“สอดแนมการเมือง”
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
สังคมไทยกำลังตกต่ำทางด้าน คุณธรรม-จริยธรรม-ศีลธรรม-ความซื่อสัตย์สุจริต ฯลฯ
พระสงฆ์จริง-ต้องปฏิบัติตามพระธรรมวินัย 227 ข้อ ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมือง ต้องมีคุณธรรม-จริยธรรม-ศีลธรรม ฯลฯ เหนือกว่านักการเมืองที่บริหารชาติ และผู้คนในทุกอาชีพในชาติไทย
พระดี-ย่อมได้รับการเคารพนบไหว้จากชาวพุทธทั้งมวล ด้วยน้ำใสใจจริงตราบสิ้นลมหายใจแน่นอน..พระดีไม่มีวันตายจากใจชาวพุทธ
พระโลภ-ไม่ลดไม่ละไม่เลิกไม่หยุดละโมบ สุดท้าย..พระโลภที่มีแต่ “พองหนอ” มักละทิ้งธรรมของพระพุทธเจ้าไปจมปลักในอวิชชา เพื่อกอบโกยอำนาจ-ลาภยศ-ทรัพย์สินจนเสียพระ เลยเป็นแค่ “คนในคราบผ้าเหลือง” ตายอย่างไร้ค่า..
“พระโลภ” บางรูป มีอำนาจในศาสนจักร แต่กลับเป็น“พระ-บัวไม่พ้นน้ำ”! และ “พระ-บัวใต้โคลนตม”! พระโลภจะเห็นกงจักรเป็นดอกบัวเสมอ อาศัยผ้าเหลืองเป็นช่องทางแสวงหา และกอบโกยผลประโยชน์ใส่ตนและพวกพ้องมิรู้จักพอ ถึงกับเป็น“อาจารย์พระ” ที่เห็น “ลูกศิษย์โยเย” ทำผิดกลายเป็นถูก-ทำชั่วกลายเป็นดี!
รู้ทั้งรู้ว่า..“ลูกศิษย์” ใช้คำสอน “พุทธปลอม” บิดเบือนคำสอนขององค์พระศาสดา ต้มตุ๋นเงินทองผู้คนด้วยการโกหกว่า คนดีและคนชั่วก็ “ขึ้นสวรรค์” ได้-ด้วยเงิน!
รู้ทั้งรู้ว่า..“ลูกศิษย์” อวดอุตริมนุสธรรม หลอกผู้คนว่ามีอิทธิฤทธิ์ลงนรก-ขึ้นสวรรค์ได้! แถมช่วยวิญญาณในนรกให้ย้ายไปอยู่บนสวรรค์ได้-ด้วยเงิน! ทั้งยังช่วยวิญญาณที่อยู่ “สวรรค์ชั้นโลโซ” ย้ายไปอยู่ “สวรรค์ชั้นไฮโซ” ได้-ด้วยเงิน! อ้อ!..แต่ต้องเป็นเงินที่บริจาคให้ “ลูกศิษย์โยเย” นะจ๊ะ..!
รู้ทั้งรู้ว่า..“ลูกศิษย์” บังอาจโกหกว่า ได้ขึ้นสวรรค์ไปตักบาตรกับพระพุทธเจ้าแล้ว! ทั้งยังเหิมเกริมดุจดั่งตนเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ ที่เกิดมาเพื่อช่วยมนุษย์!
