“สอดแนมการเมือง”
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
ขอกราบคารวะด้วยจิตนอบน้อมจากใจจริง ต่อพระสงฆ์ส่วนใหญ่ที่เดินอยู่บนเส้นทางธรรม ของพระพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัดและมั่นคง!
ศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตเรา-ก็คือ-แพ้ภัยตัวเอง! การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตเรา-ก็คือ- การหลอกลวง! การสิ้นสุดความเป็นมนุษย์-ก็คือ-ถูกความโลภไม่รู้จักพอครอบงำ!
สามสิ่งข้างต้น.. เป็นต้นเหตุทำลายคุณค่ามนุษย์ที่มีคุณธรรม เปลี่ยน “มนุษย์” มากมายให้เป็นเยี่ยง “สัตว์เดรัจฉาน” มาแล้ว!
วงการสงฆ์ภายหลังพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน องค์พระศาสดาทรงให้ยึดพระธรรมคำสอน-นำปัญญา และใช้พระธรรมวินัย 227 ข้อ-มาปฏิบัติ
แม้จะอยู่ในยุคสังคมเสื่อมทรามด้วยทุนสามานย์ ที่ยึด “เงินเป็นพระเจ้า” แต่พระสงฆ์ที่ยึดธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ มิได้หลงทางไปกับเงินทองและวัตถุรอบตัว หากแต่ยังคงยึดมั่นในพระธรรมคำสอนและปฏิบัติตามพระธรรมวินัย 227 ข้อ ที่เป็น “มรดกธรรมอันล้ำค่า” ของพระพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งเผยแผ่พระธรรมโดยมิรู้เหน็ดเหนื่อย ให้ผู้คนได้เข้าใจในต้นเหตุปัญหาแห่งทุกข์ และดับทุกข์ด้วยธรรมปัญญา นั่นทำให้พระสงฆ์และพุทธศาสนาของชาติไทย มีพระอรหันต์มากมายทั้งในอดีตและปัจจุบัน
แต่ก็มี “พระสงฆ์” ที่ปฏิบัติตนมิใช่พระสงฆ์ กับเหล่าอลัชชีจำนวนหนึ่ง ตกเป็นทาสอำนาจ-ลาภยศ-เงินทองและวัตถุสารพัด ฯลฯ จมอยู่ในกิเลสไม่รู้จักพอ ได้กระทำในสิ่งที่พระสงฆ์มิพึงกระทำ เช่น บิดเบือนคำสอน และทำผิดต่อพระธรรมวินัยขององค์พระศาสดา เพื่อโกยประโยชน์ใส่ตนและพวกพ้อง เช่น
บ้างคลั่ง “รถหรู” จนแอบ “สนองความอยาก” แบบผิดๆ ด้วย “รถหรูหนีภาษี”! บ้างใช้เงินต้มตุ๋นผู้คนมาสร้างและซื้อวัด ที่ใหญ่โตมโหฬารยิ่งกว่าเวียงวัง ทั้งในและต่างประเทศ แถมยังบุกที่ดินเขตป่าเขาเพื่อสร้างวัด ฯลฯ ทั้งนี้เพรา ะ “โล้นคราบพระใหญ่น้อย” ดังกล่าว ลุ่มหลงในยศศักดิ์-เงินทอง-วัตถุสารพัด จน “โล้นคราบพระบางคน” มีเงินและทรัพย์สินนับแสนล้านบาท!
จริยวัตรอันไม่บังควรดังกล่าว ได้เปลี่ยนพระสงฆ์ให้เป็นอลัชชีไปแล้ว เพราะทำผิดทั้ง “ทางโลก” และ “ทางธรรม” นั่นเอง
แต่ “เถรสมาคม” หรือ “รัฐบาลพระ” ไร้ประสิทธิภาพ ที่จะจัดการกับพระสงฆ์ซึ่งมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม รวมทั้งไม่จัดการลงโทษอลัชชี-พระปลอม-นักตุ้มตุ๋นในคราบผ้าเหลือง ทำให้พระสงฆ์ดีๆ จำนวนมหาศาล ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงไปโดยปริยาย
ความอยากเป็นใหญ่ใน “อาณาจักร” เพื่อปฏิบัติการโกงชาติ ทำให้ “ทักษิณ” ที่รวยโดยไม่โปร่งใส ทุ่มเงินจ้าง “ผีหัวดำหัวทอง-โม่แป้ง” จำนวนมากมาย ให้ทำงานชั่วๆ ในการโค่นล้มฝ่ายตรงข้าม ทั้งที่มาจากการเลือกตั้งและการรัฐประหาร เช่นรัฐบาล “หล่อจ้อเก่ง” กับ “บังเละ” รวมทั้งรัฐบาลเผด็จการทหาร “บิ๊กตู่” ในปัจจุบัน
ทำให้แกนนำแดงทั้งหลาย-สู้แล้วรวย! เพราะมีงานมากมายทั้งลับและเปิดเผย เช่น เรื่อง “ลงประชามติรัฐธรรมนูญ” ในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ให้ชูคอเสนอหน้าเคลื่อนไหวทำเงินกันอู้ฟู่..
