ผู้จัดการรายวัน 360 - “บิ๊กตู่” เข้มจับหมดพวกป่วนประชามติ ปัดตั้งวอร์รูมเกาะสถานการณ์ 7 ส.ค. “บิ๊กป้อม” รับ ตร.จ่อออกหมายจับ “5บิ๊กนักการเมือง” เอี่ยว จ.ม.บิดเบือนร่าง รธน. “บิ๊กป๊อก” ชี้ทำลายบัญชีฯเรื่องเกิดขึ้นได้ “มีชัย” หยันเสียงโหวตโนแผ่ว เหตุมีแต่คนหน้าเดิมเคลื่อนไหว “สมชัย” รับพูดกาซ้าย-กาขวาไม่ผิด กม. เหน็บ “วรเจตน์” ทำร้ายชาติ องอาจ” ชี้จุดยืน “มาร์ค” คือแนวทางพรรค “เพื่อไทย” โวยมติ กกต.ให้ ท้องถิ่นขนคนไปโหวตไม่แฟร์
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่พบการทำลายบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติในหลายพื้นที่ว่า ต้องดูที่ความมุ่งหมายว่าทำลายเพื่ออะไร ใครเป็นผู้ฉีก ลิงหรือเด็ก ซึ่งจะจับดำเนินคดีก็ไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็เห็นอยู่ว่ามีการต่อต้าน ต้องการทำให้เกิดความวุ่นวาย ประเทศไม่มีเสถียรภาพ ทำประชามติไม่ได้ ขณะนี้กำลังสอบอยู่ ทั้งนี้หากสอบถึงใคร คนนั้นโดนหมด เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้เกินความคาดหมายอยู่แล้ว ทั้งนี้ตนคาดหวังให้ประชาชนมีสติรู้ รู้คิด รู้ปฏิบัติ รู้ทำ ประชามติจะออกมาอย่างไรก็ไม่ทราบ แต่ขึ้นอยู่กับที่ประชาชนจะเข้าใจมากหรือน้อย ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) หรือรัฐบาล แต่อยู่ที่จะสนใจมากน้อยแค่ไหน แล้วใครเป็นคนชี้นำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันออกเสียงประชามติจะมีการตั้งวอร์รูมเพื่อจับตาดูสถานการณ์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีคณะทำงานของฝ่ายความมั่นคง สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) คสช. อยู่แล้ว คง
ไม่ต้องตั้งอะไรใหม่
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมขอหมายจับ 5 นักการเมืองในพื้นที่ภาคเหนือ ที่อาจมีส่วนในการสร้างสถานการณ์ช่วงประชามติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่รู้ว่านักการเมือง 5 คนนี้คือใคร ต้องรอให้มีการสอบสวนก่อน สอบถึงใครก็จับหมด ถ้าเกี่ยวข้องมีหลักฐานก็ต้องถูกดำเนินคดี จากนั้นก็ไปสู้คดีกัน หากไม่ทำผิด เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้
** รับ ตร.เล็งออกหมายจับ 5 นักการเมือง
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม อ้างว่า พล.อ.ประวิตร ได้โทรศัพท์ประสานไม่ให้จัดการแถลงจุดยื่นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 28ก.ค.นี้ว่า ขอยืนยันว่า ตนไม่เคยโทรไป เนื่องจากวานนี้ได้เดินทางไปภารกิจกับนายกรัฐมนตรี ที่ จ.นราธิวาส
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.เชียงใหม่ รวมไปถึงนักการเมืองระดับชาติอีก 4 คน ที่อาจมีส่วนเชื่อมโยงขบวนการเผยแพร่จดหมายบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญในพื้นที่ภาคเหนือ พล.อ.ประวิตร เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการขอออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ต้องว่าไปตามพยานหลักฐานถึงใครบ้าง ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะถึงนักการเมืองระดับชาติหรือไม่ ขอให้เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนไปก่อน โดยตนยืนยันว่าเรื่องเอกสารปลอมร่างรัฐธรรมนูญไม่ใช่การดำเนินการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
พล.อ.ประวิตร ยังได้ย้อนถามสื่อด้วยว่า “ที่เคยมองว่ารัฐบาลสร้างสถานการณ์ ตอนนี้รู้ตัวผู้ที่เกี่ยวข้องแล้วสื่อจะทำอย่างไร”
ส่วนกรณีการฉีกทำลายบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงลงประชามตินั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เชื่อว่าไม่มีขบวนการสร้างสถานการณ์โดยการฉีกบัตร เพื่อล้มประชามติ แต่เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์มากกว่า พร้อมกันนี้ก็เชื่อมั่นว่า ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนลงประชามติจะไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้น และไม่จำเป็นต้องตั้งวอร์รูมลับติดตามสถานการณ์ในวันลงประชามติ
