xs
xsm
sm
md
lg

“อลัชชีโยเย”ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการสงฆ์! (ตอนหนึ่ง)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“สอดแนมการเมือง”
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

เมื่อ “บัวใต้น้ำ” มีเกลื่อนกลาดในสังคมไทย “แก๊งโล้นเหลืองต้มตุ๋น” ย่อมเริงร่าและอิ่มหนำ!

ชาติไทย-ยังมี “บัวใต้น้ำ” ที่มิเข้าใจ “แก่นธรรม” อยู่มิใช่น้อย “แก๊งโล้นเหลืองต้มตุ๋น” จึงใช้ “ช่องทางสงฆ์ปลอม” ทำการ “บิดเบือน-พุทธศาสนา” หลอกลวง “เหยื่อ” หรือ “พวกบัวใต้น้ำ” ที่เป็น “ขุมทอง” ให้ “แก๊งโล้นเหลืองต้มตุ๋น” ตักตวงเงินทองได้โดยมิรู้จบ!

ที่ผ่านมา..“แก๊งโล้นเหลืองต้มตุ๋น” ในวงการสงฆ์ เคยมีการต้มตุ๋น “พวกบัวใต้น้ำ” มาแล้วมากมาย ดังกรณี สมีนิกร-ยันตระ-อิสระมุนี-ภาวนาพุทโธ-เณรแอ-เณรคำ ฯลฯ แต่ขบวนการต้มตุ๋นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้ หนีไม่พ้นขบวนการ “อลัชชีโยเย” ซึ่งมีเครือข่ายมากมายหนุนหลัง โดยเฉพาะนักการเมืองทุนสามานย์“ตักขี้”กับพวก ที่สำคัญยังเสมือนจะมีอิทธิพลเหนือ “พระเถรฯ หลายรูป” อีกด้วย

“อลัชชีโยเย” ต้มตุ๋น “พวกบัวใต้น้ำ” จนร่ำรวยเงินทองนับหมื่นๆล้าน ด้วยการโกหกว่า..ใครจ่ายเงินให้ “อลัชชีโยเย” จะไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ได้นะจ๊ะ..

ทว่า “อลัชชีโยเย” โลภไม่รู้จักพอ จึงยังบิดเบือนพุทธธรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อกอบโกยเงินทองจาก “พวกบัวใต้น้ำ” โดยไม่กลัวต่อบาปกรรมตามสนอง ทั้งๆ ที่ผิดทั้งกฎหมายและพระธรรมวินัย

แต่ความผิดจากการโกหกต้มตุ๋นทั้งหลาย ที่ถูกเปิดโปงครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ถูก “ดีเอสไอ” ตั้งข้อกล่าวหา ทั้งยักยอกทรัพย์-รับของโจร-ร่วมฟอกเงิน เช่นเดียวกับคดี นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ผู้บริหาร “สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น” ที่โกงเงินทองชาวบ้านหมื่นล้าน ซึ่งถูก “ดีเอสไอ” จับติดคุกอยู่ในขณะนี้

ทีแรก “ศุภชัย” ยืนยันว่าไม่รู้จักกับ “อลัชชีโยเย” ทว่า..หลักฐานมัดแน่นจน “ศุภชัย” ต้องกลับคำให้การ มารับสารภาพกับ “ดีเอสไอ” หลังติดคุกว่า เขาสนิทกับ “อลัชชีโยเย” ชนิดสุดลิ่มทิ่มประตู..

“ศุภชัย” ยังรับสารภาพ ถึงการฉ้อฉลเงิน “สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น” ซึ่งเกี่ยวพันกับบริษัทต่างๆ ที่ “คนสนิทอลัชชีโยเย” ร่วมด้วย สุดท้ายเงินไม่โปร่งใสได้โยงไปถึง “อลัชชีโยเย-วัดจานบิน-พระกับวัดสาขาจานบินหลายสิบแห่ง-” อย่างชัดแจ้ง

ด้วยอำนาจบารมี “อลัชชีโยเย” ที่ได้ปลุกปล้ำ “สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น”ร่วมกับ “ศุภชัย” จนยิ่งใหญ่ด้วยเล่ห์กลจ่าย “ดอกเบี้ยสูง” เหนือสหกรณ์อื่น จึงทำให้สหกรณ์ต่างๆ และผู้คนอีกมากมาย แห่กันนำเงินมาฝากนับหมื่นล้านบาท

ทว่า..เงินของสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ถูก “ศุภชัย” แอบยักย้าย-ถ่ายเท-แจกจ่าย-ลงทุนโดยไม่โปร่งใส ทำให้ผู้ฝากเงินนับพันนับหมื่นคน ต้องเสียหายจนเดือดร้อนกันอย่างถ้วนทั่ว

เรื่องราวในวงการสงฆ์ตอนนี้จึงพัวพันกันอุตลุด ทั้งกับสมเด็จฯช่วง-อลัชชีโยเย-ศุภชัย-สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น-ดีเอสไอ-บิ๊กต๊อก-รมว.ยุติธรรม ตามด้วยข้อกล่าวหา-หมายเรียก-หมายจับจากศาล ลงท้าย..อลัชชีโยเยต้องลากเอา “เบาหวาน-บ้านหมุน-กับ-ขาดำ” มาเข้าฉากด้วย..!!

