“สอดแนมการเมือง”
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
“ผ้าเหลือง” บนร่าง “มนุษย์หัวโล้น” มิได้บ่งบอกว่า..มนุษย์ผู้นั้นเป็น “พระ” เสมอไป!
ที่สำคัญมิได้บอกว่า “มนุษย์โล้นห่มเหลือง” เป็น “คนดี” หรือ “คนชั่ว” ดังนั้นปุถุชนทั้งหลายพึงตั้งมั่นบนหลักคิดที่ว่า “ผ้าเหลือง” กับ “หัวโล้น” ไม่ใช่ “เนื้อแท้” ของ “มนุษย์” ผลงานกับการกระทำต่างหาก ที่บอกให้รู้ว่า “มนุษย์-ตนใดดี-ตนใดชั่ว”
ถ้า “คนดี” บวช “พระ” วงการสงฆ์ไทยก็จะได้พระดี ผู้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย และเผยแผ่พระธรรมขององค์พระศาสดา ให้พุทธศาสนิกชนเข้าใจในธรรมอย่างถูกต้อง
“พระดี” จึงมีค่ายิ่งต่อพุทธศาสนา และพึงเคารพนบไหว้ด้วยใจกระจ่างใส!
กลับกัน..เมื่อ “คนชั่ว” เห็นช่องทางทำกินในคราบ “พระ” และ“พุทธ” ปลอม หลอกลวง “ผองบัวใต้น้ำ” ให้หลงผิด หลงทุ่มเงินทองทรัพย์สินทำบุญทำทานแบบผิดๆ ให้กับขบวนการ “คนชั่วต้มตุ๋น” ในร่าง “พระปลอม” โดยหวังทั้งบุญและจรรโลงศาสนาให้รุ่งเรือง
ทว่าแทนการรับ “บุญ” เหล่า “บัวใต้น้ำ” กลับได้ “บาป” ตอบแทน เพราะทรัพย์สินเงินทองมหาศาลไปเข้ากระเป๋า “พระปลอมต้มตุ๋น” กับพวก กลายเป็นว่า “บัวใต้น้ำ ทั้งหลาย” มีส่วนร่วมทำลายวงการสงฆ์และพุทธศาสนา
ดังนั้น พุทธบริษัททั้งหลาย จะต้องไม่สมาคมกับ “พระปลอมต้มตุ๋น” และร่วมกับผู้มีหน้าที่ปกป้อง พุทธศาสนา ด้วยการขจัด “พวกมารศาสนา” ให้หมดไปจากวงการสงฆ์โดยเร็วที่สุด
เพราะการทำชั่วของ “ขบวนการพระปลอมต้มตุ๋น” นั้น เป็นอันตรายร้ายแรงต่อ ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์และประชาชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม
การที่ “พระปลอมต้มตุ๋น” มากมาย ยังหลอกลวง “พวกบัวใต้น้ำ” ยังทำผิดทั้งพระธรรมวินัย และกฎหมายบ้านเมืองอยู่ได้จนทุกวันนี้ โดยไม่แยแส “เถรสมาคม” แม้แต่น้อย ก็เพราะมีอิทธิพลเหนือพระผู้ใหญ่บางกลุ่ม ที่แอบให้การหนุนหลังอยู่นั่นเอง เช่น
การต้มตุ๋นระดับชาติโดย “โล้นเหลืองจานบิน” นั้น มี “พระเถร” ส่วนหนึ่งให้การช่วยเหลืออย่างลับๆ เพื่อให้ “ผู้นำโล้นจานบิน” ออกหน้าต้มตุ๋นหลอกลวง “บัวใต้น้ำ” สารพัดวิธี ให้หลงทำบุญทำทานกับขบวนการต้มตุ๋นอย่างเต็มที่
สินค้า “พุทธปลอม” ยอดขายติดอันดับหนึ่งใน “วัดจานบิน” คือ “ทัวร์สวรรค์” กับ “ฆ้อนเคาะประตูสวรรค์”
งานนี้.. จึงต้องปั้นแต่งให้ “ผู้นำโล้นจานบิน” เป็นผู้มีอภินิหารแบบสุดติ่งกระดิ่งแมวกันเลยล่ะ นั่นคือ หายตัวไปโน่นนี่ได้! เหาะเหินเดินอากาศได้ทุกรูปแบบ..ชนิดขึ้นสวรรค์และลงนรกได้หมดนะจ๊ะ! แถมจะหิ้วปีกใครขึ้นสวรรค์ก็ได้อีกด้วย..ว้าว!..
