xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ซารางเฮโย…ซาโยนาระ “ศานิตย์” เน็ตไอดอลที่ใครๆ ก็ไม่รัก (ยกเว้น “นายกฯลุงตู่+ลุงกำนัน”)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -“ซารางเฮโยกันดีกว่านะเด็กๆๆๆ”

เห็น “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รรท.ผบช.น.) ทำท่า “ซารางเฮโย” ระหว่างการแถลงข่าวคดีลักรถที่ สน.บางซื่อ ร่วมกับ พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 แล้วก็ต้องอุทานดังๆ ว่า “แหม...ทำไปได้”

แล้วก็ไม่ใช่แค่ทำไปได้เท่านั้น ยังต้องตั้งคำถามดังตามมาอีกว่า “คิดได้อย่างไร” อีกต่างหาก

มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้งเสียนี่กระไร

ยิ่งเมื่อ พล.ต.ท.ศานิตย์ให้เหตุผลประกอบท่าซารางเฮโยแล้วก็ยิ่งตลกโปกฮาไปกันใหญ่ เพราะไม่ว่าจะใช้อวัยวะส่วนไหนคิดก็มองไม่เห็นว่า การทำท่าซารางเฮโยมันจะช่วยแก้ปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนและนักศึกษาได้อย่างไร

“ถ้าเจออริ แทนที่จะชูนิ้วเดียวให้ เปลี่ยนเป็น 3 นิ้ว ทำท่าไอเลิฟยูแทน หรือทำท่าซารางเฮโย เป็นรูปหัวใจก็ได้ เพื่อจะได้อารมณ์ดี ไม่โกรธกัน”

ถ้าทำแบบที่ “บิ๊กแป๊ะ-ศานิตย์” โชว์ไอเดียบรรเจิดแล้วแก้ปัญหานักเรียนนักเลงได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) คงต้องไม่ใช่อำนาจในมาตรา 44 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ซึ่งมีเนื้อหากำหนดให้ลงโทษทางกฎหมายแก่ผู้ปกครองที่ละเลยไม่อบรมดูแลบุตรหลานด้วย

ไม่น่าเชื่อว่า พล.ต.ท.ศานิตย์ที่จนแล้วจนแล้วยังคงรั้งตำแหน่ง รรท.ผบช.น.จนสร้างประวัติศาสตร์รักษาราชการแทน ผบช.น.ที่ยาวนานที่สุดจะมีความคิดที่ไม่เข้าท่าเข้าทางขนาดนี้

จริงอยู่ แม้จะเป็นความคิดที่ไม่ได้ผิดอะไรและมีจิตเจตนาที่ดี แต่ถามว่า ในทางปฏิบัติจริงๆ แล้ว จะแก้ปัญหาได้หรือไม่ ต่อให้ทำท่าไอเลิฟยูหรือท่าซารางเฮโยให้ตาย ก็ไม่สามารถทำให้บรรดานักเรียนนักเลงอารมณ์ดีและไม่โกรธกันได้

พล.ต.ท.ศานิตย์เข้าใจแก่นแท้ของปัญหาเรื่องนักเรียนตีกันบ้างหรือไม่

การทำท่าหน่อมแน้ม มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง เช่นนี้ ได้กลายเป็นเรื่องตลกในสายตาของประชาชน รวมทั้งพี่น้องตำรวจทั้งประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะนึกย้อนๆ ดูแล้ว ในอาณาจักรโล่เงิน ก็ไม่เคยเห็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนไหนทำท่าน่ารักสุดสุโค่ยเช่นนี้มาก่อน

นอกจากนั้น หากไล่เรียงการทำงานของ พล.ต.ท.ศานิตย์ในช่วงที่ผ่านมาก็จะเห็นได้ว่าภาพลักษณ์ของ พล.ต.ท.ศานิตย์ตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง แถม แต่ละแผลก็ดูเหมือนจะหนักหนาสาหัส นี่ถ้าไม่มี “ยันต์จันทร์โอชา” แปะติดเอาไว้ที่หน้าผากคงโดนเด้งไปไม่รู้จักกี่ตลบแล้ว