ส่วนการผลักดัน “พระสายสะสมทรัพย์” ขึ้นเป็นใหญ่ใน “ศาสนจักร” เพื่อบรรดาพระที่มีพฤติกรรมไม่สมความเป็นพระบ้าง พวกโล้นอลัชชีหรือพระปลอมบ้าง พวกสมีบ้าง พวกโล้นต้มตุ๋นบ้าง จะได้หลอกต้มตุ๋นพุทธศาสนิกชนที่ไม่เท่าทันในเล่ห์ร้าย ดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง
โดยไม่ต้องกังวลหรือสนใจว่า ความผิดทาง “ศาสนจักร” จะถูกลงโทษ ด้วยมี “รัฐบาลพระ” ที่จงใจ “เอาหูไปนาเอาตาไปไร่” เชี่ยวชาญกับการ “ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน” ดังกรณี “ศิษย์อลัชชีโยเย” ทำผิดทั้งทางโลกและทางธรรม แต่ “จารย์ช่วง” ทำเฉยให้เห็นเป็นตัวอย่างดังทุกวันนี้
นั่นยังไม่รวมฐานะของ “พระอุปัชฌาย์” ที่ปล่อยปละให้ “ศิษย์โยเย” คลุมผ้าเหลือง ต้มตุ๋นผู้คนมาจนทุกวันนี้ ที่ต้องอาบัติปาราชิกไปตั้งนานแล้ว นับแต่มีพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อน ระบุเรื่อง “อลัชชีโยเย” มีความผิดที่โกงเงินวัด 900 กว่าล้านบาท ไปเป็นสมบัติส่วนตัว
จากวันนั้นจนวันนี้ “เด็จช่วง” ไม่ได้ทำตามพระลิขิตฯ ไม่ได้จับ “ศิษย์อลัชชีโยเย” สึก แถมยังปล่อยให้ “อลัชชีโยเย” ต้มตุ๋นพุทธศาสนิกชนมาจนทุกวันนี้
ทำไม “อลัชชีแดง” และ “แกนนำแดง” ทั้งหลาย จึงไม่รอให้ “เด็จช่วง” กับ “อลัชชีโยเย” และพวก ที่ทำเรื่องไม่โปร่งใสทั้งทางธรรมและทางโลก สะสางเรื่องให้สะเด็ดน้ำเสียก่อนว่า-ผิดหรือไม่ผิด? โดย “เด็จช่วง” ถูกทางการตั้งข้อกล่าวหา เรื่อง “รถเบนซ์โบราณ” ในครอบครองไม่โปร่งใส! ส่วน “อลัชชีโยเย” ถูกทางการออกหมายจับ เรื่องร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร!
เพราะถ้า “เด็จช่วง” ไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหา ก็จะได้เป็น “พระสังฆราช” อย่างสง่างามไงล่ะ
แต่ถ้า “เด็จช่วง” ผิดจริง! ก็ “อย่าแกล้งห่วงและแกล้งโง่” ว่า พระสงฆ์กับพุทธศาสนาจะล่มสลาย กับการที่ “เด็จช่วง” ไม่ได้เป็น “พระสังฆราช” นะเฟ้ย!
เพราะชาติไทยมีพระเถรอีกหลายองค์ ที่เป็น “พระสังฆราช” ได้นี่นา..จริงไหม?
พวกที่ทำท่า “ลงแดง” จะเป็นจะตายกันเป็นแถวนั้น เห็นจะมีแต่ “พวกอลัชชีแดง” กับ “แกนนำเสื้อแดง” บางคนเท่านั้นแหละ เพราะไม่ได้ “พรรคพวกของตน” เป็นใหญ่ใน “ศาสนจักร” ไว้ช่วยเลื่อนตำแหน่งพระพวกตน! กับ “เอาหูไปนาเอาตาไปไร่” กับการต้มตุ๋นเงินทองชาวพุทธ ได้อย่างสะดวกดาย..