อ้อ!..ที่สำคัญ “ท่านผู้บัญชาการจานบิน” ยังมีอภิสิทธิ์ หอบหิ้วทั้งคนดีและคนชั่วขึ้นสวรรค์ได้ด้วย เพียงจ่ายเงินให้ “ท่านผู้นำวัดจานบิน” เท่านั้น..นะจ๊ะ..
เพื่อต้มตุ๋น “บัวใต้น้ำ” หลงผิดจนโงหัวไม่ขึ้น “ท่านผู้นำจานบิน” จึงโม้แหลก ซึ่งผิดต่อพระธรรมวินัย และผิดคำสอนพระพุทธเจ้าอย่างชัดแจ้ง สุดท้ายยังทำผิดกฎหมายบ้านเมืองอีกด้วย
โดย นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีต ปธ.คกก. การปฏิรูปแนวทางและมาตราการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ และ นพ.ดร.มโน เลาหวณิช อจ.วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มธ. ได้ไปยื่นหนังสือกล่าวหา
พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) ได้อวดอุตริมนุสธรรม ล่วงละเมิดพระธรรมวินัย อันเป็นครุกาบัติต่อ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้พิจารณาชั้นต้น และพระราชวิสุทธิเวที (สายชล ฐานวุฑโฒ ปธ.9) เจ้าคณะภาค 1 ในฐานะผู้พิจารณาชั้นต้น ที่วัดพิชยญาติการาม ระบุว่า
“ผู้นำโล้นจานบิน” อวดอุตริมนุสธรรมเหนือจริงยิ่งกว่าอิงนิยายว่า ได้ขึ้นไป “เฮลโหล-เยส-โน-โอเค” กับ “มิสเตอร์ สตีฟ จอบส์” เจ้าพ่อแอปเปิ้ล บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกามาแล้วนะจ๊ะ!
จากนั้นยังโม้แบบ “เฮียๆ” ชนิด “นรกกินหัว” ว่า ได้พบเห็น “ท่านพุทธทาสภิกขุ” ตกอยู่ในนรก เพราะสอนธรรมะผิด และเป็นมิจฉาทิฏฐิ! อีกทั้งได้พบเห็น “พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต” อยู่ในนรกด้วย เพราะหลงว่าตนเป็นพระอรหันต์!! “ผู้นำโล้นจานบิน” จึงช่วย “ท่านพุทธทาส” และ “อาจารย์มั่น” ขึ้นจากนรก มาบำเพ็ญบารมีต่อที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์!!!
ที่ชั่วช้าสามานย์จนกู่ไม่กลับ คือ “ผู้นำโล้นจานบิน” แอบอ้างว่า ได้ขึ้นสวรรค์ไปตักบาตรกับพระพุทธเจ้ามาแล้ว! แถมยังโกหกหน้าด้านๆ ว่า ตนเป็นต้นธาตุต้นธรรม เป็นพระพุทธเจ้า ทั้งฝ่ายโปรดและฝ่ายปราบ เหนือกว่าพระพุทธเจ้าธรรมดา ตนจึงสามารถให้ธรรมแก่ผู้ใด ให้บรรลุธรรมกาย หรือปราบจับขังไว้ในตู้เซฟ ไม่ให้ได้ผุดได้เกิดก็ได้..ว้าว!..