บาดแผลใหญ่ของ พล.ต.ท.ศานิตย์เรื่องแรกคือคดีวัยรุ่น 6 คนก่อเหตุรุมทำร้าย “สมเกียรติ ศรีจันทร์” ชายขาพิการอาชีพส่งขนมปังจนเสียชีวิต แต่พนักงานสอบสวนคดีดีกลับทำสำนวนเป็นคดีฆ่าโดยไม่ได้เจตนา สวนกับกระแสสังคมซึ่งเรียกร้องให้ส่งฟ้องฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และดูเหมือนว่า พล.ต.ท.ศานิตย์จะให้ท้ายลูกน้องตัวเอง และประกาศจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ในข้อหาหมิ่นประมาทอีกต่างหากเจ้าพนักงานอีกต่างหาก

โลกออนไลน์ก็เลยก่นด่ากันอย่างสนุกปาก พร้อมตั้งคำถามว่าเป็นเพราะผู้ต้องหาทั้ง 6 คน เป็นลูกตำรวจหรือไม่ ถึงได้มีการช่วยเหลือกันเยี่ยงนี้

ความวัวยังไม่ทันหายความหมายก็รุกเข้าจู่โจม พล.ต.ท.ศานิตย์เป็นบาดแผลที่ 2 เมื่อเกิดกรณีบุกเข้าตรวจค้น “นาตารี เอนเตอร์เทนเมนท์ อาบอบนวด” ย่านถนนรัชดาภิเษก ในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ พล.ต.ท.ศานิตย์ ในฐานะ รรท.ผบช.น. แล้วพบการกระทำผิดกฎหมายหลายกรณี ทั้งความผิดเกี่ยวกับการขายบริการทางเพศ และความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์

แต่ที่หนักหนาสาหัสคือยังตรวจพบ “บัญชีส่วยน้ำกาม” ซึ่งระบุถึงการจ่ายเงินให้กับหน่วยงานต่างๆ เป็นหางว่าว

และผลงานสดๆ ร้อนๆ ที่โลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์กันจน พล.ต.ท.ศานิตย์ขึ้นแท่นเป็น “เน็ตไอดอล” อันดับ 1 ของวงการตำรวจก็คือ “คดีหญิงไก่” เมื่อ “แป๊ะเล็ก” ผู้นี้ให้สัมภาษณ์ในทำนองปกป้องผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองในทำนองว่า “หากเรียกตำรวจทั้ง 16 นาย มาสอบถามแล้วรับสารภาพว่าทำผิด คงไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง อาจจะเปลี่ยนเป็นให้รับโทษทางวินัยว่ากล่าวตักเตือน ภาคทัณฑ์ กักยาม แต่ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเขามีพฤติการณ์ที่จะช่วยเหลือนางไก่ ก็ต้องปฏิบัติไปตามกระบวนการสอบข้อเท็จจริงต่อไป”

ว่าก็ว่าเถอะ ความเป็นเน็ตไอดอลของ พล.ต.ท.ศานิตย์นั้น ถึงขนาดถูกหยิบยกเป็นหัวข้อสนทนาในเว็บไซต์พันทิปว่า “พล.ต.ม.ศานิตย์ มหถาวร นายตำรวจที่คนไทยไม่ปลื้ม” กันเลยทีเดียว

เห็น “แป๊ะเล็ก” ออกทะเลอย่างนี้ ก็ต้องใช้คำว่า เข้าทางและเข้าเท้า “แป๊ะใหญ่-พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จังเบ้อเร้อ เพราะเป็นที่รับรู้กันอยู่แล้วว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 แป๊ะนั้นไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าใดนัก แถมยังมีปัญหาในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บังคับการ(รอง ผบก.)-สารวัตร มาอย่างต่อเนื่อง เพราะต่างฝ่ายต่างก็มี “ตั๋ว” ของตนเองจนทำให้การจัดทำโผล่าช้าเป็นประวัติการณ์ในประวัติศาสตร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียกว่า กว่าจะสะเด็ดน้ำก็เล่นเอาขายขี้หน้าประชาชีทั้งเมืองเพราะโผที่คลอดออกมาสุดแสนจะพิสดารเนื่องจากทั้งชื่อผิด ตำแหน่งเพี้ยน คนที่ตายไปแล้วก็ยังมีชื่อโผล่มารับตำแหน่งกับเขาด้วย ฯลฯ

