ศูนย์ข่าวขอนแก่น - การเมืองฝ่ายตรงข้ามพาเหรดบุกศาลากลางขอนแก่น ร้องผู้ว่าฯ ใช้อำนาจสั่ง “พี่หมอ” หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกเล็กบ้านไผ่ เปิดทางให้กระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงทำงานได้เต็มที่ หวั่นเจ้าหน้าที่เทศบาล-พยานถูกข่มขู่แฉพฤติกรรมหยาบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (1 ส.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ได้มีชาวบ้านจากเขต อ.บ้านไผ่ รวมกว่า 50 คน นำโดย นายเดชคำรณค์ สิงคลีบุตร ส.อบจ.บ้านไผ่ และคณะกรรมการสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านไผ่ (ขก.5), นายบุญเหลือ เรืองลือ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองบ้านไผ่ ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ในฐานะเป็นผู้กำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (เทศบาล) ได้ตรวจสอบและเอาผิดต่อ นพ.เปรมศักดิ์ เพียระยุ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านไผ่เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงแก่ผู้ที่มีอำนาจทั้งหลาย โดยเรื่องร้องเรียนมีด้วยกัน 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย ขอให้ นพ.เปรมศักดิ์ หยุดปฎิบัติหน้าที่, การให้ตรวจสอบและเอาผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐ และประเด็นปัญหาการปลดพนักงานเทศบาลฯ ที่ไม่เป็นธรรม
นายเดชดำรงกล่าวว่า ตำแหน่งผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นถือเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ต้องเป็นแบบอย่างทั้งด้านความประพฤติและปฏิบัติตนแก่สังคม แต่ นพ.เปรมศักดิ์กลับมีข่าวสารเกี่ยวกับพฤติกรรมความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนักเรียนหรือเยาวชนในเขตเทศบาล ทั้งยังมีบทบาทเป็นประธานคณะกรรมการสถานศึกษาในโรงเรียนบ้านไผ่ (ขก.5) น่าจะเป็นการใช้อำนาจหน้าที่และบทบาทจนทำให้เกิดความไว้วางใจจนเยาวชนหญิงยินยอมมีความสัมพันธ์ดังกล่าว
นอกจากนี้ นพ.เปรมศักดิ์ยังมีข่าวกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้สื่อข่าวพร้อมกับถอดกางเกงของผู้สื่อข่าวจนเหลือแต่กางเกงใน ข่าวดังกล่าวได้แพร่ออกไปอย่างกว้างขวางทำให้องค์กรที่พวกตนทำหน้าที่ ในฐานะตัวแทนพี่น้องชาวเทศบาลเมืองบ้านไผ่และทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติในสภาเห็นว่าการกระทำของผู้บริหารทั้ง 2 กรณีข้างต้นทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรเสื่อมเสีย จำเป็นต้องออกมาปกป้องชื่อเสียงของชาวบ้านไผ่ จึงขอเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง ดำเนินการดังนี้
1. ขอให้ผู้ว่าฯ หรือผู้มีอำนาจได้สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ของ นพ.เปรมศักดิ์ไว้ก่อน เพื่อให้การดำเนินการในชั้นสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในคดีได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ และยังจะทำให้ข้าราชการหรือผู้เกี่ยวข้องในคดีหรือพยานได้ออกมาให้การเป็นพยานโดยไม่เกรงกลัวต่ออำนาจของฝ่ายบริหาร
2. ขอให้การสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา 3. ขอให้เจ้าพนักงานสืบสวนสอบสวนได้มีระบบคุ้มครองพยานให้มีความปลอดภัยเพราะกลัวผู้ถูกกล่าวหาใช้อำนาจข่มขู่ และ 4. หากการกระทำของ นพ.เปรมศักดิ์ผิดจริง ต้องให้ลงโทษตามกระบวนการตามกฎหมายเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างของผู้บริหารท้องถิ่นต่อไป
ด้านนายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ที่มารับหนังสือร้องเรียนจากนายเดชดำรงและคณะแทนผู้ว่าฯ กล่าวว่า จะนำหนังสือร้องเรียนทั้งหมดเสนอท่านผู้ว่าฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปดำเนินการต่อ แต่ในส่วนของจังหวัดซึ่งได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงพฤติกรรม นพ.เปรมศักดิ์ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมีปลัดจังหวัดเป็นประธานก็จะนำประเด็นข้อร้องเรียนในครั้งนี้เข้าไปพิจารณาดำเนินการด้วยเพราะถือเป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกัน
“ต้องให้เวลากับทางคณะกรรมการทำงานสักระยะหนึ่ง เพราะสอบปากคำผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง และพยานที่เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่าย และรวบรวมหลักฐานประกอบการพิจารณา เมื่อได้ข้อสรุปความคืบหน้าอย่างไรจะแจ้งให้ทราบ” นายประเสริฐกล่าว
ด้านนายเรืองระวี จันทะนาม ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย สำนักงานท้องถิ่น จ.ขอนแก่น ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการสอบสวนในคดีที่เกิดขึ้น ระบุว่า เดิมคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ทางจังหวัดได้ตั้งขึ้น นัดหมายให้ นพ.เปรมศักดิ์ เข้าให้ปากคำชี้แจงข้อมูลในวันนี้ (1 ส.ค.) แต่ได้รับแจ้งว่าต้องไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.บ้านไผ่ ในคดีสื่อมวลชนฟ้อง จึงขอเลื่อนการให้ปากคำซึ่งพนักงานสอบสวนของจังหวัดจะมีการเรียกอีกครั้งภายในสัปดาห์นี้
“ขณะนี้คณะกรรมการสอบสวนที่ตั้งขึ้น รวบรวมพยานหลักฐานได้แล้วบางส่วน โดยเฉพาะข้อมูลจากสื่อมวลชนและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อเป็นข้อมูลในการสืบสวนสอบสวนต่อไปทั้งนี้ หาก นพ.เปรมศักดิ์ ไม่มาให้ปากคำหรือชี้แจงในเรื่องเกิดขึ้น คณะกรรมการสอบสวนก็มีอำนาจและดุลพินิจชี้มูลความผิดได้เลยเช่นกัน”