รู้ทั้งรู้ว่า..“ลูกศิษย์” เคยโกงทรัพย์สินวัดกว่า 900 ล้านบาทไปเป็นของส่วนตัว จนทางการออกหมายจับ แต่ “ลูกศิษย์โยเย”ดื้อด้านไม่ยอมมอบตัว จนถูกพระผู้ใหญ่ที่เที่ยงธรรมหนึ่งในมหาเถรฯ ประกาศจับสึกคาวัดถ้าไม่ยอมมอบตัว นั่นแหละ..จึงยอมจำนนไปมอบตัวและขึ้นศาลฯ
แต่ห้วงที่ “อำนาจรัฐ” ใน “อาณาจักร” อยู่ในกำมือของ “มหาโจรการเมืองตักขี้” ผู้ร่วม “อุดมการณ์โคตรโกง” ในชาติไทย คดีความที่จะถูกศาลตัดสินในอีกไม่กี่วัน ได้ถูกถอนออกมาอย่างกะทันหัน หลัง “ลูกศิษย์โยเย” ยอมคืนทรัพย์สินที่โกงให้กับวัด
“อาจารย์พระ” รู้ชัดแจ้งว่า เรื่องชั่วร้ายฉาวโฉ่ครานั้นของ “ลูกศิษย์โยเย” อดีตสมเด็จพระสังฆราชฯผู้เที่ยงธรรม ทรงมีพระลิขิตระบุมานานแล้วว่า
“..การโกงสมบัติผู้อื่นตั้งแต่ 5 มาสกขึ้นไป คือประมาณไม่ถึง 300 บาทในปัจจุบัน ภิกษุนั้นต้องอาบัติปาราชิกฐานผิดพระธรรมวินัย พ้นจากความเป็นพระทันที ในกรณีนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้รู้เห็นหรือไม่ ไม่ว่าจะมีการสั่งให้สึก ไม่ว่าจะมีการจับสึกหรือไม่ก็ตาม
ภิกษุผู้ละเมิดพระธรรมวินัยข้อนี้ต้องอาบัติปาราชิก พ้นจากความเป็นพระโดยอัตโนมัติ ที่ประกาศเป็นลายลักษณ์อักษรก็เพื่อเตือนให้รู้ทั่วกันว่า ผู้ต้องอาบัติปาราชิกนั้นไม่ใช่พระในพุทธศาสนา เป็นเพียงผู้นำผ้ากาสาวพัสตร์ไปครอง เป็นพระปลอม..”
“อาจารย์พระ” รู้มาโดยตลอดว่า “ลูกศิษย์โยเย” มิใช่ “พระสงฆ์” นานแล้ว หากแต่เป็น “อลัชชี-พระปลอม” ที่ใช้ผ้าเหลืองหุ้มตัวตนเท่านั้น
ในยุค “เด็จเกี่ยว” มาจนยุค “เด็จช่วง” ได้ทำหน้าที่แทนพระสังฆราชฯ และเป็นประธานในมหาเถรฯนั้น ไม่มีการทำตามพระลิขิตของอดีตสมเด็จพระสังฆราชฯ! แถมยังปล่อยให้ “ศิษย์อลัชชีโยเย” ใช้วัดจานบิน ต้มตุ๋นชาวพุทธโกยเงินชนิดไม่รู้จักพอต่อไป
ถึงขนาดมี “กองทุนเงิน” ให้ฝากให้กู้ มีเงินหมุนเวียนนับพันนับหมื่นล้านบาท โดย “ลูกศิษย์โยเย” กับอดีต “ไวยาวัจกรคนสนิท” และพวก บริหารเพื่อให้สาวกจานบินกู้ไปบริจาค ด้วยหลงเชื่อว่า “เงิน-คือ-ทางลัด-สู่-สวรรค์”?