รายละเอียดเรื่องเหล่านั้น..ค่อยอ่านต่อในตอนต่อๆไปก็แล้วกัน แต่มาดูหลักคิดเกี่ยวกับสถานการณ์อลัชชี-สมี-เดียรถีย์ ฯลฯ ที่อาละวาดมากขึ้นในวงการสงฆ์ดีกว่า

งานนี้..เห็นด้วยกับ “นายกฯตู่-รองนายกฯวิษณุ” ที่ประกาศอย่างตรงไปตรงมาว่า คดีนี้เกี่ยวข้องกับคนไม่กี่คน ที่โกงเงินสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ซึ่งต้องยึดข้อกฎหมายและพระธรรมวินัยเป็นที่ตั้ง

พุทธศาสนา-ไม่ซับซ้อนที่จะเข้าถึงธรรม ก็แค่-ต้องรู้อะไรดี-อะไรชั่ว! ต้องทำดี-อย่าทำชั่ว! ต้องคบคนดี-อย่าคบคนชั่ว! ต้องยอมสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต! ฯลฯ

ยุคนี้-ชาวพุทธที่ดีและฉลาด.. ไม่กล้า “ เข้าวัด” ไม่กล้า “ไหว้พระ” ไม่กล้า “ทำบุญ” ฯลฯ

เพราะไม่มั่นใจว่า..พระ-ที่ไหว้เป็น “พระจริง” รึเปล่า? เป็น “คนชั่วต้มตุ๋น” โกนหัวโล้นห่มผ้าเหลืองรึเปล่า? บุญที่ทำด้วยเงินจะได้ “บุญ” จริงรึเปล่า? เงินที่บริจาคไปถูกใช้เพื่อส่งเสริมให้พุทธศาสนา และวงการสงฆ์ให้เจริญรุ่งเรืองจริงรึเปล่า? หรือเงินบริจาคไปเข้ากระเป๋าพวก “สงฆ์ปลอม” กับ “แก๊งต้มตุ๋น” รึเปล่า?

หากเป็นดังข้อสุดท้าย ก็เท่ากับไปร่วมทำลาย “พระพุทธศาสนา” และ “วงการสงฆ์” เลยล่ะ..

เรียกว่า..เป็นการทำบุญที่ไม่ได้บุญ..แต่ดันได้บาปเข้าเต็มเปา! เพราะไปสนับสนุนส่งเสริม ให้ “แก๊งโล้นเหลืองต้มตุ๋น” ที่เป็น “มารทำลายศาสนา” ให้เข้มแข็ง-ใหญ่โต-มั่นคงนั่นเอง

ดังเช่น “สำนักต้มตุ๋น” ขบวนการ “ยันตระ” และ “เณรคำ” ที่ล้มครืนลงหลังถูกเปิดโปง! โดยเจ้าสำนักต้มตุ๋นบางคนยังติดอยู่ในคุก บางคนหนีไปต่างแดนเพิ่งกลับแผ่นดินไทย บางคนหนีไปอยู่ในเมืองมะกันจนวันนี้ ฯลฯ แต่ขบวนการ “โล้นเหลืองต้มตุ๋นนะจ๊ะ” ที่มีอาณาจักรใหญ่โตมโหฬาร ในการจัดมหกรรมต้มตุ๋น “พวกบัวใต้น้ำ” ยังผงาดอยู่ได้จนทุกวันนี้

“อลัชชีโยเย ” เป็นขบวนการต้มตุ๋นที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ขนาดพระลิขิตหลายฉบับของสมเด็จพระญาณสังวร อดีตพระสังฆราชฯ ให้ “อลัชชีโยเย” ต้องปราชิกจากการยักยอกทรัพย์วัด แต่ “ผู้นำรัฐบาลพระ” ทั้ง “สมเด็จฯเกี่ยว” และ “สมเด็จฯช่วง” กลับปล่อยให้พระลิขิตของอดีตพระสังฆราชฯไร้ความหมาย เพราะแทนที่ “อลัชชีโยเย” ต้องถูกจับสึกไปนานแล้ว การณ์กลับได้เลื่อนตำแหน่งยศพระสูงขึ้นไปอีก!