แต่การโกหกของ “ผู้นำโล้นจานบิน” ดันกลายเป็น “ตาตี๋-ตกต้นตาล-ตอตำตูด-ตายใต้ต้นตาล” เพราะไปโม้ว่า นายชาติชาย โรจน์กิรติการ ตายแล้ว และไปเกิดบนสวรรค์ชั้นที่ 2 แต่ความจริงนายชาติชายฯ ยังไม่ได้เสียชีวิต (น้าชาย-นายสมคะเน ยอดพราหมณ์-พยาน)
แสดงว่า “ผู้นำโล้นจานบิน” ไม่มีฤทธิ์เดช ไม่ใช่ผู้วิเศษ แท้จริงเป็น “มนุษย์ขี้เหม็น” ธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น..ข้อยเว้าแม่นบ่?..
แถมยังเป็น “อลัชชีโยเย” ที่ยักยอกทรัพย์ “วัดจานบิน” ไปเป็นสมบัติส่วนตัวอย่างหน้าด้านๆ ต้องขึ้นศาลจนเป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วชาติไทย จนศาลใกล้จะตัดสินชี้ขาดอยู่รอมร่อ “อลัชชีโยเย” ถึงยอม“คาย”ทรัพย์ที่ฉ้อฉลคืนให้กับทางวัด ก่อนที่อัยการสูงสุดจะถอนคดีออกจากศาลฯ
แต่ความผิดต่อพระธรรมวินัย ต่อ พ.ร.บ.สงฆ์ ต่อกฎหมายบ้านเมือง ได้กระทำอย่างครบถ้วนแล้ว! สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ในขณะนั้น จึงมีพระลิขิตหลายฉบับระบุชัดว่า “ผู้นำโล้นจานบิน” อาบัติต้องปาราชิกไปนานแล้วนะจ๊ะ..
ทว่า “ผู้นำโล้นจานบิน” มีอิทธิพลอย่างสูง ทั้งต่อผู้นำอาณาจักรและศาสนจักร จึงไม่มีผู้มีอำนาจทั้ง “หัวดำ-หัวโล้น” ออกมาระงับและลงโทษขบวนการต้มตุ๋นใดๆเลย
ทั้งๆที่ “ผู้นำโล้นจานบิน” ทำผิดสารพัด ชนิดโจ่งแจ้ง-ครึกโครม-ยาวนาน โดยเฉพาะในยุค “ตักขี้” กับเครือข่ายเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ได้มีการแต่งตั้งให้ “สมเด็จฯเกี่ยว” เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช
แต่ด้วย “ผู้นำโล้นจานบิน” เกื้อหนุนดูแล “พระขาโจ๋” ทั้งลับและเปิดเผยมาตลอด ทำให้พระเถรจำนวนหนึ่ง กลายเป็น “พระอิฐพระปูน” ไม่รู้ร้อนรู้หนาว จนไร้การลงโทษและจับสึก “อลัชชีจานบิน” จนกระทั่ง “สมเด็จฯเกี่ยว” ม้วยมรณาลาก่อนตลอดกาล
“สมเด็จฯช่วง” ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ของ “ผู้นำโล้นจานบิน” จึงรับช่วงตำแหน่งต่อจาก “สมเด็จฯเกี่ยว” แต่ “สมเด็จฯช่วง” อาจจะยุ่งอยู่กับคดีความ “รถเบนซ์โบราณ” ก็ได้ จึงยังคงปล่อยให้ “อลัชชีโยเย” ใช้ “จานบิน” ต้มตุ๋นบรรดา “บัวใต้น้ำ” อยู่จนกระทั่งทุกวันนี้
การ “ต้มตุ๋น-บัวใต้น้ำ” ที่ผิดพระธรรมวินัย ผิดหลักพุทธศาสนา ผิดกฎหมายบ้านเมืองอย่างเปิดเผยยังกระทำต่อเนื่องมาได้ เพราะมีการนำทรัพย์สินเงินทอง ไปแบ่งปันในหมู่พวกพ้องอย่างกว้างขวาง ชนิดได้ประโยชน์กันถ้วนทั่ว ทั้งเณรทั้งพระเล็กพระน้อย รวมทั้งพระใหญ่พระบิ๊กเบิ้ม และพระปลอม!