เพราะ “ลูกศิษย์โยเย” กับพรรคพวก มีการสร้างกิจกรรมใช้ศาสนาบังหน้า ล่อหลอกเงินจากชาวพุทธสารพัดรูปแบบ จนสาวกที่บริจาคเงินแบบไม่ยั้งคิด ต้อง “ตกนรกบนดิน” ด้วยหนี้สินล้นพ้นตัว บ้างบ้านแตกจนต้อง “ฆ่าตัวตายหนีนรกในอก” ฯลฯ
ส่วนการฟอกเงินนับพันนับหมื่นล้านนั้น มีการกระจายเงินทองทรัพย์สิน ไปให้ตนเองและพวกพ้อง บางส่วนไปลงทุนในธุรกิจจริงและปลอม เรียกว่า..อลัชชีและฆราวาสไม่กี่คน ได้สมคบกันโกงเงิน-ฟอกเงิน-รับของโจร กันอย่างมโหฬารโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ทำให้สหกรณ์และผู้คนจำนวนมากมาย ที่ฝากเงินไว้กับ “กองทุนจานบิน” เดือดร้อนกันถ้วนหน้า
ความชั่วอื้อฉาวทั้งหลายนี้ จึงถูกทางการสืบสวนสอบสวน และคืบหน้า
จนถึงขั้นศาลออกหมายจับในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน สมคบกันรับของโจร โดยอดีตไวยาวัจกรวัดจานบิน ที่สนิทชิดเชื้อกับ “อลัชชีโยเย” ถูกดีเอสไอจับติดคุก รอวันส่งตัวไปขึ้นศาลตามกระบวนการยุติธรรมแล้ว
แต่ “อลัชชีโยเย” ยังดื้อด้านไม่ยอมมอบตัว ตั้งตนเป็น “ผู้นำรัฐอิสระ” ไม่ขึ้นต่ออำนาจรัฐไทย ด้วยการใช้สาวกจานบินเป็นโล่มนุษย์มาจนทุกวันนี้
นั่นเป็นเรื่องราวของ “ลูกศิษย์อลัชชี” ที่มี “อาจารย์พระ” ผู้ยิ่งใหญ่ในวงการสงฆ์ยุคนี้!
“อาจารย์พระ” รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเหล่านี้ รู้ว่า “ศิษย์อลัชชีโยเย” ทำผิดทั้งต่อ “อาณาจักร” และ “ศาสนจักร” ..ใช่ไหมล่ะ?
เมื่อ “อลัชชีโยเย” ผู้เป็น “ลูกศิษย์” ทำผิดพระธรรมวินัย ทำผิด พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ทำผิดทางธรรมจนมิใช่พระ กลายเป็นอลัชชี-พระปลอมไปนานแล้ว มหาเถรฯยุค “อาจารย์พระ” ปกครองสงฆ์ ต้องจับ “ลูกศิษย์โยเย” สึกไปนานแล้ว! ต้องลงโทษ “ลูกศิษย์” แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ และบิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้า เพื่อต้มตุ๋นผู้คนทันที..ใช่ไหม?
เหลือเชื่อที่ “พระโลภบิ๊กเบิ้ม” จำนวนหนึ่ง ผู้มีอำนาจใน “ศาสนจักร” ยังปล่อยให้ “อลัชชีโยเย” ต้มตุ๋นโกยเงินผู้คนได้อย่างต่อเนื่อง เผยแพร่คำสอน “พุทธปลอม” และหลอก “ขายสวรรค์” อยู่ได้จนทุกวันนี้
คน-ต้มตุ๋น-คน-เพื่อกอบโกยเงินทองทรัพย์สินใส่ตนและพวกพ้อง ยังถูกก่นด่าว่า-โคตรชั่ว!
อลัชชี-พระปลอมที่ใช้ผ้าเหลืองบังหน้า เที่ยวต้มตุ๋นชาวพุทธที่ไม่รู้แก่นธรรม จึงควรถูกก่นด่าเป็นพวกมารศาสนาอภิมหาโคตรชั่ว!
อาจารย์มหาวิทยาลัย มีศิษย์ชั่วทำผิด อาจารย์-ผู้เป็นฆราวาสยังต้องลงโทษศิษย์ชั่ว ตามกฎมหาวิทยาลัย และหากผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง-ต้องติดคุก!
อาจารย์พระที่ดี-หากมีศิษย์พระทำชั่ว! ทั้งต้มตุ๋นชาวพุทธ ทำผิดพระธรรมวินัยและ พ.ร.บ.คณะสงฆ์อาจารย์พระที่ดีต้องทำตามกฎที่กำหนดไว้ นั่นคือ จับศิษย์พระชั่วสึกทันทีโดยไม่มีข้ออ้าง!
ยิ่งเป็นอาจารย์พระที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง ในการปกครองพระสงฆ์และปกป้องพุทธศาสนา ให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย และคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่กลับละเว้น-หย่อนยาน-ไร้ประสิทธิภาพ ในการปฏิบัติหน้าที่ของตน! ทำให้ชาติไทยมี “อลัชชี-พระปลอม” เต็มบ้านเต็มเมือง จนไม่รู้ว่าพระสงฆ์รูปใดเป็นพระจริง รูปใดเป็นพระปลอม ทำให้ “วงการสงฆ์” เสื่อมเสียชื่อเสียงจนทุกวันนี้..จริงไหม?
