วานนี้ (28 ก.ค.) ที่ห้องประชุมโรงเรียนบ้านไผ่ ขก.5 อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น นายวทัญญู ภูชาดา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านไผ่ ขก.5 ได้รับเรื่องจากตัวแทนศิษย์เก่าโรงเรียน นำโดยนายเดชดำรง สิงคลีบุตร อดีตสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ขอนแก่น เขต อ.บ้านไผ่ ยื่นเรื่องให้ปลด นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนบ้านไผ่
จากนั้น นายวทัญญู เปิดเผยว่า คณะกรรมการสถานศึกษาได้พิจารณาเรื่องร้องเรียน นพ.เปรมศักดิ์ ที่มีการส่งเข้ามาจากหลายส่วน จึงได้มติของขั้นแรกเป็นเอกฉันท์ให้ปลด นพ.เปรมศักดิ์ ออกจากตำแหน่ง โดยทางโรงเรียนจะได้เสนอไปยังเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 25 ขอนแก่น ได้พิจารณาอีกครั้ง ซึ่งหากพ้นจากตำแหน่งตามการพิจารณาของต้นสังกัดแล้วก็จะเริ่มขั้นตอนการสรรหาผู้เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งแทนต่อไป
รายงานเพิ่มเติมแจ้งว่า สำหรับโรงเรียนบ้านไผ่ ขก.5 แห่งนี้เป็นโรงเรียนที่นักเรียนหญิงชั้น ม.5 ซึ่งปรากฎอยู่ในภาพนั่งคู่กับ นพ.เปรมศักดิ์ ที่เผยแพร่ในสังคมออนไลน์ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าคล้ายพิธีขอขมา หรือหมั้นหมายแต่งงาน
** โพสต์เฟซด่าสื่อมวลชนยับ
วันเดียวกันมี ความเคลื่อนไหวของ นพ.เปรมศักดิ์ ที่ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวในหัวข้อ “ผมคุกคามสื่อ หรือว่าสื่อคุกคามผม?” ซึ่งสาระสำคัญระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตัว นพ.เปรมศักดิ์เป็นผู้ถูกกระทำ ขณะที่สื่อมวลชนเป็นฝ่ายผิด มีเนื้อความบางตอนว่า ตนเป็นนักการเมือง เป็นบุคคลสาธารณะมายาวนาน รู้ดีว่าต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสื่ออย่างไร ต้องวางระยะใกล้ ระยะห่างอย่างใด จึงจะเหมาะสม และเคารพในการทำงานของสื่อมวลชนมาตลอด เข้าทำนองน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาศัย ที่ผ่านมาหนักนิดเบาหน่อยก็ต้องทนกันไป เกือบทั้งหมดเป็นตนที่ต้องอดทน หลายครั้งก็หวานอมขมกลืน แต่มาล่าสุดนี่สุดจะทนจริงๆ เพราะสื่อเล่นงานตนหนล่าสุด ไม่ต่างไปจากการจับแก้ผ้าประจานให้อับอายต่อหน้าธารกำนัล สื่อมวลชนไปเห็นภาพจากไหนไม่ทราบ ก็ได้นำเสนอข่าวในทางเสียหาย จากนั้นจึงค่อยมาตามหาตัว ให้ไปแก้ข่าวในภายหลัง ทำให้ตนตกเป็นจำเลยสังคม แล้วก็ตามมาสอบสวนกดดันรีดเค้น เสมือนว่าเพื่อหวังประจานตน มีคำภาษิตพังเพยอันเป็นเรื่องอัปลักษณ์เปรียบเปรยวงการสื่อว่า ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีเสียตังค์ลง ต่อมาเมื่อสื่อคณะหนึ่งบุกรุกเข้ามาพบผมในห้องทำงานนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ในฐานะรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับสื่อทุกท่านที่มาหาผมในวันนั้น ก็อดที่จะรู้สึกอยากขออุทธรณ์วิงวอนไม่ได้เลยว่า ทุกท่านก็รู้จักกับผมเป็นอย่างดี ไปมาหาสู่ก็สะดวกทุกช่องทาง ก่อนนำเสนอข่าวเผยแพร่ไปในทางที่เกิดความเสียหายแก่ผม ทำไมจึงไม่มาสอบถามข้อเท็จจริงเสียก่อน
“บุคคลสาธารณะในแวดวงต่างๆ ทั้ง นักการเมือง ผู้บริหารในคณะรัฐบาล พ่อค้านักธุรกิจ ดารา นักร้อง นักแสดง ศิลปิน นักกีฬา สารพัดวงการ และพี่น้องประชาชนคนไทยนั้นต่างก็โดนสื่ออภิสิทธิชนคุกคามข่มขู่จับแก้ผ้าต่อหน้าธารกำนัล ว่า ประจานให้อับอายมานักต่อนักแล้ว โดยที่พวกเราก็ทนนิ่งทนเงียบกันมาตลอด เพราะเป็นเบี้ยล่างของสื่อ สู้ไปก็มีแต่ย่อยยับอัปรา แต่ผมได้สลัดความกลัวนั้นทิ้งไปแล้ว และยืนหยัดขึ้นประกาศให้ทราบชัดทั่วกันว่า หมดเวลาที่เราจะหงออยู่ใต้อำนาจอธรรมของสื่อแล้วครับ และได้เวลานับหนึ่งในการปฏิรูปสื่อแล้ว” นพ.เปรมศักดิ์ ระบุ