การได้เป็น “พระสังฆราชฯ” ของ “เด็จช่วง” นั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด ของบรรดาแกนนำ “โล้นแดงห่มเหลือง” และ “แดงปล้นชาติและล้มเจ้า” ที่อยากยึดอำนาจ “อาณาจักร” จึงมี “โล้นแดงอันธพาล” ออกมาขู่ฟ่อๆใส่ “นายกฯตู่” ให้ตั้ง “เด็จช่วง” เป็น “พระสังฆราชฯ” โดยไว มิฉะนั้น..จะนำขบวนการโล้นซ่าออกมาปะฉะดะ..
“นายกฯตู่” รู้อ๊ะป่าวว่า..พระสงฆ์ที่ทำตัวไม่เหมาะจะเป็นพระ และพวกอลัชชี-พระปลอม-แก๊งต้มตุ๋นห่มผ้าเหลือง กลัวอะไรมากที่สุดในชีวิต?
คำตอบ คือ กลัวถูกทางการจับสึก และกลัวโดนจับยัดใส่คุก!
คนชั่วพวกนี้-หากไม่อยู่ในคราบผ้าเหลือง ก็ใช้ความเป็น “พระปลอม” หลอกต้มผู้คนไม่ได้ แถมไม่รู้จะทำอาชีพอะไรหาเงินมาเลี้ยงชีพ! ถ้าติดคุก.. ก็หมดอนาคตทันที!
ในยุค “พระเจ้าอโศก” ศาสนามิได้เสื่อมศรัทธา แต่วงการสงฆ์เสื่อมทรามทั้งศีลทั้งธรรม ด้วยพระสงฆ์มากมายทำตัวไม่เหมาะสม ต่อการเป็นพระสงฆ์ที่ดี แถมวงการสงฆ์ยังเต็มไปด้วย “อลัชชี” ใช้ “พุทธปลอม” ทำมาหากินหลอกลวงผู้คนไม่ต่างจากยุคนี้!
เหตุการณ์ครั้งนั้น..ทำให้ “ศาสนจักร” อ่อนแอยิ่งนัก “พระเจ้าอโศก” ผู้มีอำนาจใน “อาณาจักร” จึงต้องลงมาสังคายนา จับพระที่ไม่เป็นพระและพวกอลัชชีสึกเป็นจำนวนมาก
นั่นมิใช่เรื่อง “อาณาจักร” แทรกแซง “ศาสนจักร” แต่เป็นเรื่อง “อาณาจักร” ใช้อำนาจที่เป็นธรรม ค้ำจุน “ศาสนจักร” ขจัด “มหันตภัยมารศาสนา” จนวงการสงฆ์ยุคนั้นสะอาดขึ้น ทำให้ผู้คนเลื่อมใสศรัทธาในพระสงฆ์และพุทธศาสนาเพิ่มเป็นทวีคูณ
ความฉาวโฉ่มากมายของพระสงฆ์ใหญ่น้อย ทำให้ผู้คนไทยทั้งชาติมีคำถามโตๆถึง “นายกฯตู่” ว่า ถึงเวลาต้องสังคายนาพระสงฆ์ไทยแล้วหรือยัง? เพราะ “มหาเถรฯ” หรือ “รัฐบาลพระ” ไร้ประสิทธิภาพที่จะดูแลวงการสงฆ์ให้ดีขึ้นแล้ว..จริงไหม?
ถึงขนาดพระสงฆ์ใหญ่น้อยจำนวนเพียงหยิบมือที่มีอำนาจ ไม่รู้แม้กระทั่งว่า..
“สมเด็จพระสังฆราชฯ” มิได้เป็นแค่ “หลักธรรม” ของพระสงฆ์ไทยเท่านั้น หากแต่ “สมเด็จพระสังฆราช” ทรงเป็น “เสาหลักพุทธศาสนา” ของแผ่นดินไทย และปวงชนชาวไทยอีกด้วย ดังนั้น “สมเด็จพระสังฆราช” จึงต้องสะอาดบริสุทธิ์ ไร้ซึ่งมลทินทั้งทางโลกและทางธรรม..
เพราะงานนี้..ไม่ใช่เรื่องตั้ง “สังฆราช” ของ “พวกอลัชชีโล้นแดง” และ “พวกแดงปล้นชาติล้มเจ้า” ..นะจ๊ะ..เอ๊ย!..นะโว้ย!!!