“ศิษย์อลัชชีโยเย” ที่มี “อาจารย์พระ” มีอำนาจยิ่งใหญ่ปกครองทางธรรม ทำผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองด้วยนั้น ด้วยว่าทางธรรม-พระต้องเคร่งครัดและมีคุณธรรมเหนือกว่ามนุษย์-ทางโลก จึงต้องลงโทษ “อลัชชีโยเย” ก่อนที่ “ทางโลก” จะลงโทษ..ใช่ไหม?
อาจารย์พระ-ที่ปล่อยให้ “ลูกศิษย์โยเย”ทำชั่ว จนกลายพันธุ์จาก “พระ”เป็น“อลัชชี” ต้มตุ๋นชาวพุทธมาอย่างยาวนาน “อาจารย์พระ” ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยหรือ? ไม่มีความผิดใดๆเลยหรือ?
อาจารย์พระแบบนี้..เหมาะจะเป็นอะไรหว่า? ฤาเหมาะเป็น “สังฆราช” ของฆราวาสและอลัชชีแดงเท่านั้น เพราะไม่ต้องสะอาดหมดจดก็เป็นได้ฟ่ะ..!
เรื่องของ “อาจารย์พระ” กับ “ศิษย์อลัชชี” นั้น “นายกฯตู่” ยึดหลักการถูกต้องแล้วครับ นั่นคือ เรื่องของ “อลัชชีจานบิน” ต้องยึดตามพระธรรมวินัยและกฎหมายบ้านเมือง!
ส่วนเรื่องตั้ง “พระสังฆราช” นั้น ถ้า “อาจารย์-หรือ-เด็จช่วง” ยังมีปัญหา ไม่สะอาดหมดจด-ไม่ตั้ง!
สั้นๆ ง่ายๆ แต่ชัดเจนแบบนี้.. ถูกใจผมจริงๆ ครับ.. “นายกฯตู่”
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
สังคมไทยกำลังตกต่ำทางด้าน คุณธรรม-จริยธรรม-ศีลธรรม-ความซื่อสัตย์สุจริต ฯลฯ
พระสงฆ์จริง-ต้องปฏิบัติตามพระธรรมวินัย 227 ข้อ ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมือง ต้องมีคุณธรรม-จริยธรรม-ศีลธรรม ฯลฯ เหนือกว่านักการเมืองที่บริหารชาติ และผู้คนในทุกอาชีพในชาติไทย
พระดี-ย่อมได้รับการเคารพนบไหว้จากชาวพุทธทั้งมวล ด้วยน้ำใสใจจริงตราบสิ้นลมหายใจแน่นอน..พระดีไม่มีวันตายจากใจชาวพุทธ
พระโลภ-ไม่ลดไม่ละไม่เลิกไม่หยุดละโมบ สุดท้าย..พระโลภที่มีแต่ “พองหนอ” มักละทิ้งธรรมของพระพุทธเจ้าไปจมปลักในอวิชชา เพื่อกอบโกยอำนาจ-ลาภยศ-ทรัพย์สินจนเสียพระ เลยเป็นแค่ “คนในคราบผ้าเหลือง” ตายอย่างไร้ค่า..
“พระโลภ” บางรูป มีอำนาจในศาสนจักร แต่กลับเป็น“พระ-บัวไม่พ้นน้ำ”! และ “พระ-บัวใต้โคลนตม”! พระโลภจะเห็นกงจักรเป็นดอกบัวเสมอ อาศัยผ้าเหลืองเป็นช่องทางแสวงหา และกอบโกยผลประโยชน์ใส่ตนและพวกพ้องมิรู้จักพอ ถึงกับเป็น“อาจารย์พระ” ที่เห็น “ลูกศิษย์โยเย” ทำผิดกลายเป็นถูก-ทำชั่วกลายเป็นดี!
