต้องมีความพร้อมเพื่อให้การออกเสียงประชามติเป็นไปอย่างสุจริตยุติธรรม ส่วนเรื่องอื่นก็อยู่ในความรับผิดชอบของผู้เกี่ยวข้อง ถ้ารัฐธรรมนูญผ่านประชามติ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จะได้ทำกฎหมายลูกต่อ แต่หากไม่ผ่าน คสช.ก็จะมีส่วนที่จะต้องดำเนินการต่อ ไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ ต่างก็มีขั้นตอนในส่วนนี้ทั้งสิ้น ซึ่งต้องรีบดำเนินการ วันนี้ทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเองแต่ไม่ควรจะออกมาพูดให้เกิดความไขว้เขว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ที่เคยถูกตัดสิทธิทางการเมืองอย่างสมาชิกบ้าน 111-109 จะมีสิทธิลงประชามติครั้งนี้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า กกต.ระบุแล้วว่าสามารถใช้สิทธิได้ เพราะวันนี้เราใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว ไม่มีบทบัญญัติใดห้าม แต่หากมีการใช้รัฐธรรมนูญฉบับหน้า ก็ค่อยมาดูกันอีกที ถ้าถามว่าผู้ที่เคยถูกตัดสิทธิทางการเมืองสามารถลงเลือกตั้งได้หรือไม่ ประเด็นนี้ต้องรอดูเนื้อหารัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่วันที่ 7ส.ค.นี้ ไม่มีอะไรห้ามผู้ที่เคยถูกตัดสิทธิ

“คนที่เคยถูกตัดสิทธิทางการเมืองจะต้องไปดูทั้งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และเนื้อหาของกฎหมายลูก ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ห้าม แต่กฎหมายลูกห้ามตรงนี้อันตราย เหมือนหนุมานเหาะเกินลงกา ไม่เช่นนั้น เขาก็จะเขียนกฎหมายลูกห้ามไปหมดทุกเรื่อง เพราะเรื่องเหล่านี้ถ้าจะเขียนก็ควรเขียนในเนื้อหารัฐธรรมนูญ” นายวิษณุ ระบุ

** กกต.เตือนอย่าเซลฟี่ที่คูหา

นายบุญส่ง น้อยโสภณ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านการสืบสวนสอบสวน กล่าวว่า อยากจะเตือนทุกฝ่ายให้ระมัดระวัง ไม่กระทำความผิดกฎหมายประชามติ โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่ ได้ย้ำให้วางตัวเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะหากมีการร้องเรียนเกิดขึ้นก็ต้องถูกดำเนินคดีทางอาญา พร้อมกับเตือนห้ามเผยแพร่ผลโพล แต่สามารถทำเอ็กซิตโพลได้ และให้เปิดเผยหลังการออกเสียง ส่วนประชาชนต้องพึงระมัดระวังอย่างยิ่งกับกรณีการถ่ายเซลฟี่ ที่คูหาลงคะแนนหรือถ่ายภาพบัตรออกเสียงจะเป็นการผิดกฎหมายอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังขอเตือนไปยังผู้บังคับบัญชา หรือนายจ้าง ให้อำนวยความสะดวกกับลูกจ้าง ด้วยการอนุญาตให้ไปออกเสียงในวันที่ 7 ส.ค. โดยที่ไม่ถือว่าเป็นการขาดงาน ซึ่งหากนายจ้างละเลยจะมีโทษหนักทางอาญา ส่วนหลังการออกเสียงประชามติแล้ว เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาการร้องคัดค้านตามมาในภายหลังจนทำให้ต้องมีการลงคะแนนใหม่ เนื่องจากการร้องคัดค้านตามกฎหมายประชามติ กระทำได้ยาก และต้องใช้เสียงของผู้คัดค้านจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่มีความกังวลในเรื่องดังกล่าว และมั่นใจประกาศผลการออกเสียงอย่างเป็นทางการได้ภายใน 3 วัน

** ปูดบ่อนนอกเปิดแทงประชามติ

อีกด้าน นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธาน กรธ.เปิดเผยว่า ทาง กรธ.มีกำหนดการออกรายการโทรทัศน์ในวันที่ 4-5 ส.ค.นี้ โดยจะเป็นการร่วมตอบคำถามที่ประชาชนโทรศัพท์เข้ามาสอบถาม ส่วนกรณีที่ประชาชนบางส่วนยังไม่ทราบเนื้อหานั้น ก็เชื่อว่ากว่าร้อยละ 80 รับทราบสาระสำคัญแล้วผ่านเอกสารเล่มเล็กที่แจกจ่ายในทุกพื้นที่ ซึ่งในขณะนี้ ก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการบิดเบือนเนื้อหาสาระ ส่วนบทบาทหน้าที่ของ กรธ.ต่อจากนี้ ก็ต้องรอดูผลประชามติ หากไม่ผ่านก็ไม่ต้องทำอะไรต่อ แต่หากผ่านการออกเสียงก็เป็นไปตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ตนก็แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับบ่อนการพนันในต่างประเทศที่มีการตั้งราคาพนันกันเรื่องการออกเสียงประชามติ ซึ่งในที่สุดผลร้ายก็จะตกอยู่กับประชาชน