** "บิ๊กป๊อก" ทำใจบัญชีรายชื่อฯโดนฉีก
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการมาตรการป้องกันการทำลายบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติว่า การทำงานศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยในการออกเสียงประชามติ ทั้งในระดับอำเภอและจังหวัดก็ได้ดำเนินการตามที่กระทรวงมหาดไทยให้คำแนะนำไปแล้ว อย่างไรก็ตาม คูหาที่เปิดให้ลงประชามติทั่วประเทศมีทั้งสิ้น 95,295 แห่ง ก็อาจมีการฉีกทำลายขึ้นที่ใดซักแห่ง ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ได้ดำเนินการไปตามกฎหมาย คงไม่ต้องสั่งการอะไรเพิ่มเติม ทั้งนี้ สถานที่จัดวางบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ เป็นไปตาม ที่กกต. กำหนด แต่ได้สั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้พิจารณาเพิ่มเติมเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ ไม่ให้โดนฟ้าโดนฝน ทุกอย่างมีเรามีมาตรการและแนวทางอยู่แล้ว และไม่ต้องจับตาอะไรเป็นพิเศษ ทำเหมือนกันหมด
** คสช.ยันไม่ตั้งวอร์รูมจับตาประชามติ
พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ คสช.กล่าวปฏิเสธการตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์หรือวอร์รูมในวันลงประชามติ 7 ส.ค.นี้ พร้อมระบุว่า ในส่วนของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ก็ดูเฉพาะภาพรวมทั้งหมดเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายตามปกติ ไม่ได้มีการปรับกำลังในช่วงทำประชามติเป็นพิเศษ ส่วนการดูแลการทำประชามติเป็นเรื่องของศูนย์ฯของกระทรวงมหาดไทย ทั้งเรื่องของการตรวจสอบสอบสวนการฉีกหรือเผาทำลายบัตรในพื้นที่ต่าง ๆ และการส่งจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ สำหรับการดูแลความปลอดภัยการทำประชามติพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ก็เป็นไปตามปกติเหมือนพื้นที่อื่นๆ แต่ยอมรับว่าปัญหาสำคัญของประชาชนในพื้นที่ คืออาจไม่เข้าใจเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีอุปสรรคด้านภาษา ซึ่งนายกฯสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆไปดำเนินการในเรื่องนี้แล้ว
** “มีชัย” เย้ยกระแส “โหวตโน” แผ่ว
อีกด้าน นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.กล่าวว่า ส่วนตัวยังกังวลต่อความเคลื่อนไหว และกระแสของกลุ่มคนหน้าเดิมที่เคยเคลื่อนไหวไม่ยอมรับร่างรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่กระบวนการจัดทำไม่แล้วเสร็จ ซึ่งถือว่า กรธ.เหมือนถูกรุมด้วยวิธีที่ไม่ยุติธรรม มีการบิดเบือนเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญหลายกรณี ซึ่งเป็นการกระทำของบุคคลที่มีจิตใจสกปรก ใช้วิธีคดโกงประชาชน โดยเฉพาะระยะ 10 วันก่อนการออกเสียงประชามติอาจจะมีวิชามารเกิดขึ้นหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ซึ่ง กรธ.ต้องคอยจับตา ส่วนกรณีที่มีแกนนำพรรคการเมือง เช่น พรรคประชาธิปัตย์มีแนวโน้มไม่ยอมรับร่างรัฐธรรมนูญนั้น ตนไม่ขอวิจารณ์ เพราะเป็นสิทธิของบุคคลที่จะคิดได้
“ผมยอมรับว่าการสร้างกระแสโหวตโนนั้นตอนแรกๆ มีความกังวล แต่ตอนนี้ไม่ เพราะคนที่ออกมาเคลื่อนไหวเป็นคนหน้าเดิม และผลโพลที่ออกมาพบว่าประชาชนยอมรับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งสวนทางกับกระแสโหวตโน ทั้งนี้ผมมองว่าอาจด้วยผลโพลล์ที่กระแสออกมาดี ทำให้เกิดเรื่องแปลกๆ ในหลายพื้นที่ เช่น การทำลายบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ และกระบวนการอื่นที่เกี่ยวข้อง” นายมีชัย กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า มั่นใจหรือไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติ นายมีชัย ปฏิเสธจะตอบคำถาม