รู้ทั้งรู้ว่า..“ลูกศิษย์” ใช้คำสอน “พุทธปลอม” บิดเบือนคำสอนขององค์พระศาสดา ต้มตุ๋นเงินทองผู้คนด้วยการโกหกว่า คนดีและคนชั่วก็ “ขึ้นสวรรค์” ได้-ด้วยเงิน!
รู้ทั้งรู้ว่า..“ลูกศิษย์” อวดอุตริมนุสธรรม หลอกผู้คนว่ามีอิทธิฤทธิ์ลงนรก-ขึ้นสวรรค์ได้! แถมช่วยวิญญาณในนรกให้ย้ายไปอยู่บนสวรรค์ได้-ด้วยเงิน! ทั้งยังช่วยวิญญาณที่อยู่ “สวรรค์ชั้นโลโซ” ย้ายไปอยู่ “สวรรค์ชั้นไฮโซ” ได้-ด้วยเงิน! อ้อ!..แต่ต้องเป็นเงินที่บริจาคให้ “ลูกศิษย์โยเย” นะจ๊ะ..!
รู้ทั้งรู้ว่า..“ลูกศิษย์” บังอาจโกหกว่า ได้ขึ้นสวรรค์ไปตักบาตรกับพระพุทธเจ้าแล้ว! ทั้งยังเหิมเกริมดุจดั่งตนเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ ที่เกิดมาเพื่อช่วยมนุษย์!
รู้ทั้งรู้ว่า..“ลูกศิษย์” เคยโกงทรัพย์สินวัดกว่า 900 ล้านบาทไปเป็นของส่วนตัว จนทางการออกหมายจับ แต่ “ลูกศิษย์โยเย”ดื้อด้านไม่ยอมมอบตัว จนถูกพระผู้ใหญ่ที่เที่ยงธรรมหนึ่งในมหาเถรฯ ประกาศจับสึกคาวัดถ้าไม่ยอมมอบตัว นั่นแหละ..จึงยอมจำนนไปมอบตัวและขึ้นศาลฯ
แต่ห้วงที่ “อำนาจรัฐ” ใน “อาณาจักร” อยู่ในกำมือของ “มหาโจรการเมืองตักขี้” ผู้ร่วม “อุดมการณ์โคตรโกง” ในชาติไทย คดีความที่จะถูกศาลตัดสินในอีกไม่กี่วัน ได้ถูกถอนออกมาอย่างกะทันหัน หลัง “ลูกศิษย์โยเย” ยอมคืนทรัพย์สินที่โกงให้กับวัด
“อาจารย์พระ” รู้ชัดแจ้งว่า เรื่องชั่วร้ายฉาวโฉ่ครานั้นของ “ลูกศิษย์โยเย” อดีตสมเด็จพระสังฆราชฯผู้เที่ยงธรรม ทรงมีพระลิขิตระบุมานานแล้วว่า
“..การโกงสมบัติผู้อื่นตั้งแต่ 5 มาสกขึ้นไป คือประมาณไม่ถึง 300 บาทในปัจจุบัน ภิกษุนั้นต้องอาบัติปาราชิกฐานผิดพระธรรมวินัย พ้นจากความเป็นพระทันที ในกรณีนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้รู้เห็นหรือไม่ ไม่ว่าจะมีการสั่งให้สึก ไม่ว่าจะมีการจับสึกหรือไม่ก็ตาม
ภิกษุผู้ละเมิดพระธรรมวินัยข้อนี้ต้องอาบัติปาราชิก พ้นจากความเป็นพระโดยอัตโนมัติ ที่ประกาศเป็นลายลักษณ์อักษรก็เพื่อเตือนให้รู้ทั่วกันว่า ผู้ต้องอาบัติปาราชิกนั้นไม่ใช่พระในพุทธศาสนา เป็นเพียงผู้นำผ้ากาสาวพัสตร์ไปครอง เป็นพระปลอม..”
