xs
xsm
sm
md
lg

อย่ากลัวรณรงค์ไม่รับร่าง รธน.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


หนึ่งความคิด
โดย...สุรวิชช์ วีรวรรณ

เช้าวันหนึ่งเรานั่งคุยกันถึงคนหนุ่มสาวในยุคหนึ่งที่ลุกขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลงค่านิยมสังคมแบบเก่าจนถูกกวาดล้างอย่างรุนแรง แน่นอนภาพที่ออกมาเป็นความโหดร้ายที่คนไทยกระทำต่อคนไทย แต่หนึ่งคนที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นยืนยันว่า รัฐไทยก็ไม่มีทางเลือกมากกว่านั้นถ้าจะรักษาระบอบนี้เอาไว้ ในขณะที่เพื่อนบ้านล้มครืนด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ไปหมดแล้ว

วันนี้คนหนุ่มสาวในยุคนั้นกลายเป็นคนแก่เฒ่าบางคนกลับมานั่งทบทวนเหตุการณ์ในวันนั้น บางคนแม้ปวดร้าวก็เข้าใจอย่างที่ว่ามา แต่หลายคนยังคงเจ็บจำฝังแค้นและเจ็บปวดกับเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่รู้ลืม และรอวันที่พวกเขาจะเอาคืน

นึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นแล้ว ผมนึกถึงที่ พี่เนา-เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ มักยกเอาคำพูดหนึ่งจากหนังเรื่อง V for Vendetta มาพูดถึงเสมอที่ว่า “หนุ่มสาวไม่เป็นกบฏก็ไม่มีใจ คนสูงอายุเป็นกบฏก็ไม่มีสมอง”

ผมพยายามตีความความหมายของประโยคนี้ “หนุ่มสาวไม่เป็นกบฏก็ไม่มีใจ คนสูงอายุเป็นกบฏก็ไม่มีสมอง” น่าจะหมายความว่า “คนหนุ่มสาวนั้นมักตัดสินใจปัญหาด้วยหัวใจที่เร่าร้อน แต่เมื่อสูงอายุแล้วจะทำอะไรต้องใช้สมองไตร่ตรองเสียก่อน” นี่เป็นความเห็นความคิดของผมคนเดียวนะครับ ผิดถูกอย่างไรตรงกับเนื้อหาในหนังหรือไม่ บอกตรงๆ ครับว่ายังไม่ได้ดู

เมื่อคนหนุ่มสาวยุคนั้นทางฝ่ายต่างมีจุดยืนของตัวเองในยุคนี้ฝ่ายหนึ่งไปอยู่กับระบอบทักษิณแล้วแอบอ้างเรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตย ในขณะที่ฝ่ายต่อต้านทักษิณถูกกล่าวหาว่าละทิ้งอุดมการณ์

ทั้งที่จริงแล้วจะเอาทฤษฎีความเชื่อแบบเก่ามาจับไม่ได้เลย ฝ่ายทักษิณจะอ้างว่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตยได้อย่างเดียวเพราะมาจากการเลือกตั้ง แต่ฝ่ายต่อต้านทักษิณเห็นว่าแม้ทักษิณจะมาจากการเลือกตั้งแต่ก็ใช้อำนาจอย่างเหิม เกริมแสวงหาประโยชน์จากอำนาจดังนั้นต้องออกมาขับไล่ไม่ใช่ปฏิเสธอุดมการณ์ประชาธิปไตยแต่ต้องการให้ฝ่ายที่ชนะเลือกตั้งใช้อำนาจอย่างชอบธรรมด้วย

ถามว่าตอนยุคนั้นคนหนุ่มสาวเหล่านี้เติบโตจากความเชื่อที่บริสุทธิ์ของตัวเองหรือไม่ คำตอบของผมคิดว่าอาจมีบ้างจากการอ่านหนังสือศึกษาหาความรู้ที่ยุคนั้นเป็นยุคประชาธิปไตยเบ่งบานหลังเหตุการณ์14 ตุลา 2516 แต่หลายคนสมาทานกับลัทธิเหมาเพราะถูกจัดตั้งโดยคนของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศที่เคลื่อนไหวอยู่ในป่าเขา คนหนุ่มสาวถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง เล่ากันว่าถึงขนาดขึ้นรูปของเหมาเจ๋อตงหน้าหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในขณะที่ตอนนั้นพรรคคอมมิวนิสต์มีชัยชนะในเวียดนามลาวและกัมพูชา

แต่ยุคนั้นก็ผ่านไปแล้ววันนี้พิสูจน์กันทั่วโลกแล้วว่าอุดมการณ์คอมมิวนิสต์เป็นความผิดพลาด เหลือเพียงจีนที่เป็นคอมมิวนิสต์ที่กำลังกลายพันธุ์ พวกนิยมคอมมิวนิสต์หลายคนที่ยืนข้างทักษิณจึงหันมาชูอุดมการณ์เสรีนิยมสาธารณรัฐ ระบอบประชาธิปไตยแบบวันแมนวันโหวต และบูชาหีบเลือกตั้งแทน แน่นอนมีหลายคนที่บูชาเงินของทักษิณ