** ตร.เล็งเรียก “หมอเปรม” รับข้อหา
อีกด้าน พ.ต.อ.จำรัส จันทร์แดง ผู้กำกับการ (ผกก.) สวถานีตำรวจภูธร (สภ.) บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้ทำการเรียกสอบปากคำเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองบ้านไผ่ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด รวมทั้งการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เมื่อการสืบสวนสอบสวนและสรุปหลักฐานครบแล้ว จะมีการเรียกตัว นพ.เปรมศักดิ์ รับทราบข้อกล่าวหา ในขณะที่โทษในข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้น จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้เป็นคดีที่ยอมความกันได้
** ยื่นผู้ตรวจฯเชือดจริยธรรม
ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้ ตรวจสอบการกระทำของ นพ.เปรมศักดิ์ ที่เข้าข่ายฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309, 310 ประกอบมาตรา 84 และฝ่าฝืนหรือขัดต่อจริยธรรมข้าราชการการเมืองท้องถิ่นฝ่ายบริหารอย่างร้ายแรง โดยมี นายธาวิน อินทร์จำนง รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นผู้รับเรื่อง
จากนั้น นายธาวิน ได้กล่าวว่า เรื่องนี้ถือว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน เพราะ นพ.เปรมศักดิ์ ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในการตรวจสอบเรื่องจริยธรรมแบ่งเป็น 2 กรณี คือ การหมั้นหมายกับเยาวชน และการกระทำต่อผู้สื่อข่าว ทั้งนี้อาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรงชี้แจงเรื่องดังกล่าวเข้ามาด้วย ส่วนที่ทางจังหวัดได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นคนละส่วน.
จากนั้น นายวทัญญู เปิดเผยว่า คณะกรรมการสถานศึกษาได้พิจารณาเรื่องร้องเรียน นพ.เปรมศักดิ์ ที่มีการส่งเข้ามาจากหลายส่วน จึงได้มติของขั้นแรกเป็นเอกฉันท์ให้ปลด นพ.เปรมศักดิ์ ออกจากตำแหน่ง โดยทางโรงเรียนจะได้เสนอไปยังเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 25 ขอนแก่น ได้พิจารณาอีกครั้ง ซึ่งหากพ้นจากตำแหน่งตามการพิจารณาของต้นสังกัดแล้วก็จะเริ่มขั้นตอนการสรรหาผู้เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งแทนต่อไป
รายงานเพิ่มเติมแจ้งว่า สำหรับโรงเรียนบ้านไผ่ ขก.5 แห่งนี้เป็นโรงเรียนที่นักเรียนหญิงชั้น ม.5 ซึ่งปรากฎอยู่ในภาพนั่งคู่กับ นพ.เปรมศักดิ์ ที่เผยแพร่ในสังคมออนไลน์ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าคล้ายพิธีขอขมา หรือหมั้นหมายแต่งงาน
** โพสต์เฟซด่าสื่อมวลชนยับ
วันเดียวกันมี ความเคลื่อนไหวของ นพ.เปรมศักดิ์ ที่ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวในหัวข้อ “ผมคุกคามสื่อ หรือว่าสื่อคุกคามผม?” ซึ่งสาระสำคัญระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตัว นพ.