“อาจารย์พระ” รู้มาโดยตลอดว่า “ลูกศิษย์โยเย” มิใช่ “พระสงฆ์” นานแล้ว หากแต่เป็น “อลัชชี-พระปลอม” ที่ใช้ผ้าเหลืองหุ้มตัวตนเท่านั้น
ในยุค “เด็จเกี่ยว” มาจนยุค “เด็จช่วง” ได้ทำหน้าที่แทนพระสังฆราชฯ และเป็นประธานในมหาเถรฯนั้น ไม่มีการทำตามพระลิขิตของอดีตสมเด็จพระสังฆราชฯ! แถมยังปล่อยให้ “ศิษย์อลัชชีโยเย” ใช้วัดจานบิน ต้มตุ๋นชาวพุทธโกยเงินชนิดไม่รู้จักพอต่อไป
ถึงขนาดมี “กองทุนเงิน” ให้ฝากให้กู้ มีเงินหมุนเวียนนับพันนับหมื่นล้านบาท โดย “ลูกศิษย์โยเย” กับอดีต “ไวยาวัจกรคนสนิท” และพวก บริหารเพื่อให้สาวกจานบินกู้ไปบริจาค ด้วยหลงเชื่อว่า “เงิน-คือ-ทางลัด-สู่-สวรรค์”?
เพราะ “ลูกศิษย์โยเย” กับพรรคพวก มีการสร้างกิจกรรมใช้ศาสนาบังหน้า ล่อหลอกเงินจากชาวพุทธสารพัดรูปแบบ จนสาวกที่บริจาคเงินแบบไม่ยั้งคิด ต้อง “ตกนรกบนดิน” ด้วยหนี้สินล้นพ้นตัว บ้างบ้านแตกจนต้อง “ฆ่าตัวตายหนีนรกในอก” ฯลฯ
ส่วนการฟอกเงินนับพันนับหมื่นล้านนั้น มีการกระจายเงินทองทรัพย์สิน ไปให้ตนเองและพวกพ้อง บางส่วนไปลงทุนในธุรกิจจริงและปลอม เรียกว่า..อลัชชีและฆราวาสไม่กี่คน ได้สมคบกันโกงเงิน-ฟอกเงิน-รับของโจร กันอย่างมโหฬารโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ทำให้สหกรณ์และผู้คนจำนวนมากมาย ที่ฝากเงินไว้กับ “กองทุนจานบิน” เดือดร้อนกันถ้วนหน้า
ความชั่วอื้อฉาวทั้งหลายนี้ จึงถูกทางการสืบสวนสอบสวน และคืบหน้า
จนถึงขั้นศาลออกหมายจับในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน สมคบกันรับของโจร โดยอดีตไวยาวัจกรวัดจานบิน ที่สนิทชิดเชื้อกับ “อลัชชีโยเย” ถูกดีเอสไอจับติดคุก รอวันส่งตัวไปขึ้นศาลตามกระบวนการยุติธรรมแล้ว
แต่ “อลัชชีโยเย” ยังดื้อด้านไม่ยอมมอบตัว ตั้งตนเป็น “ผู้นำรัฐอิสระ” ไม่ขึ้นต่ออำนาจรัฐไทย ด้วยการใช้สาวกจานบินเป็นโล่มนุษย์มาจนทุกวันนี้
นั่นเป็นเรื่องราวของ “ลูกศิษย์อลัชชี” ที่มี “อาจารย์พระ” ผู้ยิ่งใหญ่ในวงการสงฆ์ยุคนี้!
“อาจารย์พระ” รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเหล่านี้ รู้ว่า “ศิษย์อลัชชีโยเย” ทำผิดทั้งต่อ “อาณาจักร” และ “ศาสนจักร” ..ใช่ไหมล่ะ?
เมื่อ “อลัชชีโยเย” ผู้เป็น “ลูกศิษย์” ทำผิดพระธรรมวินัย ทำผิด พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ทำผิดทางธรรมจนมิใช่พระ กลายเป็นอลัชชี-พระปลอมไปนานแล้ว มหาเถรฯยุค “อาจารย์พระ” ปกครองสงฆ์ ต้องจับ “ลูกศิษย์โยเย” สึกไปนานแล้ว! ต้องลงโทษ “ลูกศิษย์” แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ และบิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้า เพื่อต้มตุ๋นผู้คนทันที..ใช่ไหม?