** ม.44พักงาน “นายก อบจ.เชียงใหม่”
วันเดียวกัน เวบไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศ คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 44/2559 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 5 มีสาระระบุถึงการที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบว่าผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ของรัฐในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งมีการกระทำซึ่งอาจเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ จึงจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อป้องกันมิให้มีการทำลายความสงบเรียบร้อย หัวหน้า คสช.จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 มีคำสั่งให้ นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ ระงับการปฏิบัติ ราชการหรือหน้าที่ใน อบจ.เชียงใหม่เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง โดยไม่ได้รับค่าตอบแทน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ หรือดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว ทั้งคำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้นายบุญเลิศอยู่ระหว่างลาพักโดยเดินทางไปต่างประเทศ โดยคำสั่ง คสช.ฉบับนี้มีผลมาจากกรณ๊ที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นถสานที่ซึ่งอยู่ในเครือข่ายของนายบุญเลิศและครอบครัวหลายจุด พบว่า มีเอกสารระบุข้อเสียร่าง รัฐธรรมนูญ และซองจดหมายเปล่า จ่าหน้าซองถึงประชาชนจำนวนมาก เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา
** เจ้าตัวอยู่อเมริกากลับ 2 ส.ค.นี้
ด้าน นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานนายบุญเลิศ เปิดเผยว่า ขณะนี้นายบุญเลิศเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเยี่ยมบุตรสาว ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ที่นั้น และพักผ่อนตามอัธยาศัยเป็นประจำทุกปี โดยได้มีการแจ้งลาล่วงหน้าตามระเบียบราชการเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด รวมถึงหน่วยงานราชการทราบเรื่องทั้งหมด และเดินทางออกนอกประเทศเมื่อวันที่ 19 ก.ค. มีกำหนดเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 2 ส.ค.นี้ โดยนายบุญเลิศได้ทราบเรื่องที่ถูกสั่งพักงานแล้ว และกำลังเตรียมเดินทางกลับไทยก่อนกำหนดเพื่อมาแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีเจตนาหลบหนี แต่เนื่องด้วยปัญหาที่ติดขัดเรื่องตั๋วโดยสารอาจจะต้องกลับตามกำหนดเดิมคือ วันที่ 2 ส.ค.ที่จะถึงนี้ เมื่อกลับมาแล้วก็พร้อมตอบคำถามทุกกรณีอย่างบริสุทธิ์ใจ
** จุดยืน “มาร์ค” ถือเป็นความเห็น ปชป.
ทางด้าน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมแถลงจุดยืนต่อร่างรัฐธรรมนูญของในวันนี้ (27 ก.ค.) ว่า ในฐานะที่นายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรค ความเห็นที่ออกมาอาจจะถือเป็นความเห็นของพรรคก็ได้ เพียงแต่ว่าไม่ได้เป็นความเห็นอย่างทางการที่เป็นมติของพรรค เนื่องจากไม่สามารถเปิดประชุมพรรคได้ หลังจากนั้นสมาชิกพรรคจะคิดเห็นอย่างไรก็ต้องให้เกียรติหัวหน้าพรรค ซึ่งปกติเราก็ไม่ค่อยแสดงความเห็นในทางตรงกันข้ามอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้การใช้สิทธิออกเสียงนั้น ก็เป็นเรื่องของแต่ละคนที่จะเข้าคูหากาเห็นชอบหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลหรือไม่หากหัวหน้าพรรคแถลงจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญแล้วจะทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคกลายเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาล นายองอาจกล่าวว่า เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะการแสดงความเห็นร่างรัฐธรรมนูญ ก็เป็นเพียงแค่จุดยืนต่อร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับจุดยืนต่อต้านรัฐบาลแต่อย่างใด ทั้งนี้ในการทำประชามติ 7 ส.ค. นี้ พรรคไม่ได้มีการติดตามหรือตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามผลการทำประชามติแต่อย่างใด
