เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 สั่งย้ายข้าราชการระดับสูง 23 คน หลังถูกร้องปล่อยให้เกิดการทุจริตในพื้นที่ และให้ผู้บังคับบัญชาหน่วยงานต้นสังกัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 30 วัน
การใช้มาตรา 44 สั่งย้ายฟ้าผ่าข้าราชการชุดใหญ่ครั้งนี้ มีนายตำรวจที่เพิ่งตกเป็นข่าวฉาวโฉ่ทั้งเรื่องบ่อน ทั้งเรื่องแรงงานต่างด้าว และอาบอบนวดที่นำชาวต่างชาติมาขายบริการทางเพศรวมอยู่ด้วยถึง 17 นาย
ตำแหน่งตั้งแต่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ยศ พล.ต.ท.ไล่ลงไปถึงผู้บังคับการจังหวัด กระทั่งตำรวจระดับสารวัตรยศ พ.ต.ต.โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.สั่งโยกเข้ากรุหมด และรอสอบสวนความผิดภายใน 30 วัน
ความผิดที่ถูกตั้งแท่นไว้แล้วคือ การปล่อยให้เกิดการทุจริตในพื้นที่ ซึ่งศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) จะแจ้งข้อเท็จจริงในการตรวจสอบตำรวจที่ถูกย้ายทั้ง 17 นายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับทราบ เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาตั้งคณะกรรมการสอบสวน
ถ้าพบความผิดหรือความผิดอื่นที่เชื่อมโยงไปถึง ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการความผิดทางวินัยและอาญา แต่ถ้าไม่พบความผิดหรือไม่ถึงขั้นดำเนินการตามวินัย ให้กลับไปดำรงตำแหน่งระดับเดิมตามความเหมาะสม
นายตำรวจใหญ่ที่ถูกมาตรา 44 เล่นงาน ล้วนแต่เชื่อมโยงกับคดีฉาวโฉ่ที่เกิดก่อนหน้า โดยพล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 มีส่วนรับผิดชอบกรณีที่ทหารบุกทลายบ่อนใหญ่กลางเมืองหาดใหญ่ ซึ่งเปิดมานานตั้งแต่ยุค พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เสียอีก
และประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนหน้า ทหารได้บุกทลายบ่อนใหญ่ที่อำเภอสะเดา ได้นักพนันประมาณ 200 คน แต่ปรากฏว่า ไม่มีข่าวการย้ายผู้กำกับการตำรวจในอำเภอสะเดา ไม่มีข่าวการตั้งกรรมการสอบสวนตำรวจที่รับผิดชอบในพื้นที่
ส่วนพ.ต.อ.ภาสกร กลั่นหวาน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ เคยถูกย้ายออกจากพื้นที่ และถูกตั้งกรรมการสอบสวน แต่เพียงไม่กี่วันก็ได้ย้ายกลับ โดยไม่มีความผิดแต่อย่างใด รอบนี้พล.อ.ประยุทธ์จึงลงมือเชือดเอง สั่งย้ายเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพ่วงพล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ในฐานะผู้บังคับบัญชาไปด้วย
พล.ต.ต.สรไกร พูลเพิ่ม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งถูกสั่งให้เข้าประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะมีข่าวฉาวโฉ่การหากินกับแรงงานพม่า ในช่วงที่นางออง ซาน ซูจี มาเยี่ยมแรงงานพม่าที่สมุทรสาคร โดยสื่อมวลชนที่ลงไปทำข่าวนางออง ซาน ได้สัมภาษณ์แรงงานชาวพม่า
ประเด็นหนึ่งที่แรงงานชาวพม่าเรียกร้องคือ ขอให้ตำรวจไทย “ไถ” น้อยลงหน่อย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาครจึงดวงกุด
สำหรับคดีบุกอาบอบนวด “นาตารี” จับหญิงขายบริการนับร้อย และมีหญิงบริการอายุต่ำกว่า 18 ปีหลายคน นอกจากนั้นยังเจอโพยจ่ายส่วยตำรวจหลายหน่วยงาน แม้จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน แม้จะมีคำสั่งเด้งนายตำรวจสน.ห้วยขวางที่รับผิดชอบออกนอกพื้นที่