** ส่งตัวแก๊งป่วนประชามติให้ตำรวจ

ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คสช. พร้อมด้วย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ และเจ้าหน้าทีทหารจากมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) นำตัวกลุ่มผู้ต้องหาที่มีความเกี่ยวโยงกระทำความผิดเผยแพร่จดหมายทางไปรษณีย์ในหลายพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งมีเนื้อหาในลักษณะบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ นำโดย นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจัวหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ และ น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และพวกรวม 11 คน ส่งมอบให้กับทาง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) หลังควบคุมตัวครบอำนาจการคุมตัว 7 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขั้นตอนการรับมอบตัวผู้ต้องหานั้น ทางแพทย์ จาก รพ.ตำรวจ จะทำการตรวจร่างกายเพื่อเป็นหลักฐานว่าผู้ต้องหาไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายระหว่างควบคุมตัว ก่อนให้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำ ดำเนินคดีพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา จากนั้นจะนำตัวผู้ต้องหาไปขออำนาศาลฝากขังภายในวันนี้ ทั้งนี้เบื้องต้นนายบุญเลิศ และพวก ถูกดำเนินคดีใน 3 ข้อหาหนัก 1.ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 2.ร่วมกันเป็นซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210 และ 3.ร่วมกันเผยแพร่ข้อความที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง หรือกล่าวหาบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญตาม พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61 วรรคสอง โดยเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ขบวนการนี้มีแบ่งหน้าที่กันทำทั้งหมด 12 คน แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มผู้บงการ ซึ่งประกอบด้วย นายบุญเลิศ และ น.ส.ทัศนีย์ 2.กลุ่มพิมพ์เอกสารจ่าหน้าซอง และผลิตจดหมาย 3.กลุ่มผู้ส่งจดหมาย และ 4.กลุ่มผู้ช่วยเหลือซ่อนเร้น

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ในส่วนของพยานหลักฐานที่ชี้ชัดในการกระทำความผิดของกลุ่มผู้ต้องหานั้น ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอยู่ในสำนวน ซึ่งจากการสอบถามบุคคลที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 10 คนรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง โดยขั้นตอนการรับตัวจากทหารในวันนี้ได้ให้แพทย์จาก รพ.ตำรวจ มาตรวจสอบร่างกาย ก่อนจะนำตัวขึ้นเครื่องบินไปยังจังหวัดเชียงใหม่ และมอบหมายให้ พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ดำเนินการต่อไป

ขณะที่นายบุญเลิศ กล่าวว่า ตนขอปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น

** “สุเทพ” เป่านกหวีดชวน ปชช.เข้าคูหา

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ว่า ขอเชิญชวนพี่น้องมวลมหาประชาชนเป่านกหวีด ส่งสัญญาณไปถึงพี่น้องร่วมอุดมการณ์ทั่วทุกภาคในประเทศไทย เพื่อให้ไปทำงานเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินอีกครั้ง ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ เนื่องจากเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทย เป็นวันที่ประชาชนคนไทยจะได้เป็นผู้กำหนดอนาคตของประเทศว่า จะไปทางใด ส่วนจะตัดสินใจลงประชามติอย่างไรเป็นดุลยพินิจของแต่ละคน ตนพร้อมเคารพ แต่ขออย่างเดียวช่วยกันไปลงประชามติ แสดงออกให้ชัดเจนว่า ประชาชนส่วนใหญ่ในแผ่นดินนี้ต้องการเห็นประเทศไทยเดินหน้าไปอย่างไร

** "ยิ่งลักษณ์" เฟซโพสต์ไม่รับร่าง รธน.

ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวระบุว่า จะไปออกเสียงลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ในวันที่ 7 ส.ค.อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามจากการติดตามการยกร่างและสาระของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาโดยตลอด ดิฉันเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญมิได้เป็นไปตามแนวทางดังกล่าว ดิฉันจึงไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และไม่เห็นชอบคำถามพ่วงค่ะ

** ปล่อย 19 แกนนำ นปช.ไร้เงื่อนไข

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. นางธิดา ถาวรเศรษฐ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำและแนวร่วม นปช. รวม 19 คน เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ 7/2558 กรณีชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน และแถลงข่าวจัดตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ที่สถานีโทรทัศน์พีชทีวี ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สาขาลาดพร้าว โดยมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิงพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เดินทางมาเฝ้าสังเกตการณ์ด้วยตัวเอง

จากนั้น เวลาประมาณ 12.45 น. นายจตุพร พร้อมด้วยแกนนำ นปช.ทั้ง 19 คน ได้เดินทางกลับออกมาภายหลังได้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน บก.ป. เสร็จสิ้น โดย นายจตุพร กล่าวว่า ทางตำรวจให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ส่วนกรณีที่แจ้งข้อหาเรื่องการชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คนขึ้นไป พวกตนได้ให้การปฏิเสธโดยจะให้ถ้อยคำเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งทางตำรวจได้นัดหมายอีกครั้งในวันที่ 6 ก.ย.นี้ จึงมอบหมายให้ทนายความมาดำเนินการอีกครั้งหนึ่ง สำหรับพวกตนทั้ง 19 คน ก็ได้รับการปล่อยตัวโดยไม่มีการยื่นประกันตัวใดๆ ในชั้นพนักงานสอบสวน ซึ่งหลังจากนี้พวกตนก็จะทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองด้วยการออกไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติในวันที่ 7 ส.ค.นี้ดังเดิม พร้อมกับเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมเป็นหูเป็นตา ตามที่ กกต.ได้ชักชวนว่าหากพบการทุจริตก็ขอให้แจ้งให้ดำเนินการเพราะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของประเทศ.
กำลังโหลดความคิดเห็น