กระทั่งมีข่าว “ลึกแต่ไม่ลับ” เล็ดลอดออกมาว่า แป๊ะใหญ่(อาจ) จะมีคำสั่งให้ “แป๊ะเล็ก” พ้นจากเก้าอี้ รรท.ผบช.น.เสียทีหลังจากฮึ่มฮั่มมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่แป๊ะเล็กศิษย์ลุงตู่ก็ยังหนังเหนียวเพราะมีลูกพี่หนุนหลัง จนแป๊ะใหญ่ไม่อาจทำอะไรได้

เจ้ากรมข่าวลือโหนกระแสซารางเฮโยด้วยการปล่อยข่าวออกมาขย่มว่า พล.ต.ท.ศานิตย์จะเด้งพ้นเก้าอี้ “น.1” กลับไปเป็น ผบช.ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตร. ) ตามเดิม ส่วนแคนดิเดทที่อาจเข้ามารับตำแหน่งแทน คือ “บิ๊กหยม-พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช” ผบช. ภ.7 ซึ่งถูกวางตัวให้เป็น ผบช.น.ไว้ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำเนื่องจากเคยเป็นทีมงานให้ “แป๊ะใหญ่ “ สมัยนั่งคุมนครบาลและเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน

ทั้งนี้ แม้บาดแผลของแป๊ะเล็กได้ถูกรวบรวมเอาไว้อย่างต่อเนื่องและอย่างเป็นระบบเพื่อนำเสนอข้อมูลให้ “ลุงป้อม” สามารถชี้แจงและขออนุมัติย้ายจาก “ลุงตู่” ได้อย่างไม่มีข้อกังขาอีกต่อไป แต่เชื่อเถอะว่า ศานิตย์ศิษย์ลุงตู่จะยังหนังเหนียวเหมือนเดิม

กล่าวสำหรับ พล.ต.ท.ศานิตย์นั้น การก้าวขึ้นมารั้งเก้าอี้ “ผู้บัญชาการประเทศไทย” หรือ “ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล” ซึ่งแม้วันนี้จะยังคงเป็น “รักษาราชการแทน” แต่ก็ต้องบอกว่า เส้นทางของเขาไม่ธรรมดายิ่งนัก

ก่อนหน้านั้น พล.ต.ท.ศานิตย์(นรต.34) เป็น รอง ผบช.ภ.1 และ รรก.ผบช.ภ.2 ซึ่งชีวิตรับราชการเติบโตสายงานสืบสวนสอบสวน ขึ้นเป็นที่ผกก.สภ.อ.เมืองแพร่, ผกก.สภ.อ.ดอกคำใต้, ผกก.สภ.เทิง, ผกก.สภ.เวียงสา, ผกก.สภ.เมืองน่าน แล้วขยับเป็น รอง ผบก.ภ.จ.น่าน, รอง ผบก.ทท., รอง ผบก.รน. และได้ดีเป็น “รองผู้การฯกองปราบ” และเป็นผู้การฯเต็มตัวที่ “นครบาล3”

ในยุคที่ “บิ๊กอ๊อด-พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และมีการวางคนลงเก้าอี้สำคัญๆ ชื่อของ พล.ต.ท.ศานิตย์ ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้บัญชากรตำรวจภูธร ภาค1(ผบช.ภ1) ก็โผล่พรวดออกมาเป็น “ตัวเต็ง”

สื่อทุกสำนักรายงานตรงกันว่า เป็นโควตาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ซึ่งในที่สุด พล.ต.ท.ศานิตย์ก็ได้รับนอนมาในเก้าอี้ น.1 จริงๆ นับเนื่องตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 จนถึงปัจจุบัน กระทั่งมีกระแสถูกเด้งพ้นนครบาลออกมาอีกระลอก แต่ก็ดูเหมือน พล.ต.ท.ศานิตย์จะไม่ยี่หระสักเท่าไหร่

“ผมไม่ขอตอบกรณีดังกล่าว เขาเรียกมารไม่มี บารมีไม่เกิด ทำดีต้องมีสมาธิ เรายึดมั่นในสิ่งที่ทำดี คนที่ทำไม่ดีก็ต้องแพ้ภัยไปกับตนเอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวล อยู่ที่ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้พิจารณา ผมพร้อมที่จะน้อมรับและก็ไม่กังวล”พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวด้วยความมั่นใจเหลือกำลัง

