กกต.ส่งสัญญาณขอตำรวจไม่ดำเนินคดีมือฉีกบัตรที่ไม่มีเจตนา ส่วนที่จงใจทำผิด กม.ให้ดำเนินคดีตามดุลพินิจ ขณะเดียวกันเยียวยา จนท.บาดเจ็บเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ เตรียมสรุปบทเรียนปลายเดือนนี้ หวังปรับปรุงรับเลือกตั้ง ส.ส. 2560
นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารกลาง กล่าวภายหลังประชุม กกต.ว่า ที่ประชุมได้รับทราบภาพรวมสรุปสถานการณ์ก่อนและหลังการออกเสียงประชามติ พบว่ามีเจ้าหน้าที่ที่สนับสนุนงานออกเสียงประสบอุบัติเหตุขณะปฏิบัติหน้าที่รวม 4 รายใน 4 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ปัตตานี อ่างทอง โดยเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ มีเพียง จ.อุดรธานี ที่ปลัดอำเภอประสบอุบัติเสียชีวิตหลังตรวจรับอุปกรณ์ก่อนส่งไปยังหน่วยออกเสียง อย่างไรก็ตาม กกต.มีระเบียบในการชดเชย เยียวยาให้แก่ผู้ปฏิบัติงานเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ส่วนเหตุฉีกทำลายบัตรในวันออกเสียงพบว่ามีทั้งสิ้น 35 จังหวัด 59 เหตุการณ์ ซึ่ง 58 เหตุการณ์มาจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้สูงอายุ มีเพียงรายเดียวที่ทำลายบัตรโดยแสดงเจตนาชัดเจน
ทั้งนี้ นายธนิศร์ยังระบุว่าด้วยหลังเสร็จสิ้นงานประชามติ กกต.ก็จะเตรียมการในเรื่องของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ทั้งร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการเลือกตั้ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ขณะนี้ทางสำนักงานได้ยกร่างไว้ส่วนหนึ่งแล้วและคาดว่าจะเสนอต่อที่ประชุม กกต.ให้ความเห็นชอบก่อนเสนอต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ในช่วงปลายเดือนนี้
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่าในส่วนผู้ช่วยปฏิบัติงานออกเสียงที่ประสบเหตุบาดเจ็บ และเสียชีวิตนั้น กกต.จะดูแลอย่างเต็มที่โดยกรณีของผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำหน่วยในพื้นที่ปัตตานีที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดขณะขนย้ายหีบบัตรลงคะแนนมาส่งนั้น กกต.ได้ประสานญาติย้ายผู้บาดเจ็บจาก รพ.ประจำจังหวัด ไป รพ.สงขลานครินทร์ ที่แพทย์และเครื่องมือพร้อมมากกว่าเพื่อให้เกิดการดูแลอย่างเต็มที่
ส่วนคดีประชามติที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ รวมถึงการฉีกบัตรในวันออกเสียง ที่หากการสืบสวนพบว่าไม่ได้มีเจตนาแต่กระทำเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ กกต.ขอส่งสัญญาณไปยังพนักงานสอบสวนว่าไม่ประสงค์ให้มีการดำเนินคดีเพราะจะทำให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อนและเกรงกลัวไม่อยากไปเลือกตั้งในครั้งหน้า เนื่องจากเกรงว่าจะทำผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัว ขณะที่การกระทำผิดโดยเจตนาก็จำเป็นต้องให้มีการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดย กกต.จะไม่ไปก้าวก่ายดุลพินิจของพนักงานสอบสวน
สำหรับผลการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงอย่างไม่เป็นทางการ กกต.ได้เสนอไปยังคณะรัฐมนตรีแล้วเพื่อทราบ แต่ยังไม่ถือว่าเป็นผลที่ กกต.รับรอง โดยขณะนี้แต่ละจังหวัดได้มีการส่งโทรสารรายงานผลเข้ามาแล้ว 50 จังหวัด และมีหนึ่งจังหวัดที่ ผอ.กกต.จังหวัด เดินทางนำเอกสารรายงานผลมาส่งด้วยตนเองเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถ้าครบทั้ง 77 จังหวัด และทำการตรวจสอบแล้วว่ามีความถูกต้อง กกต.ก็จะมีการประชุมเพื่อรับรองในวันที่ 10 ส.ค.เวลา 14.00 น. และถ้าเป็นไปได้ก็จะส่งให้นายกรัฐมนตรีภายในวันเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม จากการนับคะแนนจนถึงขณะนี้ กกต.ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการร้องคัดค้านเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติว่าไม่เป็นไปโดยไม่สุจริต หากมีก่อนเวลา 16.00 น.ของวันนี้ก็จะนำไปพิจารณาในที่ประชุม กกต.วันที่ 10 ส.ค. โดยจะดูว่าจะต้องมีการจัดออกเสียงหรือนับคะแนนในหน่วยที่มีการร้องคัดค้านใหม่หรือไม่ หรือถ้าเห็นไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคะแนนภาพรวม กกต.อาจมีมติไม่ดำเนินการใดๆ ก็ได้ ส่วนผู้มาใช้สิทธิ กกต.คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 58-60% ถือว่ามากการลงประชามติในปี 2550 บัตรเสียก็ต่ำกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นในภาพรวมการใช้สิทธิ กกต.ค่อนข้างพอใจ
นายสมชัยยังกล่าวด้วยว่า ปลายเดือนนี้ กกต.จะมีการประชุมเพื่อสรุปบทเรียนปัญหาที่เกิดในช่วงการออกเสียงประชามติเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งหน้าไม่เกิดปัญหา เช่น กรณีการลงทะเบียนขอใช้สิทธินอกเขตจังหวัดผ่านอินเทอร์เน็ต ระบบการรายงานผลผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ รวมถึงการใช้แอปพลิเคชันต่างๆ ก็จะพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายง่านว่า กกต.ได้แบ่งพฤติการณ์ของผู้ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้นระหว่างการทำประชามติเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมาออกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1. กรณีผู้ฉีกบัตรที่ไม่มีเจตนากระทำผิด จำนวน 34 จังหวัด 58 กรณี 2. กรณีผู้ฉีกบัตรที่มีเจตนากระทำความผิด จำนวน 1 เหตุการณ์ คือที่เขตบางนา กรณีของนายปิยรัฐ จงเทพ 3.กรณีผู้ใส่เสื้อสัญลักษณ์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 2 ราย คือ นายรังสิมันท์ โรม ใส่เสื้อ Vote no เข้าหน่วยออกเสียง อ.ลำลูกกา และนายอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธุ์ ใส่เสื้อ Vote no เข้าหน่วยออกเสียง อ.เมืองสระแก้ว 4. กรณีผู้กระทำผิด พ.ร.บ.ประชามติ จำนวน 1 ราย ฐานใช้เครื่องมือบันทึกภาพบัตรออกเสียงที่ลงคะแนนแล้ว คือ นายพีระพล แซ่ว่อง หน่วยออกเสียง อ.เมืองลพบุรี