ผู้จัดการรายวัน360-"หมอเปรม"ควงทนายยิ้มระรื่นทักสื่อแบบเป็นกันเอง ก่อนเข้ารับฟังข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังและข่มขืนใจตามหมายเรียก แต่ห้ามบันทึกภาพ พร้อมแจ้งความกลับนักข่าว 3 ข้อหา ด้านชาวบ้านและสมาชิก อบจ.บ้านไผ่ ร้องผู้ว่าฯ สั่งหยุดทำงาน เปิดทางกระบวนการสอบสวนทำงานเต็มที่ ด้าน "ศรีสุวรรณ"ร้องนายกฯ งัด ม.44 สั่งพักงาน พร้อมร้องผู้ตรวจการแผ่นดินจัดการอีกทาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (1 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบ้านไผ่ ได้เรียกตัวนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านไผ่ และอดีต ส.ส. หลายสมัย ให้มาพบในเวลา 13.00 น. เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาที่ตั้งไว้ 2 ข้อหา คือ 1.หน่วงเหนี่ยวกักขัง และ 2.ข่มขืนใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการ หลังมีผู้สื่อข่าวได้เข้ามาแจ้งความเอาผิดไว้เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2559 ที่ผ่านมา
เมื่อถึงกำหนดเวลา นพ.เปรมศักดิ์ พร้อมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บ้านไผ่ และเมื่อลงจากรถยนต์ นพ.เปรมศักดิ์ ได้ยิ้มทักทายกับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว พร้อมกล่าวว่า "รับประทานข้าวเที่ยงแล้วหรือยัง" จากได้เดินเข้าไปภายในห้องศูนย์ปฏิบัติการ สภ.บ้านไผ่ เพื่อเข้าให้ปากคำ โดยมี พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น พร้อม พ.ต.อ.จำรัส จันแดง ผกก.สภ.บ้านไผ่ และพนักงานสอบสวนอยู่ภายในห้อง
ทั้งนี้ นพ.เปรมศักดิ์ ได้ให้ทนายความประจำตัวนำเอกสารหลักฐานเข้ามาเป็นหลักฐานกับพนักงานสอบสวน โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพและรับฟังการสอบปากคำแต่อย่างใด
ภายหลังการสอบปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมง นพ.เปรมศักดิ์ ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมทั้งแจ้งความกลับผู้สื่อข่าวทั้ง 5 สื่อที่อยู่ในที่เกิดเหตุ 3 ข้อหา คือกักขังหน่วงเหนี่ยว , บังคับข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างอื่นอย่างใด และทำให้ตกใจกลัว และเมื่อ นพ.เปรมศักดิ์ ออกมาจากห้อง ก็กล่าวแต่เพียงว่า มาตามหน้าที่และแจ้งความกลับข้อหาเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้สื่อข่าวทั้ง 5 สำนัก ที่ถูกแจ้งความกลับ ต่างรู้สึกงงว่าทำไมถึงกล้า พร้อมยืนยันว่า จะต่อสู้ให้ถึงที่สุด
วันเดียวกันนี้ ชาวบ้านจาก เขต อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น รวมกว่า 50 คน นำโดยนายเดชคำรณค์ สิงคลีบุตร ส.อบจ.บ้านไผ่ และคณะกรรมการสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านไผ่ (ขก.5) ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ในฐานะกำกับและควบคุมหน่วยงานภาครัฐของจังหวัด โดยเฉพาะกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใน 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย การขอให้นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านไผ่ หยุดปฏิบัติหน้าที่ การให้ตรวจสอบและเอาผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐ และประเด็นปัญหาการปลดพนักงานเทศบาลที่ไม่เป็นธรรม
นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ รอง ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า จะนำข้อร้องเรียนไปรวมกับแนวทางการสอบสวนของคณะกรรมการที่ผู้ว่าฯ ได้ตั้งขึ้นก่อนหน้านี้ เพื่อชี้มูลความผิดในด้านต่างๆ
ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยและคณะ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ออกคำสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ของ นพ.เปรมศักดิ์ ในระหว่างที่มีการแจ้งความดำเนินคดี เพื่อให้มีการไต่สวนการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และวินัยอย่างร้ายแรง รวมถึงฝ่าฝืนกฎหมายอาญา
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า นพ.เปรมศักดิ์ มีภรรยาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น และยังไม่ได้หย่าตามกฎหมาย การที่ นพ.เปรมศักดิ์ ทำพิธีหมั้นหรือแต่งงานกับเด็กนักเรียนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เข้าข่ายกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ในทำนองชู้สาว และจริยธรรมอย่างรุนแรง และยังกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้สื่อข่าวที่ไปปฏิบัติหน้าที่ จึงขอให้ใช้ ม.44 ออกคำสั่งให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว เพื่อให้มีการดำเนินการตามกฎหมาย จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ขณะเดียวกัน นายศรีสุวรรณ ยังได้เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายธาวิน อินทรจำนงค์ รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบ นพ.เปรมศักดิ์ กรณีกระทำการเข้าข่ายฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309, 310 ประกอบมาตรา 84 และฝ่าฝืนหรือขัดต่อจริยธรรมข้าราชการการเมืองท้องถิ่นฝ่ายบริหารอย่างร้ายแรงด้วย
