เชียงราย/พะเยา/ตาก - หน่วยออกเสียงประชามติหลายพื้นที่ในภาคเหนือปั่นป่วน หลังเกิดเหตุไม่คาดฝันทั้งฉีกบัตร หน้ามืดเป็นลมเสียชีวิต เผยที่เชียงราย มีพ่อเฒ่าวัย 80 กว่าฉีกบัตรไม่พอ ยังมีคนเป็นลมหน้ามืดคาหน่วย พอหามกลับบ้านก็เสียชีวิตลงอีก ขณะที่พะเยา-ตาก พบคนฉีกบัตรคาคูหา บอกเข้าใจผิด บ้างก็ว่าไม่รู้กาอย่างไร เลยฉีกบัตร
วันนี้ (7 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการออกเสียงประชามติในพื้นที่ภาคเหนือ ว่า ล่าสุดบางจังหวัดได้เกิดเหตุการณ์ที่ส่อว่าอาจจะเป็นการกระทำผิดกฎหมายประชามติ รวมถึงเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นในบางหน่วยออกเสียง ทั้งฉีกบัตร เป็นลมหน้ามืด
โดยที่หน่วยเลือกตั้งที่ 2 บ้านเทอดไทย ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย พบว่า ได้มีชายสูงอายุคนหนึ่ง ชื่อ นายส่างวี้ จันต๊ะผล อายุ 81 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106 หมู่1 ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง ที่เดินทางมาใช้สิทธิลงคะแนนเช่นกัน แต่หลังจากใช้ปากกาเขียนลงบนบัตรประชามติแล้วได้ฉีกบัตรออกเป็น 2 ส่วน คือ ท่อนบน และท่อนล่าง ก่อนจะพยายามหย่อนลงไปในหีบลงคะแนน
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบ และสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายส่างวี้ มีปัญหาเกี่ยวกับหู และตาก็มองเห็นไม่ชัด เมื่อสอบถามถึงสาเหตุที่กระทำเช่นนั้นก็แจ้งว่า เกิดจากความเข้าใจผิดคิดว่าให้ฉีกบัตรตามรอยประ เจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน
ขณะที่หน่วยออกเสียงประชามติที่ ม.11 ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน ได้มีชาย 1 คน ทราบชื่อต่อมาคือ นายแก้ว บัวคลี่ อายุ 68 ปี ชาวบ้านเลขที่ 115 หมู่บ้านดังกล่าว เดินทางไปใช้สิทธิตามปกติเหมือนคนอื่นๆ แต่ขณะที่อยู่ภายในหน่วยเลือกตั้งเกิดเป็นล้มหน้ามืด และล้มลงกับพื้น ทำให้ทั้งกรรมการ ญาติมิตร และประชาชนทั่วไปต่างเข้าไปให้การช่วยเหลือนำไปยังบ้านพัก แต่นายแก้ว เสียชีวิตที่บ้านโดยไม่ทันได้นำส่งโรงพยาบาลเสียก่อน
วันเดียวกัน พ.ต.อ.จักร อ่อนนิ่ม ผกก.สภ.เมืองพะเยา รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งออกเสียงประชามติ หน่วยที่ 16 หมู่ 13 บ้านดอกบัว ต.ท่าวังทอง อ.เมืองพะเยา ว่า มีนายสุรพันธ์ บรรจบ อายุ 48 ปี บ้านเลขที่ 64 หมู่ 13 บ้านดอกบัว ต.ท่าวังทอง อ.เมืองพะเยา ได้ฉีกบัตรออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และประเด็นคำคามเพิ่มเติม ขาดเป็น 2 ส่วน จึงได้นำตัวมาทำการสอบสวนที่ สภ.เมืองพะเยา พร้อมกับประสานทาง กกต.มาร่วมทำการสอบสวนด้วย
เบื้องต้น ทาง พ.ต.อ.จักร อ่อนนิ่ม ผกก.สภ.เมืองพะเยา พร้อมด้วย นายประดิษฐ์ ใจการ พนักงานสืบสวนสอบสวน กกต.พะเยา ทำการจากการสอบปากคำเบื้องต้นทราบว่า หลังจาก นายสุรพันธ์ ผู้ก่อเหตุได้รับบัตรออกเสียงเข้าคูหาแล้ว ก็ได้ทำการฉีกบัตรออกเป็น 2 ส่วนตามรอยปรุ แล้วนำไปหย่อนลงในกล่องหีบบัตร แต่เจ้าหน้าที่เห็นจึงได้ทำการควบคุมตัวมาสอบสวน เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
นายสุรพันธ์ ให้การว่าตนเองไม่เข้าใจต่อการไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติครั้งนี้ เพราะได้รับบัตรใบเดียว และได้ฉีกบัตรออกเป็น 2 ส่วน ตามรอยปรุของบัตรออกเสียง เพราะคิดว่าบัตรต้องมี 2 ใบ เลยฉีกออกมาเป็น 2 ส่วน เพื่อนำเอาไปหย่อนลงในหีบบัตร แต่พบว่ามีหีบบัตรเพียง 1 กล่องเท่านั้น บัตรที่เหลืออีกส่วนก็ไม่มีกล่องให้หย่อน จึงถามเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยว่า จะทำยังไง
เมื่อเจ้าเหน้าที่เห็นจึงทำการควบคุมมาที่โรงพัก บอกว่าทำผิดกฎหมายออกเสียงประชามติ เพราะที่ผ่านมาการเลือกตั้งจะได้บัตร 2 ใบ กากบาทแล้วเอาไปใส่หีบบัตร 2 หีบ แต่ครั้งนี้มีบัตรใบเดียว แล้วเห็นมีรอยปรุจึงคิดไปเองว่าต้องฉีกตามรอยนั้น แล้วแยกเป็น 2 ใบ
“ยืนยันว่าที่ทำไปเพราะเข้าใจผิด และไม่ได้มีเจตนาฉีกบัตรเพื่อทำลายแต่อย่างใด”
ด้าน นายประดิษฐ์ ใจการ พนักงานสืบสวนสอบสวน กกต.พะเยา กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทาง กกต.ได้รายงานให้ทาง กกต.กลางไปแล้ว ทั้งนี้ ทาง กกต.จังหวัดจะต้องรอสำนวนการสอบสวนปากคำของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้งเพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริง แต่ในเบื้องต้นทราบว่าเป็นการเข้าใจผิดของผู้มาใช้สิทธิเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การฉีกทำลายบัตรถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายออกเสียงประชามติ ซึ่งหากผิดจริงเจ้าหน้าที่ก็จะได้รวบรวบพยานหลักฐานส่งดำเนินการทางกฎหมายตามขั้นตอนต่อไป
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าสองยาง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ได้ควบคุมตัว น.ส.รัตนาภรณ์ เจนจบเอี่ยมละออ อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 481 หมู่ที่ 2 ตำบลแม่สอง อ.ท่าสองยาง ที่เข้าไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติ ที่หน่วยออกเสียงที่ 26 โรงเรียนแม่สลิดหลวงวิทยา หมู่ที่ 2 แล้วได้ฉีกบัตร ออกเป็น 2 ส่วน เมื่อเจ้าหน้าที่พบจึงเข้าไปสอบถาม น.ส.รัตนาภรณ์ ให้เหตุผลว่า ไม่รู้ว่าจะกาอย่างไร จึงฉีกบัตร
ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำหน่วยได้ควบคุมตัวเพื่อสอบปากคำ หากมีความผิด หรือเจตนาจะต้องถูกดำเนินคดี