ต้องถือว่า “อลัชชีโยเย ” เป็น “ผู้นำแก๊งโล้นเหลืองต้มตุ๋น” ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในวงการสงฆ์ไทย รวมทั้งในวงการการเมืองไทยอีกด้วย โดยเฉพาะหากเครือข่าย “ตักขี้” กลับมายึดอำนาจรัฐได้อีกครั้ง

รับรองได้ว่า..สิ่งที่ “อลัชชีโยเย” ทำชั่วไว้กับวงการศาสนาพุทธและสงฆ์ไทย ต้องถูกเปลี่ยนจาก “ดำ” ให้กลายเป็น “ขาว” ผิด-จะกลายเป็น-ถูก รัฐบาลของ “ตักขี้” คงตั้ง “อาจารย์” เป็นสังฆราชองค์ใหม่ ส่วน “ลูกศิษย์จอมอหังการ” จะทำให้อาณาจักร “จานบิน” กลายเป็น “ศูนย์กลางศาสนาพุทธ ” แน่นอน

ถ้ามีวันนั้นเกิดขึ้นจริง “จารย์-ศิษย์-จานบิน” ผู้ใกล้ชิดกับ “ตักขี้” จะทำให้อาณาจักรสงฆ์เต็มไปด้วย “เหล่าอลัชชีต้มตุ๋นแดง” กับ “ฆราวาสแดง” เดินชูคอหาประโยชน์จากวงการสงฆ์ยั้วเยี้ยไปหมด แหม..ก็ทั้งที่ดินวัด-เงินวัด-ธุรกิจวัด..เย้ายวนหัวใจโลภไม่รู้จักพอนี่นา..

การที่สังคมไทยเต็มไปด้วย “แก๊งโล้นเหลืองต้มตุ๋น” ก็เพราะ “เถรสมาคม” หรือ “รัฐบาลพระ” อ่อนแอไร้ประสิทธิภาพในการขจัด “อลัชชี-เดียรถีย์-แก๊งโล้นเหลืองต้มตุ๋น” ให้ออกไปจากวงการสงฆ์และพุทธศาสนานั่นเอง

ทำให้ชาติไทยเสมือนไร้ “เถรสมาคม” คอยกำกับ-ดูแล-ลงโทษ ทั้ง“แก๊งโล้นเหลืองต้มตุ๋น” และพระสงฆ์ส่วนน้อย ที่มิได้เผยแพร่พระธรรมคำสอนขององค์พระศาสดา ให้กับพุทธบริษัทอย่างถูกต้องอีกด้วย

โดยเฉพาะปล่อยให้ “อลัชชีโยเย” บิดเบือนคำสอนขององค์พระศาสดาอย่างหน้าด้านๆ เพื่อกอบโกยต้มตุ๋นเงินชนิดมิรู้จักพอจาก “พวกบัวใต้น้ำ” เช่น จ่ายเงินซื้อการเดินทางไปสู่สวรรค์ได้นะจ๊ะ แต่จ่ายเงินน้อยได้ไปสวรรค์-ช้าหน่อย! ถ้าจ่ายเงินเยอะก็ได้ไปสวรรค์-เร็วขึ้น! แต่ทุกคนที่ได้เดินทางไปแดนสวรรค์ จะต้อง “จ่ายเงินซื้อฆ้อนวิเศษ” ไปเคาะประตูสวรรค์ให้เปิดอ้าซ่านะจ๊ะ!

แถมยังโกหกชาวพุทธอย่างหน้าตาเฉยว่า “อลัชชีโยเย” ได้ขึ้นสวรรค์ไปตักบาตร-สนทนาธรรมกับพระพุทธเจ้า! ไปเยสโนโอเคกับ “สตีฟ จ็อบส์” เจ้าพ่อแอปเปิ้ลมาแล้วบนสวรรค์โน่น! แถมลงนรกไปช่วยคนนั้นคนนี้ให้ขึ้นสวรรค์มาแล้วด้วย ฯลฯ

เรียกว่า “อลัชชีโยเย” มีอภินิหารสูงส่ง ชนิดที่ “จารย์ช่วง” ต้องชิดซ้ายตกถนนไปเลย เพราะจะลงนรกจะขึ้นสวรรค์เจอะเจอใครได้แบบ “ตามใจฉันนะจ๊ะ” จนบางครั้งยังบังอาจทำตัวราวกับเป็น “องค์พระศาสดา” ด้วยซ้ำไป..

เรียกว่า “อลัชชีโยเย” โกหกหลอกลวงดื้อๆ แบบหน้าด้านๆ ผิดคำสอนของพระพุทธเจ้า ผิดพระธรรมวินัยอย่างโจ่งแจ้ง โดยไม่เกรงกลัวต่อ “เถรสมาคม” แม้แต่น้อย เสมือน “อลัชชีโยเย” มีอำนาจเหนือ “รัฐบาลสงฆ์” ชนิดจะทำผิดอย่างไรก็ได้ โดย “เถรสมาคม” ทั้งยุค “สมเด็จฯเกี่ยว” เป็นใหญ่ มาจนยุค “สมเด็จฯช่วง” เป็นใหญ่ “อลัชชีโยเย” ก็ยังคงลอยนวลไม่โดนลงโทษแต่ประการใด

จนมีพุทธบริษัทจำนวนมิใช่น้อย ตั้งคำถามว่า..“จารย์ช่วง-ใหญ่กว่า-ศิษย์โย” หรือ “ศิษย์โย-ใหญ่กว่า-จารย์ช่วง” กันแน่..?

(อ่านต่อตอนสอง เสาร์-อาทิตย์หน้า)


กำลังโหลดความคิดเห็น