ด้านนายธาวินกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวถือว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการฯ ที่จะสามารถตรวจสอบได้ โดยเรื่องหมั้นกับเยาวชน แม้จะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่นพ.เปรมศักดิ์ เป็นผู้บริหารท้องถิ่น ก็อาจมีปัญหาความเหมาะสม และกรณีกระทำกับผู้สื่อข่าว ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้ตรวตการฯ จะทำหนังสือแจ้งให้ชี้แจง รวมถึงแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดด้วยในฐานะผู้บังคับบัญชา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (1 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบ้านไผ่ ได้เรียกตัวนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านไผ่ และอดีต ส.ส. หลายสมัย ให้มาพบในเวลา 13.00 น. เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาที่ตั้งไว้ 2 ข้อหา คือ 1.หน่วงเหนี่ยวกักขัง และ 2.ข่มขืนใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการ หลังมีผู้สื่อข่าวได้เข้ามาแจ้งความเอาผิดไว้เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2559 ที่ผ่านมา
เมื่อถึงกำหนดเวลา นพ.เปรมศักดิ์ พร้อมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บ้านไผ่ และเมื่อลงจากรถยนต์ นพ.เปรมศักดิ์ ได้ยิ้มทักทายกับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว พร้อมกล่าวว่า "รับประทานข้าวเที่ยงแล้วหรือยัง" จากได้เดินเข้าไปภายในห้องศูนย์ปฏิบัติการ สภ.บ้านไผ่ เพื่อเข้าให้ปากคำ โดยมี พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น พร้อม พ.ต.อ.จำรัส จันแดง ผกก.สภ.บ้านไผ่ และพนักงานสอบสวนอยู่ภายในห้อง
ทั้งนี้ นพ.เปรมศักดิ์ ได้ให้ทนายความประจำตัวนำเอกสารหลักฐานเข้ามาเป็นหลักฐานกับพนักงานสอบสวน โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพและรับฟังการสอบปากคำแต่อย่างใด
ภายหลังการสอบปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมง นพ.เปรมศักดิ์ ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมทั้งแจ้งความกลับผู้สื่อข่าวทั้ง 5 สื่อที่อยู่ในที่เกิดเหตุ 3 ข้อหา คือกักขังหน่วงเหนี่ยว , บังคับข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างอื่นอย่างใด และทำให้ตกใจกลัว และเมื่อ นพ.เปรมศักดิ์ ออกมาจากห้อง ก็กล่าวแต่เพียงว่า มาตามหน้าที่และแจ้งความกลับข้อหาเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้สื่อข่าวทั้ง 5 สำนัก ที่ถูกแจ้งความกลับ ต่างรู้สึกงงว่าทำไมถึงกล้า พร้อมยืนยันว่า จะต่อสู้ให้ถึงที่สุด
วันเดียวกันนี้ ชาวบ้านจาก เขต อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น รวมกว่า 50 คน นำโดยนายเดชคำรณค์ สิงคลีบุตร ส.อบจ.บ้านไผ่ และคณะกรรมการสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านไผ่ (ขก.5) ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ในฐานะกำกับและควบคุมหน่วยงานภาครัฐของจังหวัด โดยเฉพาะกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใน 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย การขอให้นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านไผ่ หยุดปฏิบัติหน้าที่ การให้ตรวจสอบและเอาผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐ และประเด็นปัญหาการปลดพนักงานเทศบาลที่ไม่เป็นธรรม
นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ รอง ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า จะนำข้อร้องเรียนไปรวมกับแนวทางการสอบสวนของคณะกรรมการที่ผู้ว่าฯ ได้ตั้งขึ้นก่อนหน้านี้ เพื่อชี้มูลความผิดในด้านต่างๆ
ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยและคณะ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ออกคำสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ของ นพ.เปรมศักดิ์ ในระหว่างที่มีการแจ้งความดำเนินคดี เพื่อให้มีการไต่สวนการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และวินัยอย่างร้ายแรง รวมถึงฝ่าฝืนกฎหมายอาญา
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า นพ.เปรมศักดิ์ มีภรรยาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น และยังไม่ได้หย่าตามกฎหมาย การที่ นพ.เปรมศักดิ์ ทำพิธีหมั้นหรือแต่งงานกับเด็กนักเรียนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เข้าข่ายกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ในทำนองชู้สาว และจริยธรรมอย่างรุนแรง และยังกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้สื่อข่าวที่ไปปฏิบัติหน้าที่ จึงขอให้ใช้ ม.44 ออกคำสั่งให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว เพื่อให้มีการดำเนินการตามกฎหมาย จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ขณะเดียวกัน นายศรีสุวรรณ ยังได้เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายธาวิน อินทรจำนงค์ รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบ นพ.เปรมศักดิ์ กรณีกระทำการเข้าข่ายฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309, 310 ประกอบมาตรา 84 และฝ่าฝืนหรือขัดต่อจริยธรรมข้าราชการการเมืองท้องถิ่นฝ่ายบริหารอย่างร้ายแรงด้วย
ด้านนายธาวินกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวถือว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการฯ ที่จะสามารถตรวจสอบได้ โดยเรื่องหมั้นกับเยาวชน แม้จะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่นพ.เปรมศักดิ์ เป็นผู้บริหารท้องถิ่น ก็อาจมีปัญหาความเหมาะสม และกรณีกระทำกับผู้สื่อข่าว ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้ตรวตการฯ จะทำหนังสือแจ้งให้ชี้แจง รวมถึงแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดด้วยในฐานะผู้บังคับบัญชา