เปรมศักดิ์เป็นผู้ถูกกระทำ ขณะที่สื่อมวลชนเป็นฝ่ายผิด มีเนื้อความบางตอนว่า ตนเป็นนักการเมือง เป็นบุคคลสาธารณะมายาวนาน รู้ดีว่าต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสื่ออย่างไร ต้องวางระยะใกล้ ระยะห่างอย่างใด จึงจะเหมาะสม และเคารพในการทำงานของสื่อมวลชนมาตลอด เข้าทำนองน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาศัย ที่ผ่านมาหนักนิดเบาหน่อยก็ต้องทนกันไป เกือบทั้งหมดเป็นตนที่ต้องอดทน หลายครั้งก็หวานอมขมกลืน แต่มาล่าสุดนี่สุดจะทนจริงๆ เพราะสื่อเล่นงานตนหนล่าสุด ไม่ต่างไปจากการจับแก้ผ้าประจานให้อับอายต่อหน้าธารกำนัล สื่อมวลชนไปเห็นภาพจากไหนไม่ทราบ ก็ได้นำเสนอข่าวในทางเสียหาย จากนั้นจึงค่อยมาตามหาตัว ให้ไปแก้ข่าวในภายหลัง ทำให้ตนตกเป็นจำเลยสังคม แล้วก็ตามมาสอบสวนกดดันรีดเค้น เสมือนว่าเพื่อหวังประจานตน มีคำภาษิตพังเพยอันเป็นเรื่องอัปลักษณ์เปรียบเปรยวงการสื่อว่า ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีเสียตังค์ลง ต่อมาเมื่อสื่อคณะหนึ่งบุกรุกเข้ามาพบผมในห้องทำงานนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ในฐานะรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับสื่อทุกท่านที่มาหาผมในวันนั้น ก็อดที่จะรู้สึกอยากขออุทธรณ์วิงวอนไม่ได้เลยว่า ทุกท่านก็รู้จักกับผมเป็นอย่างดี ไปมาหาสู่ก็สะดวกทุกช่องทาง ก่อนนำเสนอข่าวเผยแพร่ไปในทางที่เกิดความเสียหายแก่ผม ทำไมจึงไม่มาสอบถามข้อเท็จจริงเสียก่อน
“บุคคลสาธารณะในแวดวงต่างๆ ทั้ง นักการเมือง ผู้บริหารในคณะรัฐบาล พ่อค้านักธุรกิจ ดารา นักร้อง นักแสดง ศิลปิน นักกีฬา สารพัดวงการ และพี่น้องประชาชนคนไทยนั้นต่างก็โดนสื่ออภิสิทธิชนคุกคามข่มขู่จับแก้ผ้าต่อหน้าธารกำนัล ว่า ประจานให้อับอายมานักต่อนักแล้ว โดยที่พวกเราก็ทนนิ่งทนเงียบกันมาตลอด เพราะเป็นเบี้ยล่างของสื่อ สู้ไปก็มีแต่ย่อยยับอัปรา แต่ผมได้สลัดความกลัวนั้นทิ้งไปแล้ว และยืนหยัดขึ้นประกาศให้ทราบชัดทั่วกันว่า หมดเวลาที่เราจะหงออยู่ใต้อำนาจอธรรมของสื่อแล้วครับ และได้เวลานับหนึ่งในการปฏิรูปสื่อแล้ว” นพ.เปรมศักดิ์ ระบุ
** ตร.เล็งเรียก “หมอเปรม” รับข้อหา
อีกด้าน พ.ต.อ.จำรัส จันทร์แดง ผู้กำกับการ (ผกก.) สวถานีตำรวจภูธร (สภ.) บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้ทำการเรียกสอบปากคำเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองบ้านไผ่ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด รวมทั้งการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เมื่อการสืบสวนสอบสวนและสรุปหลักฐานครบแล้ว จะมีการเรียกตัว นพ.เปรมศักดิ์ รับทราบข้อกล่าวหา ในขณะที่โทษในข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้น จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้เป็นคดีที่ยอมความกันได้
** ยื่นผู้ตรวจฯเชือดจริยธรรม
ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้ ตรวจสอบการกระทำของ นพ.เปรมศักดิ์ ที่เข้าข่ายฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309, 310 ประกอบมาตรา 84 และฝ่าฝืนหรือขัดต่อจริยธรรมข้าราชการการเมืองท้องถิ่นฝ่ายบริหารอย่างร้ายแรง โดยมี นายธาวิน อินทร์จำนง รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นผู้รับเรื่อง
จากนั้น นายธาวิน ได้กล่าวว่า เรื่องนี้ถือว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน เพราะ นพ.เปรมศักดิ์ ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในการตรวจสอบเรื่องจริยธรรมแบ่งเป็น 2 กรณี คือ การหมั้นหมายกับเยาวชน และการกระทำต่อผู้สื่อข่าว ทั้งนี้อาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรงชี้แจงเรื่องดังกล่าวเข้ามาด้วย ส่วนที่ทางจังหวัดได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นคนละส่วน.