ด้วยข้ออ้างทำกิจกรรมเกี่ยวกับพระสงฆ์ และวันสำคัญทางพุทธศาสนา จากการจัดอีเว้นท์ “ขายสวรรค์” ให้กับ “ชาวบัวใต้น้ำ” ทุกระดับประทับใจ
โดยเฉพาะการเดิน “ธุดงค์จอมปลอม” ย่ำเหยียบดอกไม้ ท่ามกลางเสียงก่นด่าไปทั่วเมือง เพราะทำให้รถติดหนักผู้คนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า แต่กลับมี “พระเถร” ออกปากชมว่า อายุชราภาพปูนนี้..เพิ่งจะได้ย่ำบนดอกไม้..โอ..ช่างนุ่มเท้าดีแท้..ว้าว..!
แต่ความเหิมเกริมและอหังการของ “อลัชชีโยเย” ที่ไม่เกรงกลัวต่อ “รัฐบาลสงฆ์” หรือ “มหาเถรสมาคม” ต้องเผชิญกับการเสื่อมศรัทธาอย่างหนัก เพราะ “ผู้นำโล้นจานบิน” ร่วมกับ “คนชั่วหัวดำ” ได้โกงเงินของชาวบ้านที่ฝากไว้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เป็นจำนวนมากกว่าหมื่นล้านบาท
แม้จะมากผลงานต้มตุ๋นผู้คน จนมีทรัพย์สินเงินทองมหาศาล แต่ “ผู้นำโล้นจานบิน” ผู้เคยยิ่งใหญ่เหนือผู้มีอำนาจ ทั้งทางโลกและทางธรรมมาตลอด ยังคงเปี่ยมความโลภไม่รู้จักพอ ซึ่งบัดนี้..ได้ตกเป็น “ผู้ต้องหาร่วมกันรับของโจรกับฟอกเงิน” เข้าจังเบอร์..
ว้าว! กรรมติด “จานบิน”!! กำลัง(ตามสนอง)พุ่งชน “อลัชชีโยเย”!!!
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
“ผ้าเหลือง” บนร่าง “มนุษย์หัวโล้น” มิได้บ่งบอกว่า..มนุษย์ผู้นั้นเป็น “พระ” เสมอไป!
ที่สำคัญมิได้บอกว่า “มนุษย์โล้นห่มเหลือง” เป็น “คนดี” หรือ “คนชั่ว” ดังนั้นปุถุชนทั้งหลายพึงตั้งมั่นบนหลักคิดที่ว่า “ผ้าเหลือง” กับ “หัวโล้น” ไม่ใช่ “เนื้อแท้” ของ “มนุษย์” ผลงานกับการกระทำต่างหาก ที่บอกให้รู้ว่า “มนุษย์-ตนใดดี-ตนใดชั่ว”
ถ้า “คนดี” บวช “พระ” วงการสงฆ์ไทยก็จะได้พระดี ผู้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย และเผยแผ่พระธรรมขององค์พระศาสดา ให้พุทธศาสนิกชนเข้าใจในธรรมอย่างถูกต้อง
“พระดี” จึงมีค่ายิ่งต่อพุทธศาสนา และพึงเคารพนบไหว้ด้วยใจกระจ่างใส!