เหลือเชื่อที่ “พระโลภบิ๊กเบิ้ม” จำนวนหนึ่ง ผู้มีอำนาจใน “ศาสนจักร” ยังปล่อยให้ “อลัชชีโยเย” ต้มตุ๋นโกยเงินผู้คนได้อย่างต่อเนื่อง เผยแพร่คำสอน “พุทธปลอม” และหลอก “ขายสวรรค์” อยู่ได้จนทุกวันนี้
คน-ต้มตุ๋น-คน-เพื่อกอบโกยเงินทองทรัพย์สินใส่ตนและพวกพ้อง ยังถูกก่นด่าว่า-โคตรชั่ว!
อลัชชี-พระปลอมที่ใช้ผ้าเหลืองบังหน้า เที่ยวต้มตุ๋นชาวพุทธที่ไม่รู้แก่นธรรม จึงควรถูกก่นด่าเป็นพวกมารศาสนาอภิมหาโคตรชั่ว!
อาจารย์มหาวิทยาลัย มีศิษย์ชั่วทำผิด อาจารย์-ผู้เป็นฆราวาสยังต้องลงโทษศิษย์ชั่ว ตามกฎมหาวิทยาลัย และหากผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง-ต้องติดคุก!
อาจารย์พระที่ดี-หากมีศิษย์พระทำชั่ว! ทั้งต้มตุ๋นชาวพุทธ ทำผิดพระธรรมวินัยและ พ.ร.บ.คณะสงฆ์อาจารย์พระที่ดีต้องทำตามกฎที่กำหนดไว้ นั่นคือ จับศิษย์พระชั่วสึกทันทีโดยไม่มีข้ออ้าง!
ยิ่งเป็นอาจารย์พระที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง ในการปกครองพระสงฆ์และปกป้องพุทธศาสนา ให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย และคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่กลับละเว้น-หย่อนยาน-ไร้ประสิทธิภาพ ในการปฏิบัติหน้าที่ของตน! ทำให้ชาติไทยมี “อลัชชี-พระปลอม” เต็มบ้านเต็มเมือง จนไม่รู้ว่าพระสงฆ์รูปใดเป็นพระจริง รูปใดเป็นพระปลอม ทำให้ “วงการสงฆ์” เสื่อมเสียชื่อเสียงจนทุกวันนี้..จริงไหม?
“ศิษย์อลัชชีโยเย” ที่มี “อาจารย์พระ” มีอำนาจยิ่งใหญ่ปกครองทางธรรม ทำผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองด้วยนั้น ด้วยว่าทางธรรม-พระต้องเคร่งครัดและมีคุณธรรมเหนือกว่ามนุษย์-ทางโลก จึงต้องลงโทษ “อลัชชีโยเย” ก่อนที่ “ทางโลก” จะลงโทษ..ใช่ไหม?
อาจารย์พระ-ที่ปล่อยให้ “ลูกศิษย์โยเย”ทำชั่ว จนกลายพันธุ์จาก “พระ”เป็น“อลัชชี” ต้มตุ๋นชาวพุทธมาอย่างยาวนาน “อาจารย์พระ” ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยหรือ? ไม่มีความผิดใดๆเลยหรือ?
อาจารย์พระแบบนี้..เหมาะจะเป็นอะไรหว่า? ฤาเหมาะเป็น “สังฆราช” ของฆราวาสและอลัชชีแดงเท่านั้น เพราะไม่ต้องสะอาดหมดจดก็เป็นได้ฟ่ะ..!
เรื่องของ “อาจารย์พระ” กับ “ศิษย์อลัชชี” นั้น “นายกฯตู่” ยึดหลักการถูกต้องแล้วครับ นั่นคือ เรื่องของ “อลัชชีจานบิน” ต้องยึดตามพระธรรมวินัยและกฎหมายบ้านเมือง!
ส่วนเรื่องตั้ง “พระสังฆราช” นั้น ถ้า “อาจารย์-หรือ-เด็จช่วง” ยังมีปัญหา ไม่สะอาดหมดจด-ไม่ตั้ง!
สั้นๆ ง่ายๆ แต่ชัดเจนแบบนี้.. ถูกใจผมจริงๆ ครับ.. “นายกฯตู่”