** “สมชัย” สับ “วรเจตน์” จ้องทำร้ายชาติ
ที่โรงแรมดุสิตธานี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่ นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะแกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ พูดในทำนองให้ประชาชนกาช่องขวามือของบัตรลงประชามติ ซึ่งเป็นช่องไม่รับร่างรัฐธรรมนูญว่า การแสดงออกของผู้นำกิจกรรมที่พยายามชี้บอกให้กาซ้ายทั้งหมด หรือการับ หรือกาขวาทั้งหมด คือไม่รับ กลายเป็นว่าไม่สนใจสาระว่าร่างรัฐธรรมนูญจะดีหรือไม่ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงโค้งสุดท้าย ส่วนมองว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่เป็นผู้ที่ทำร้ายประเทศไทย เพราะทำให้การออกเสียงประชามติของคนในสังคมไม่อยู่บนความรู้ความเข้าใจในสาระของร่างรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการให้คนลงประชามติบนความเชื่อของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทำให้การออกเสียงประชามติไม่มีคุณภาพ
“คนเป็นผู้มีตำแหน่งในบ้านเมือง หรือมีบทบาทนำในสังคมหรือเป็นอาจารย์ มีวุฒิการศึกษาสูง ไม่สมควรพูด เพราะเป็นการพูดที่ทำร้ายประเทศ” นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย เปิดเผยด้วยว่า ทาง กกต.ได้ส่งหนังสือไปยังมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อให้ตักเตือนหน่วยงานภายใต้สังกัดวางตนที่เป็นกลางในระหว่างการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีหน่วยงานภายใต้สังกัดวางตนไม่เหมาะสม
** ท้องถิ่นพาคนลงคะแนนไม่ผิดกฎหมาย
นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการ กกต.ด้านกิจการบริหารกลาง กล่าวถึงกรณี กกต.เห็นชอบให้ส่วนราชการภูมิภาคและท้องถิ่นจัดยานพาหนะอำนวยความสะดวกรับและส่งคนไปลงคะแนนว่า กรณีนี้ไม่ผิดพ.ร.บ.ประชามติฯ ไม่ได้เป็นการขนคนไปลงคะแนน เพราะการที่จะรับ-ส่งคนไปใช้สิทธิออกเสียงได้ต้องเป็นพื้นที่จำเป็นและทุรกันดารจริง ๆ เดินทางยากลำบาก โดยต้องทำหนังสือขออนุญาตกรรมการประจำหน่วยก่อน ถ้ากรรมการไม่อนุญาตก็ไม่สามารถทำได้
สำหรับกรณีการจัดส่งร่างรัฐธรรมนูญและเอกสารประกอบหรือบุ๊กเล็ตที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเนื้อหาไม่เป็นกลางนั้น นายธนิศร์ ชี้แจงว่า ในการจัดทำบุ๊กเล็ต กกต.เป็นเพียงผู้จัดพิมพ์ ในส่วน กกต.ได้ชี้แจงกระบวนการออกเสียงประชามติ แต่ในส่วนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ. และประเด็นคำถามเพิ่มเติมของ สนช.เป็นส่วนที่ กรธ.และ สนช.ส่งต้นฉบับมา เรามีหน้าที่จัดพิมพ์ตามต้นฉบับ ไม่สามารถแก้ไขหรือตกแต่งใดๆได้ ดีหรือไม่ดี กรธ.และ สนช.ต้องรับผิดชอบ ดังนั้นจะมากล่าวหา กกต.ไม่เป็นกลางไม่ได้ ส่วนการจัดส่งบุ๊กเล็ตต่างๆนั้น รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่มีการแก้ไขใหม่ ไม่ได้กำหนดว่าต้องส่งให้ครบทุกครัวเรือน ขณะนี้กำลังทยอยส่งคาดว่าไม่เกินวันที่ 30ก.ค.ทุกบ้านจะได้รับ
** โวยมติ กกต.ให้ขนคนไปลงประชามติ
ขณะที่ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการที่ กกต.มีมติให้ท้องถิ่นจัดยานพาหนะอำนวยความสะดวกรับ-ส่งคนไปลงประชามติได้ ซึ่งทราบมาว่าขณะนี้หน่วยทหารต่างๆจะขออนุญาตนำยานพาหนะพาประชาชนไปลงคะแนน โดยอ้างว่าเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนตามมติของ กกต. ยิ่งทำให้รู้สึกไม่สบายใจ เพราะคงจะมีการฟ้องร้องกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ เป็นเจ้าหน้าที่หากทำผิดกฎหมายเสียเอง โทษจะหนักเป็น 2 เท่า จึงไม่อยากสุ่มเสี่ยงไปขึ้นศาลในเรื่องที่ไม่เคยปฏิบัติ เพราะแม้แต่การเลือกตั้ง ส.ส. ยังห้ามผู้สมัคร ส.ส.พาคนไปลงคะแนนเลย.