แต่โลกก็ไม่เคยขาดแคลนคนหนุ่มสาวที่เร่าร้อน หนุ่มสาวผู้เป็นกบฏด้วยหัวใจ เราจึงเห็นจ่านิวเอย กลุ่มดาวดินเอย กลุ่มประชาธิปไตยใหม่เอยเกิดขึ้นมา

ถามว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้ส่วนใหญ่ทำด้วยอุดมการณ์ของตัวเองไหมผมว่าก็น่าจะใช่ แต่ถ้ามีใครพยายามแอบซ่อนอยู่คอยดันหลังนักศึกษาเหล่านี้ให้เงินให้ทองบ้างไหม ผมก็เชื่อว่ามี บางคนอาจจะรู้ตัวบางคนอาจจะไม่รู้ตัว บางคนอาจจะถือว่าแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่างๆ แม้การเคลื่อนไหวจะทำให้ฝ่ายทักษิณได้ประโยชน์ก็ต้องยอม

ขนาดผู้เฒ่า สุรชัย แซ่ด่าน ซึ่งตอนนี้แฝงตัวด่าระบอบกษัตริย์อยู่ในสหรัฐอเมริกาและเชื่อมโยงกับฝ่ายสนับสนุนระบอบทักษิณก็ยังเคยบอกว่า ต้องยืมมือทักษิณโค่นระบอบก่อนแล้วค่อยโค่นทักษิณทีหลัง

แน่นอนว่าเป้าหมายของคนหนุ่มสาวเหล่านี้ก็คือการเชิดชูอุดมการณ์ประชาธิปไตยและต่อต้านระบอบ คสช.แต่ผมคิดว่า คสช.ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ในหลายหน เพราะเที่ยวไปไล่จับคนหนุ่มสาวพวกนี้แล้วสุดท้ายก็ต้องปล่อยตัวให้พวกนี้มาเคลื่อนไหวอีก ทั้งที่หลายครั้งไม่มีประโยชน์ที่จะไปไล่จับเลยแม้พวกนี้จะออกมาเคลื่อนไหวให้รณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญก็ตาม

เพราะการรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญไม่น่าจะเข้าข่ายความผิด ตามพรบ.ประชามติฯ มาตรา 61 วรรค 2 ที่ว่า “ผู้ใดดําเนินการเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียง ในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือในช่องทางอื่นใด ที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง หรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียงให้ถือว่าผู้นั้นกระทําการก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย”

แต่รัฐบาลก็พยายามจะจับกุมด้วยข้อหาขัดข้อห้ามการชุมนุมหรือขัดประกาศอื่นๆ ของ คสช.ซึ่งไม่น่าจะถูกต้อง เพราะเนื้อแท้ของการทำประชามติก็คือการรับฟังความเห็นที่ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย และควรจะให้มีการรณรงค์ตราบที่ไม่ผิด พ.ร.บ.ประชามติฯมากกว่าการอ้างคำสั่งหรือกฎหมายอื่นมาจับกุม

แถมสุดท้ายเมื่อจับไปแล้วก็ต้องจับๆ ปล่อยเพราะกลัวกระแสกดดันจากต่างประเทศ ปล่อยมาแล้วกลุ่มนักศึกษาก็ออกมาเคลื่อนไหวเหมือนเก่าอีกแบบตั้งใจยั่วยุให้จับ เพราะมีเป้าหมายเพียงต้องการทำลายความชอบธรรมของการลงประชามติ เพื่อแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความเห็นโดยปล่อยให้รณรงค์ฝ่ายเดียว พวกนี้จะหยิบเอาสถานการณ์นี้นี่แหละไปพูดในที่หลังว่าการทำประชามติไม่ชอบธรรมเพราะปิดกั้นการแสดงความเห็น

ผมจึงอยากบอกว่า ปล่อยไปเถอะครับให้พวกเขาแสดงออกตราบที่เขายังอยู่ในกรอบของกฎหมาย อย่าไปใช้อำนาจแบบครอบจักรวาล แค่หาทางป้องกันไม่ให้หนุ่มสาวเหล่านี้ถูกพวกแก่เฒ่าเอามาใช้เป็นเครื่องมือ ผมไม่ได้เรียกร้องให้ คสช.ปล่อยให้คนเหล่านี้แสดงเสรีภาพอย่างกว้างขวางจนเกินขอบเขต แต่ก็ควรปล่อยพวกเขาถ้ายังไม่ก้าวข้ามมาตรา 61 วรรค 2 เท่านั้นเอง

การแสดงความเห็นของคนหนุ่มสาวเหล่านี้แม้จะชวนให้คนไม่ลงมติไม่รับร่างก็ไม่สามารถกระเทือนเป้าหมายของ คสช.ที่มีเครื่องไม้เครื่องมือมากกว่าไปได้ แถม คสช.ยังจะเอาไปพูดได้อีกว่า ไม่มีการปิดกั้นเสรีภาพ

รู้ครับว่ายุคนี้เป็นยุคจำกัดสิทธิเสรีภาพ แต่เมื่อเปิดให้ประชามติแล้วก็ต้องเปิดใจกว้างจะไปกลัวทำไม ถ้ากลัวก็ใช้มาตรา 44 ประกาศใช้ไปเลยไม่ดีกว่าหรืออำนาจอยู่ในมือแล้วจะมายืมอำนาจประชาชนทำไม


กำลังโหลดความคิดเห็น