แต่คาดกันไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ผลการสอบสวนจะสรุปออกมาอย่างไร และนายตำรวจสน.ห้วยขวางที่ถูกเด้ง คงย้ายกลับตำแหน่งเดิม โดยไม่มีความผิดใดๆ
กว่า 2 ปีแล้วที่พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาเป็นหัวหน้า คสช.และไม่เคยตำหนิการทำงานของตำรวจแม้แต่น้อย แต่การจัดหนักสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งนี้ อาจเป็นเพราะทนดูตำรวจเล่น “ปาหี่” ไม่ไหว
ทนคำร้องเรียนของชาวบ้านไม่ได้ ทนฟังเสียงประณามพฤติกรรมของตำรวจไม่ไหว และทนให้ประชาชนโจมตีรัฐบาลทหารที่ไม่ยอมแก้ปัญหาตำรวจอย่างจริงจังไม่ได้อีกแล้ว
การใช้มาตรา 44 สั่งย้าย 17 นายตำรวจที่เกี่ยวโยงกับข่าวฉาวโฉ่ เป็นการประกาศให้รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์หมดความเกรงใจตำรวจแล้ว และเชือดตำรวจชุดนี้เป็นตัวอย่าง
สังคมอาจมีความหวังเล็กๆ กับพล.อ.ประยุทธ์ขึ้นมาบ้าง โดยการฟันตำรวจครั้งนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นสู่การปฏิรูปตำรวจก็ได้ ซึ่งต้องรอดูกันต่อไป รออีก 30 วันข้างหน้าว่า ตำรวจจะสรุปผลการสอบสวนความผิด 17 นายตำรวจที่ถูกจัดการด้วยมาตรา 44 ออกมาอย่างไร
พล.ต.อ.จักรทิพย์จะหาทางออกอย่างไรให้ลูกน้อง 17 คนที่ถูกพล.อ.ประยุทธ์หมายหัว เพราะจะตั้งกรรมการสอบสวนกันพอเป็นพิธี จะย้ายกันไปเพื่อเล่น “ปาหี่” ให้ชาวบ้านดูเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว
ลงทุนใช้มาตรา 44 จัดการตำรวจทั้งที ถ้าตำรวจยังเล่น “ลิเก” มุกเก่าให้ดู ยังอุ้มพวกพ้องกันอีก พล.อ.ประยุทธ์จะใจดีกับตำรวจอยู่หรือไม่ นี่แหละคำถามที่ชาวบ้านกำลังรอดูคำตอบ
การใช้มาตรา 44 สั่งย้ายฟ้าผ่าข้าราชการชุดใหญ่ครั้งนี้ มีนายตำรวจที่เพิ่งตกเป็นข่าวฉาวโฉ่ทั้งเรื่องบ่อน ทั้งเรื่องแรงงานต่างด้าว และอาบอบนวดที่นำชาวต่างชาติมาขายบริการทางเพศรวมอยู่ด้วยถึง 17 นาย
ตำแหน่งตั้งแต่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ยศ พล.ต.ท.ไล่ลงไปถึงผู้บังคับการจังหวัด กระทั่งตำรวจระดับสารวัตรยศ พ.ต.ต.โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.สั่งโยกเข้ากรุหมด และรอสอบสวนความผิดภายใน 30 วัน
ความผิดที่ถูกตั้งแท่นไว้แล้วคือ การปล่อยให้เกิดการทุจริตในพื้นที่ ซึ่งศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) จะแจ้งข้อเท็จจริงในการตรวจสอบตำรวจที่ถูกย้ายทั้ง 17 นายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับทราบ เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาตั้งคณะกรรมการสอบสวน
ถ้าพบความผิดหรือความผิดอื่นที่เชื่อมโยงไปถึง ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการความผิดทางวินัยและอาญา แต่ถ้าไม่พบความผิดหรือไม่ถึงขั้นดำเนินการตามวินัย ให้กลับไปดำรงตำแหน่งระดับเดิมตามความเหมาะสม
นายตำรวจใหญ่ที่ถูกมาตรา 44 เล่นงาน ล้วนแต่เชื่อมโยงกับคดีฉาวโฉ่ที่เกิดก่อนหน้า โดยพล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 มีส่วนรับผิดชอบกรณีที่ทหารบุกทลายบ่อนใหญ่กลางเมืองหาดใหญ่ ซึ่งเปิดมานานตั้งแต่ยุค พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เสียอีก
และประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนหน้า ทหารได้บุกทลายบ่อนใหญ่ที่อำเภอสะเดา ได้นักพนันประมาณ 200 คน แต่ปรากฏว่า ไม่มีข่าวการย้ายผู้กำกับการตำรวจในอำเภอสะเดา ไม่มีข่าวการตั้งกรรมการสอบสวนตำรวจที่รับผิดชอบในพื้นที่
ส่วนพ.ต.อ.ภาสกร กลั่นหวาน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ เคยถูกย้ายออกจากพื้นที่ และถูกตั้งกรรมการสอบสวน แต่เพียงไม่กี่วันก็ได้ย้ายกลับ โดยไม่มีความผิดแต่อย่างใด รอบนี้พล.อ.ประยุทธ์จึงลงมือเชือดเอง สั่งย้ายเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพ่วงพล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ในฐานะผู้บังคับบัญชาไปด้วย
พล.ต.ต.สรไกร พูลเพิ่ม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งถูกสั่งให้เข้าประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะมีข่าวฉาวโฉ่การหากินกับแรงงานพม่า ในช่วงที่นางออง ซาน ซูจี มาเยี่ยมแรงงานพม่าที่สมุทรสาคร โดยสื่อมวลชนที่ลงไปทำข่าวนางออง ซาน ได้สัมภาษณ์แรงงานชาวพม่า
ประเด็นหนึ่งที่แรงงานชาวพม่าเรียกร้องคือ ขอให้ตำรวจไทย “ไถ” น้อยลงหน่อย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาครจึงดวงกุด
สำหรับคดีบุกอาบอบนวด “นาตารี” จับหญิงขายบริการนับร้อย และมีหญิงบริการอายุต่ำกว่า 18 ปีหลายคน นอกจากนั้นยังเจอโพยจ่ายส่วยตำรวจหลายหน่วยงาน แม้จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน แม้จะมีคำสั่งเด้งนายตำรวจสน.ห้วยขวางที่รับผิดชอบออกนอกพื้นที่
แต่คาดกันไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ผลการสอบสวนจะสรุปออกมาอย่างไร และนายตำรวจสน.ห้วยขวางที่ถูกเด้ง คงย้ายกลับตำแหน่งเดิม โดยไม่มีความผิดใดๆ
กว่า 2 ปีแล้วที่พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาเป็นหัวหน้า คสช.และไม่เคยตำหนิการทำงานของตำรวจแม้แต่น้อย แต่การจัดหนักสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งนี้ อาจเป็นเพราะทนดูตำรวจเล่น “ปาหี่” ไม่ไหว
ทนคำร้องเรียนของชาวบ้านไม่ได้ ทนฟังเสียงประณามพฤติกรรมของตำรวจไม่ไหว และทนให้ประชาชนโจมตีรัฐบาลทหารที่ไม่ยอมแก้ปัญหาตำรวจอย่างจริงจังไม่ได้อีกแล้ว
การใช้มาตรา 44 สั่งย้าย 17 นายตำรวจที่เกี่ยวโยงกับข่าวฉาวโฉ่ เป็นการประกาศให้รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์หมดความเกรงใจตำรวจแล้ว และเชือดตำรวจชุดนี้เป็นตัวอย่าง
สังคมอาจมีความหวังเล็กๆ กับพล.อ.ประยุทธ์ขึ้นมาบ้าง โดยการฟันตำรวจครั้งนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นสู่การปฏิรูปตำรวจก็ได้ ซึ่งต้องรอดูกันต่อไป รออีก 30 วันข้างหน้าว่า ตำรวจจะสรุปผลการสอบสวนความผิด 17 นายตำรวจที่ถูกจัดการด้วยมาตรา 44 ออกมาอย่างไร
พล.ต.อ.จักรทิพย์จะหาทางออกอย่างไรให้ลูกน้อง 17 คนที่ถูกพล.อ.ประยุทธ์หมายหัว เพราะจะตั้งกรรมการสอบสวนกันพอเป็นพิธี จะย้ายกันไปเพื่อเล่น “ปาหี่” ให้ชาวบ้านดูเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว
ลงทุนใช้มาตรา 44 จัดการตำรวจทั้งที ถ้าตำรวจยังเล่น “ลิเก” มุกเก่าให้ดู ยังอุ้มพวกพ้องกันอีก พล.อ.ประยุทธ์จะใจดีกับตำรวจอยู่หรือไม่ นี่แหละคำถามที่ชาวบ้านกำลังรอดูคำตอบ