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
ขอกราบคารวะด้วยจิตนอบน้อมจากใจจริง ต่อพระสงฆ์ส่วนใหญ่ที่เดินอยู่บนเส้นทางธรรม ของพระพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัดและมั่นคง!
ศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตเรา-ก็คือ-แพ้ภัยตัวเอง! การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตเรา-ก็คือ- การหลอกลวง! การสิ้นสุดความเป็นมนุษย์-ก็คือ-ถูกความโลภไม่รู้จักพอครอบงำ!
สามสิ่งข้างต้น.. เป็นต้นเหตุทำลายคุณค่ามนุษย์ที่มีคุณธรรม เปลี่ยน “มนุษย์” มากมายให้เป็นเยี่ยง “สัตว์เดรัจฉาน” มาแล้ว!
วงการสงฆ์ภายหลังพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน องค์พระศาสดาทรงให้ยึดพระธรรมคำสอน-นำปัญญา และใช้พระธรรมวินัย 227 ข้อ-มาปฏิบัติ
แม้จะอยู่ในยุคสังคมเสื่อมทรามด้วยทุนสามานย์ ที่ยึด “เงินเป็นพระเจ้า” แต่พระสงฆ์ที่ยึดธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ มิได้หลงทางไปกับเงินทองและวัตถุรอบตัว หากแต่ยังคงยึดมั่นในพระธรรมคำสอนและปฏิบัติตามพระธรรมวินัย 227 ข้อ ที่เป็น “มรดกธรรมอันล้ำค่า” ของพระพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งเผยแผ่พระธรรมโดยมิรู้เหน็ดเหนื่อย ให้ผู้คนได้เข้าใจในต้นเหตุปัญหาแห่งทุกข์ และดับทุกข์ด้วยธรรมปัญญา นั่นทำให้พระสงฆ์และพุทธศาสนาของชาติไทย มีพระอรหันต์มากมายทั้งในอดีตและปัจจุบัน
แต่ก็มี “พระสงฆ์” ที่ปฏิบัติตนมิใช่พระสงฆ์ กับเหล่าอลัชชีจำนวนหนึ่ง ตกเป็นทาสอำนาจ-ลาภยศ-เงินทองและวัตถุสารพัด ฯลฯ จมอยู่ในกิเลสไม่รู้จักพอ ได้กระทำในสิ่งที่พระสงฆ์มิพึงกระทำ เช่น บิดเบือนคำสอน และทำผิดต่อพระธรรมวินัยขององค์พระศาสดา เพื่อโกยประโยชน์ใส่ตนและพวกพ้อง เช่น
บ้างคลั่ง “รถหรู” จนแอบ “สนองความอยาก” แบบผิดๆ ด้วย “รถหรูหนีภาษี”! บ้างใช้เงินต้มตุ๋นผู้คนมาสร้างและซื้อวัด ที่ใหญ่โตมโหฬารยิ่งกว่าเวียงวัง ทั้งในและต่างประเทศ แถมยังบุกที่ดินเขตป่าเขาเพื่อสร้างวัด ฯลฯ ทั้งนี้เพรา ะ “โล้นคราบพระใหญ่น้อย” ดังกล่าว ลุ่มหลงในยศศักดิ์-เงินทอง-วัตถุสารพัด จน “โล้นคราบพระบางคน” มีเงินและทรัพย์สินนับแสนล้านบาท!
จริยวัตรอันไม่บังควรดังกล่าว ได้เปลี่ยนพระสงฆ์ให้เป็นอลัชชีไปแล้ว เพราะทำผิดทั้ง “ทางโลก” และ “ทางธรรม” นั่นเอง
แต่ “เถรสมาคม” หรือ “รัฐบาลพระ” ไร้ประสิทธิภาพ ที่จะจัดการกับพระสงฆ์ซึ่งมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม รวมทั้งไม่จัดการลงโทษอลัชชี-พระปลอม-นักตุ้มตุ๋นในคราบผ้าเหลือง ทำให้พระสงฆ์ดีๆ จำนวนมหาศาล ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงไปโดยปริยาย
ความอยากเป็นใหญ่ใน “อาณาจักร” เพื่อปฏิบัติการโกงชาติ ทำให้ “ทักษิณ” ที่รวยโดยไม่โปร่งใส ทุ่มเงินจ้าง “ผีหัวดำหัวทอง-โม่แป้ง” จำนวนมากมาย ให้ทำงานชั่วๆ ในการโค่นล้มฝ่ายตรงข้าม ทั้งที่มาจากการเลือกตั้งและการรัฐประหาร เช่นรัฐบาล “หล่อจ้อเก่ง” กับ “บังเละ” รวมทั้งรัฐบาลเผด็จการทหาร “บิ๊กตู่” ในปัจจุบัน
ทำให้แกนนำแดงทั้งหลาย-สู้แล้วรวย! เพราะมีงานมากมายทั้งลับและเปิดเผย เช่น เรื่อง “ลงประชามติรัฐธรรมนูญ” ในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ให้ชูคอเสนอหน้าเคลื่อนไหวทำเงินกันอู้ฟู่..