กลับมาที่สายสัมพันธ์ระหว่างนายกฯ ลุงตู่ กับ “แป๊ะเล็ก” อีกครั้ง....เพราะหลายคนสงสัยว่าไปรู้จักมักจี่และสายสัมพันธ์แนบแน่นกันมาตั้งแต่ครั้งไหน ทำไมถึงได้ “ซี้ย่ำปึ้ก” กันถึงขนาดนี้

จุดเริ่มต้นของเรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อหลักปฏิบัติจับ “เสธฯแดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล อดีตนายทหารคนดัง ซึ่งเวลานั้นกำลังกร่างได้ที่จนสร้างความประทับใจให้กับ “บิ๊กๆ ทหาร” ที่ถวิลหาแนวร่วมที่ไม่ใช่ “ตำรวจมะเขือเทศ” รวมทั้งบิ๊กทหารที่ชื่อ “ลุงตู่”

และจากนั้นก็ได้เข้าร่วมงานกับขุนทหารมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการมีส่วนร่วมควบคุมสถานการณ์เหตุการณ์ไม่สงบในบ้านเมือง เมื่อปี 2553 หรือกำกับดูแลสนามเลือกตั้งในพื้นที่คนเสื้อแดง เรียกว่าทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ เรียกปุ๊บมาปั๊บ ไม่มีกึ๊กกั๊กเหมือนนายตำรวจคนอื่นๆ

เมื่อครั้งที่นายกฯ ลุงตู่ทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และมีการเด้ง “พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว” พ้นจากเก้าอี้ ผบ.ตร. รวมทั้ง “นายตำรวจสายแดง” หลายต่อหลายคนพ้นจากตำแหน่ง ก็ได้ตอกย้ำความสัมพันธ์ของนายกฯ ลุงตู่กับ พล.ต.ท.ศานิตย์อีกครั้ง เมื่อ พล.ต.ท.ศานิตย์ถูกเลือกให้รักษาราชการแทน ผบช.ภ.2 (พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผบช.ภ.2 สายตรง เจ๊แดง-นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) ขณะเป็นรองผบช.อ่อนอาวุโส ...คิดดูก็แล้วกันว่า แนบแน่นกันขนาดไหน

นี่ไม่นับรวมถึงความเป็นคน “บ้านใกล้อาจารย์น้อง” รวมทั้งความสัมพันธ์กับ “นายพลแก้มแดง” อดีตผู้บัญชาการ สตม. ซึ่งเป็น “คู่เขย” กับคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ซึ่งมีส่วนทำให้กระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองคนให้แนบแน่นเข้าไปอีกจนยากที่จะสั่นคลอน

แม้กระทั่งในช่วงมีการงัดข้อกันระหว่าง “แป๊ะเล็กและแป๊ะใหญ่” กรณีแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ ก็ถึงขนาดมีกระแสข่าวเด้ง “2 แป๊ะ” ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนที่จะมีการเคลียร์ใจกันระหว่าง “พี่น้องผู้มีอำนาจตัวจริง” จนเรื่องผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

ที่เด็ดไปกว่านั้นคือ ไม่ใช่แค่สายสัมพันธ์กับนายกฯ ลุงตู่เท่านั้น หากแต่พล.ต.ท.ศานิตย์ยังมีความแนบแน่นกับ “ลุงกำนัน-สุเทพ เทือกสุบรรณ” อีกด้วย กล่าวคือในช่วงที่มีม็อบ กปปส.พล.ต.ท.ศานิตย์คือนายตำรวจที่ปรากฏกายอยู่หลังเวทีแทบจะทุกค่ำคืนเลยก็ว่าได้

ไม่เชื่อไปถาม “แกนนำนกหวีด” ดูก็ได้ว่า คุ้นเคยกับ พล.ต.ท.ศานิตย์แค่ไหน

และนั่นคือความไม่ธรรมดาของ “แป๊ะเล็ก” พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ซึ่งแม้จะมีการแทงกั๊กให้เป็นแค่ รรท.ผบช.น.แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครโยกเขาพ้นจากเก้าอี้ตัวนี้ได้

ว่าแต่ว่า ฝากนายกฯ ลุงตู่และลุงกำนันสุเทพไปตักเตือนสักนิดก็ดี เพราะหลังๆ คะแนนนิยมของ พล.ต.ท.ศานิตย์ในสายตาประชาชนนั้นย่ำแย่จริงๆ โดยเฉพาะหลังจากทำท่า “ซารางเฮโย” ออกมา


กำลังโหลดความคิดเห็น