กลับกัน..เมื่อ “คนชั่ว” เห็นช่องทางทำกินในคราบ “พระ” และ“พุทธ” ปลอม หลอกลวง “ผองบัวใต้น้ำ” ให้หลงผิด หลงทุ่มเงินทองทรัพย์สินทำบุญทำทานแบบผิดๆ ให้กับขบวนการ “คนชั่วต้มตุ๋น” ในร่าง “พระปลอม” โดยหวังทั้งบุญและจรรโลงศาสนาให้รุ่งเรือง
ทว่าแทนการรับ “บุญ” เหล่า “บัวใต้น้ำ” กลับได้ “บาป” ตอบแทน เพราะทรัพย์สินเงินทองมหาศาลไปเข้ากระเป๋า “พระปลอมต้มตุ๋น” กับพวก กลายเป็นว่า “บัวใต้น้ำ ทั้งหลาย” มีส่วนร่วมทำลายวงการสงฆ์และพุทธศาสนา
ดังนั้น พุทธบริษัททั้งหลาย จะต้องไม่สมาคมกับ “พระปลอมต้มตุ๋น” และร่วมกับผู้มีหน้าที่ปกป้อง พุทธศาสนา ด้วยการขจัด “พวกมารศาสนา” ให้หมดไปจากวงการสงฆ์โดยเร็วที่สุด
เพราะการทำชั่วของ “ขบวนการพระปลอมต้มตุ๋น” นั้น เป็นอันตรายร้ายแรงต่อ ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์และประชาชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม
การที่ “พระปลอมต้มตุ๋น” มากมาย ยังหลอกลวง “พวกบัวใต้น้ำ” ยังทำผิดทั้งพระธรรมวินัย และกฎหมายบ้านเมืองอยู่ได้จนทุกวันนี้ โดยไม่แยแส “เถรสมาคม” แม้แต่น้อย ก็เพราะมีอิทธิพลเหนือพระผู้ใหญ่บางกลุ่ม ที่แอบให้การหนุนหลังอยู่นั่นเอง เช่น
การต้มตุ๋นระดับชาติโดย “โล้นเหลืองจานบิน” นั้น มี “พระเถร” ส่วนหนึ่งให้การช่วยเหลืออย่างลับๆ เพื่อให้ “ผู้นำโล้นจานบิน” ออกหน้าต้มตุ๋นหลอกลวง “บัวใต้น้ำ” สารพัดวิธี ให้หลงทำบุญทำทานกับขบวนการต้มตุ๋นอย่างเต็มที่
สินค้า “พุทธปลอม” ยอดขายติดอันดับหนึ่งใน “วัดจานบิน” คือ “ทัวร์สวรรค์” กับ “ฆ้อนเคาะประตูสวรรค์”
งานนี้.. จึงต้องปั้นแต่งให้ “ผู้นำโล้นจานบิน” เป็นผู้มีอภินิหารแบบสุดติ่งกระดิ่งแมวกันเลยล่ะ นั่นคือ หายตัวไปโน่นนี่ได้! เหาะเหินเดินอากาศได้ทุกรูปแบบ..ชนิดขึ้นสวรรค์และลงนรกได้หมดนะจ๊ะ! แถมจะหิ้วปีกใครขึ้นสวรรค์ก็ได้อีกด้วย..ว้าว!..
อ้อ!..ที่สำคัญ “ท่านผู้บัญชาการจานบิน” ยังมีอภิสิทธิ์ หอบหิ้วทั้งคนดีและคนชั่วขึ้นสวรรค์ได้ด้วย เพียงจ่ายเงินให้ “ท่านผู้นำวัดจานบิน” เท่านั้น..นะจ๊ะ..
เพื่อต้มตุ๋น “บัวใต้น้ำ” หลงผิดจนโงหัวไม่ขึ้น “ท่านผู้นำจานบิน” จึงโม้แหลก ซึ่งผิดต่อพระธรรมวินัย และผิดคำสอนพระพุทธเจ้าอย่างชัดแจ้ง สุดท้ายยังทำผิดกฎหมายบ้านเมืองอีกด้วย
โดย นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีต ปธ.คกก. การปฏิรูปแนวทางและมาตราการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ และ นพ.ดร.มโน เลาหวณิช อจ.วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มธ. ได้ไปยื่นหนังสือกล่าวหา
พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) ได้อวดอุตริมนุสธรรม ล่วงละเมิดพระธรรมวินัย อันเป็นครุกาบัติต่อ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้พิจารณาชั้นต้น และพระราชวิสุทธิเวที (สายชล ฐานวุฑโฒ ปธ.9) เจ้าคณะภาค 1 ในฐานะผู้พิจารณาชั้นต้น ที่วัดพิชยญาติการาม ระบุว่า
“ผู้นำโล้นจานบิน” อวดอุตริมนุสธรรมเหนือจริงยิ่งกว่าอิงนิยายว่า ได้ขึ้นไป “เฮลโหล-เยส-โน-โอเค” กับ “มิสเตอร์ สตีฟ จอบส์” เจ้าพ่อแอปเปิ้ล บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกามาแล้วนะจ๊ะ!