ส่วนการผลักดัน “พระสายสะสมทรัพย์” ขึ้นเป็นใหญ่ใน “ศาสนจักร” เพื่อบรรดาพระที่มีพฤติกรรมไม่สมความเป็นพระบ้าง พวกโล้นอลัชชีหรือพระปลอมบ้าง พวกสมีบ้าง พวกโล้นต้มตุ๋นบ้าง จะได้หลอกต้มตุ๋นพุทธศาสนิกชนที่ไม่เท่าทันในเล่ห์ร้าย ดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง
โดยไม่ต้องกังวลหรือสนใจว่า ความผิดทาง “ศาสนจักร” จะถูกลงโทษ ด้วยมี “รัฐบาลพระ” ที่จงใจ “เอาหูไปนาเอาตาไปไร่” เชี่ยวชาญกับการ “ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน” ดังกรณี “ศิษย์อลัชชีโยเย” ทำผิดทั้งทางโลกและทางธรรม แต่ “จารย์ช่วง” ทำเฉยให้เห็นเป็นตัวอย่างดังทุกวันนี้
นั่นยังไม่รวมฐานะของ “พระอุปัชฌาย์” ที่ปล่อยปละให้ “ศิษย์โยเย” คลุมผ้าเหลือง ต้มตุ๋นผู้คนมาจนทุกวันนี้ ที่ต้องอาบัติปาราชิกไปตั้งนานแล้ว นับแต่มีพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อน ระบุเรื่อง “อลัชชีโยเย” มีความผิดที่โกงเงินวัด 900 กว่าล้านบาท ไปเป็นสมบัติส่วนตัว
จากวันนั้นจนวันนี้ “เด็จช่วง” ไม่ได้ทำตามพระลิขิตฯ ไม่ได้จับ “ศิษย์อลัชชีโยเย” สึก แถมยังปล่อยให้ “อลัชชีโยเย” ต้มตุ๋นพุทธศาสนิกชนมาจนทุกวันนี้
ทำไม “อลัชชีแดง” และ “แกนนำแดง” ทั้งหลาย จึงไม่รอให้ “เด็จช่วง” กับ “อลัชชีโยเย” และพวก ที่ทำเรื่องไม่โปร่งใสทั้งทางธรรมและทางโลก สะสางเรื่องให้สะเด็ดน้ำเสียก่อนว่า-ผิดหรือไม่ผิด? โดย “เด็จช่วง” ถูกทางการตั้งข้อกล่าวหา เรื่อง “รถเบนซ์โบราณ” ในครอบครองไม่โปร่งใส! ส่วน “อลัชชีโยเย” ถูกทางการออกหมายจับ เรื่องร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร!
เพราะถ้า “เด็จช่วง” ไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหา ก็จะได้เป็น “พระสังฆราช” อย่างสง่างามไงล่ะ
แต่ถ้า “เด็จช่วง” ผิดจริง! ก็ “อย่าแกล้งห่วงและแกล้งโง่” ว่า พระสงฆ์กับพุทธศาสนาจะล่มสลาย กับการที่ “เด็จช่วง” ไม่ได้เป็น “พระสังฆราช” นะเฟ้ย!
เพราะชาติไทยมีพระเถรอีกหลายองค์ ที่เป็น “พระสังฆราช” ได้นี่นา..จริงไหม?
พวกที่ทำท่า “ลงแดง” จะเป็นจะตายกันเป็นแถวนั้น เห็นจะมีแต่ “พวกอลัชชีแดง” กับ “แกนนำเสื้อแดง” บางคนเท่านั้นแหละ เพราะไม่ได้ “พรรคพวกของตน” เป็นใหญ่ใน “ศาสนจักร” ไว้ช่วยเลื่อนตำแหน่งพระพวกตน! กับ “เอาหูไปนาเอาตาไปไร่” กับการต้มตุ๋นเงินทองชาวพุทธ ได้อย่างสะดวกดาย..