จากนั้นยังโม้แบบ “เฮียๆ” ชนิด “นรกกินหัว” ว่า ได้พบเห็น “ท่านพุทธทาสภิกขุ” ตกอยู่ในนรก เพราะสอนธรรมะผิด และเป็นมิจฉาทิฏฐิ! อีกทั้งได้พบเห็น “พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต” อยู่ในนรกด้วย เพราะหลงว่าตนเป็นพระอรหันต์!! “ผู้นำโล้นจานบิน” จึงช่วย “ท่านพุทธทาส” และ “อาจารย์มั่น” ขึ้นจากนรก มาบำเพ็ญบารมีต่อที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์!!!
ที่ชั่วช้าสามานย์จนกู่ไม่กลับ คือ “ผู้นำโล้นจานบิน” แอบอ้างว่า ได้ขึ้นสวรรค์ไปตักบาตรกับพระพุทธเจ้ามาแล้ว! แถมยังโกหกหน้าด้านๆ ว่า ตนเป็นต้นธาตุต้นธรรม เป็นพระพุทธเจ้า ทั้งฝ่ายโปรดและฝ่ายปราบ เหนือกว่าพระพุทธเจ้าธรรมดา ตนจึงสามารถให้ธรรมแก่ผู้ใด ให้บรรลุธรรมกาย หรือปราบจับขังไว้ในตู้เซฟ ไม่ให้ได้ผุดได้เกิดก็ได้..ว้าว!..
แต่การโกหกของ “ผู้นำโล้นจานบิน” ดันกลายเป็น “ตาตี๋-ตกต้นตาล-ตอตำตูด-ตายใต้ต้นตาล” เพราะไปโม้ว่า นายชาติชาย โรจน์กิรติการ ตายแล้ว และไปเกิดบนสวรรค์ชั้นที่ 2 แต่ความจริงนายชาติชายฯ ยังไม่ได้เสียชีวิต (น้าชาย-นายสมคะเน ยอดพราหมณ์-พยาน)
แสดงว่า “ผู้นำโล้นจานบิน” ไม่มีฤทธิ์เดช ไม่ใช่ผู้วิเศษ แท้จริงเป็น “มนุษย์ขี้เหม็น” ธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น..ข้อยเว้าแม่นบ่?..
แถมยังเป็น “อลัชชีโยเย” ที่ยักยอกทรัพย์ “วัดจานบิน” ไปเป็นสมบัติส่วนตัวอย่างหน้าด้านๆ ต้องขึ้นศาลจนเป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วชาติไทย จนศาลใกล้จะตัดสินชี้ขาดอยู่รอมร่อ “อลัชชีโยเย” ถึงยอม“คาย”ทรัพย์ที่ฉ้อฉลคืนให้กับทางวัด ก่อนที่อัยการสูงสุดจะถอนคดีออกจากศาลฯ
แต่ความผิดต่อพระธรรมวินัย ต่อ พ.ร.บ.สงฆ์ ต่อกฎหมายบ้านเมือง ได้กระทำอย่างครบถ้วนแล้ว! สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ในขณะนั้น จึงมีพระลิขิตหลายฉบับระบุชัดว่า “ผู้นำโล้นจานบิน” อาบัติต้องปาราชิกไปนานแล้วนะจ๊ะ..
ทว่า “ผู้นำโล้นจานบิน” มีอิทธิพลอย่างสูง ทั้งต่อผู้นำอาณาจักรและศาสนจักร จึงไม่มีผู้มีอำนาจทั้ง “หัวดำ-หัวโล้น” ออกมาระงับและลงโทษขบวนการต้มตุ๋นใดๆเลย
ทั้งๆที่ “ผู้นำโล้นจานบิน” ทำผิดสารพัด ชนิดโจ่งแจ้ง-ครึกโครม-ยาวนาน โดยเฉพาะในยุค “ตักขี้” กับเครือข่ายเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ได้มีการแต่งตั้งให้ “สมเด็จฯเกี่ยว” เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช
แต่ด้วย “ผู้นำโล้นจานบิน” เกื้อหนุนดูแล “พระขาโจ๋” ทั้งลับและเปิดเผยมาตลอด ทำให้พระเถรจำนวนหนึ่ง กลายเป็น “พระอิฐพระปูน” ไม่รู้ร้อนรู้หนาว จนไร้การลงโทษและจับสึก “อลัชชีจานบิน” จนกระทั่ง “สมเด็จฯเกี่ยว” ม้วยมรณาลาก่อนตลอดกาล
“สมเด็จฯช่วง” ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ของ “ผู้นำโล้นจานบิน” จึงรับช่วงตำแหน่งต่อจาก “สมเด็จฯเกี่ยว” แต่ “สมเด็จฯช่วง” อาจจะยุ่งอยู่กับคดีความ “รถเบนซ์โบราณ” ก็ได้ จึงยังคงปล่อยให้ “อลัชชีโยเย” ใช้ “จานบิน” ต้มตุ๋นบรรดา “บัวใต้น้ำ” อยู่จนกระทั่งทุกวันนี้
การ “ต้มตุ๋น-บัวใต้น้ำ” ที่ผิดพระธรรมวินัย ผิดหลักพุทธศาสนา ผิดกฎหมายบ้านเมืองอย่างเปิดเผยยังกระทำต่อเนื่องมาได้ เพราะมีการนำทรัพย์สินเงินทอง ไปแบ่งปันในหมู่พวกพ้องอย่างกว้างขวาง ชนิดได้ประโยชน์กันถ้วนทั่ว ทั้งเณรทั้งพระเล็กพระน้อย รวมทั้งพระใหญ่พระบิ๊กเบิ้ม และพระปลอม!
ด้วยข้ออ้างทำกิจกรรมเกี่ยวกับพระสงฆ์ และวันสำคัญทางพุทธศาสนา จากการจัดอีเว้นท์ “ขายสวรรค์” ให้กับ “ชาวบัวใต้น้ำ” ทุกระดับประทับใจ
โดยเฉพาะการเดิน “ธุดงค์จอมปลอม” ย่ำเหยียบดอกไม้ ท่ามกลางเสียงก่นด่าไปทั่วเมือง เพราะทำให้รถติดหนักผู้คนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า แต่กลับมี “พระเถร” ออกปากชมว่า อายุชราภาพปูนนี้..เพิ่งจะได้ย่ำบนดอกไม้..โอ..ช่างนุ่มเท้าดีแท้..ว้าว..!
แต่ความเหิมเกริมและอหังการของ “อลัชชีโยเย” ที่ไม่เกรงกลัวต่อ “รัฐบาลสงฆ์” หรือ “มหาเถรสมาคม” ต้องเผชิญกับการเสื่อมศรัทธาอย่างหนัก เพราะ “ผู้นำโล้นจานบิน” ร่วมกับ “คนชั่วหัวดำ” ได้โกงเงินของชาวบ้านที่ฝากไว้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เป็นจำนวนมากกว่าหมื่นล้านบาท
แม้จะมากผลงานต้มตุ๋นผู้คน จนมีทรัพย์สินเงินทองมหาศาล แต่ “ผู้นำโล้นจานบิน” ผู้เคยยิ่งใหญ่เหนือผู้มีอำนาจ ทั้งทางโลกและทางธรรมมาตลอด ยังคงเปี่ยมความโลภไม่รู้จักพอ ซึ่งบัดนี้..ได้ตกเป็น “ผู้ต้องหาร่วมกันรับของโจรกับฟอกเงิน” เข้าจังเบอร์..
ว้าว! กรรมติด “จานบิน”!! กำลัง(ตามสนอง)พุ่งชน “อลัชชีโยเย”!!!