การได้เป็น “พระสังฆราชฯ” ของ “เด็จช่วง” นั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด ของบรรดาแกนนำ “โล้นแดงห่มเหลือง” และ “แดงปล้นชาติและล้มเจ้า” ที่อยากยึดอำนาจ “อาณาจักร” จึงมี “โล้นแดงอันธพาล” ออกมาขู่ฟ่อๆใส่ “นายกฯตู่” ให้ตั้ง “เด็จช่วง” เป็น “พระสังฆราชฯ” โดยไว มิฉะนั้น..จะนำขบวนการโล้นซ่าออกมาปะฉะดะ..
“นายกฯตู่” รู้อ๊ะป่าวว่า..พระสงฆ์ที่ทำตัวไม่เหมาะจะเป็นพระ และพวกอลัชชี-พระปลอม-แก๊งต้มตุ๋นห่มผ้าเหลือง กลัวอะไรมากที่สุดในชีวิต?
คำตอบ คือ กลัวถูกทางการจับสึก และกลัวโดนจับยัดใส่คุก!
คนชั่วพวกนี้-หากไม่อยู่ในคราบผ้าเหลือง ก็ใช้ความเป็น “พระปลอม” หลอกต้มผู้คนไม่ได้ แถมไม่รู้จะทำอาชีพอะไรหาเงินมาเลี้ยงชีพ! ถ้าติดคุก.. ก็หมดอนาคตทันที!
ในยุค “พระเจ้าอโศก” ศาสนามิได้เสื่อมศรัทธา แต่วงการสงฆ์เสื่อมทรามทั้งศีลทั้งธรรม ด้วยพระสงฆ์มากมายทำตัวไม่เหมาะสม ต่อการเป็นพระสงฆ์ที่ดี แถมวงการสงฆ์ยังเต็มไปด้วย “อลัชชี” ใช้ “พุทธปลอม” ทำมาหากินหลอกลวงผู้คนไม่ต่างจากยุคนี้!
เหตุการณ์ครั้งนั้น..ทำให้ “ศาสนจักร” อ่อนแอยิ่งนัก “พระเจ้าอโศก” ผู้มีอำนาจใน “อาณาจักร” จึงต้องลงมาสังคายนา จับพระที่ไม่เป็นพระและพวกอลัชชีสึกเป็นจำนวนมาก
นั่นมิใช่เรื่อง “อาณาจักร” แทรกแซง “ศาสนจักร” แต่เป็นเรื่อง “อาณาจักร” ใช้อำนาจที่เป็นธรรม ค้ำจุน “ศาสนจักร” ขจัด “มหันตภัยมารศาสนา” จนวงการสงฆ์ยุคนั้นสะอาดขึ้น ทำให้ผู้คนเลื่อมใสศรัทธาในพระสงฆ์และพุทธศาสนาเพิ่มเป็นทวีคูณ
ความฉาวโฉ่มากมายของพระสงฆ์ใหญ่น้อย ทำให้ผู้คนไทยทั้งชาติมีคำถามโตๆถึง “นายกฯตู่” ว่า ถึงเวลาต้องสังคายนาพระสงฆ์ไทยแล้วหรือยัง? เพราะ “มหาเถรฯ” หรือ “รัฐบาลพระ” ไร้ประสิทธิภาพที่จะดูแลวงการสงฆ์ให้ดีขึ้นแล้ว..จริงไหม?
ถึงขนาดพระสงฆ์ใหญ่น้อยจำนวนเพียงหยิบมือที่มีอำนาจ ไม่รู้แม้กระทั่งว่า..
“สมเด็จพระสังฆราชฯ” มิได้เป็นแค่ “หลักธรรม” ของพระสงฆ์ไทยเท่านั้น หากแต่ “สมเด็จพระสังฆราช” ทรงเป็น “เสาหลักพุทธศาสนา” ของแผ่นดินไทย และปวงชนชาวไทยอีกด้วย ดังนั้น “สมเด็จพระสังฆราช” จึงต้องสะอาดบริสุทธิ์ ไร้ซึ่งมลทินทั้งทางโลกและทางธรรม..
เพราะงานนี้..ไม่ใช่เรื่องตั้ง “สังฆราช” ของ “พวกอลัชชีโล้นแดง” และ “พวกแดงปล้นชาติล้มเจ้า” ..นะจ๊ะ..เอ๊ย!..นะโว้ย!!!