xs
xsm
sm
md
lg

รัฐตั้งศูนย์รักษาความสงบ รับมือประชามติ เมิน”หญิงหน่อย”จุ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

รัฐบาลตั้งศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยทั่วประเทศ สนับสนุนการลงประชามติ ขอทุกภาคส่วนร่วมเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแส เมินกรณีคุณหญิงสุดารัตน์เดินหน้าพูดคุยอดีตนักการเมือง ขณะที่ “วัฒนา” ยั่วยุรายวัน โผล่เฟซฯ หนุนคุณหญิงหน่อย

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลให้ความร่วมมือและสนับสนุนกกต. ในการจัดให้มีการออกเสียงประชามติร่างรธน.ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สุจริต และเที่ยงธรรม โดยจัดตั้งศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฯขึ้นในทุกจังหวัด และอำเภอ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 59

"ในระดับจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็น ผอ.ศูนย์ฯ ส่วนระดับอำเภอ มีนายอำเภอเป็น ผอ.ศูนย์ฯ และมีหัวหน้าส่วนราชการเป็นกรรมการ ทำหน้าที่ 3 ภารกิจหลัก คือด้านการบริหารจัดการ เช่นจัดทำแผนเผชิญเหตุ ติดตามสถานการณ์ ตั้งจุดตรวจจุดสกัดฯลฯ ด้านการข่าว เสาะหาข่าวที่บิดเบือนเนื้อหาของรธน. การกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ประชามติ หรือเหตุการณ์ความไม่สงบเรียบร้อย และด้านการแก้ไขปัญหาการชุมนุมสาธารณะ ดำเนินการตามพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558”

ทั้งนี้ เป้าหมายของการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าว เพื่อป้องกัน ระงับ ยับยั้งเหตุที่จะนำไปสู่ความไม่สงบ สนับสนุนให้การออกเสียงประชามติร่างรธน. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ ยุติธรรม อิสระ และเป็นกลาง ซึ่งเป็นการดำเนินการที่มีกฎหมายรองรับและเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของส่วนราชการโดยตรง มีขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจน โดยจะแบ่งการรายงานเหตุการณ์ไปยังผู้บริหาร 3 ระยะ คือก่อนวันออกเสียงประชามติ 1 ก.ค.- 6 ส.ค.59 วันออกเสียงประชามติ 7 ส.ค.59 และหลังวันออกเสียงประชามติ 8 -10 ส.ค.59 หรือจนกว่าจะเรียบร้อย

"ท่านนายกฯย้ำชัดเจนว่าจะไม่ปล่อยให้มีการโกง หรือขัดขวางการลงประชามติเกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ดุลพินิจของตนเองตัดสินใจอย่างเต็มที่ โดยได้กำชับให้แต่ละจังหวัดและอำเภอ ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด ให้เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้ที่ยึดถือกฎหมาย และทำเพื่อประโยชน์ของสาธารณะอย่างแท้จริง รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนทุกภาคส่วน ร่วมเป็นหูเป็นตา หากพบเบาะแสการกระทำผิดกฎหมายประชามติ หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ดำเนินการโดยด่วน" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

**คสช.ขอฝ่ายการเมืองหยุดเคลื่อนไหว

พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ รองหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ส่วนงานรักษาความสงบ สำนักงานเลขาธิการ คสช. กล่าวถึงกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ยืนยันเดินหน้าแนวคิดการพูดคุยกับอดีตนักการเมือง เพื่อคลี่คลายความขัดแย้ง และหาทางออกให้กับประเทศ ว่า คสช.ยังไม่มีมาตการใดๆ ในการดำเนินการ เพราะเราได้ดูความเคลื่อนไหว และประเมินสถานการณ์อยู่ตลอด ทั้งนี้เห็นว่าการที่นักการเมืองออกมาเคลื่อนไหว อยากทำกิจกรรม ก็เพื่อตรวจสอบกระแส โยนหินถามทางดูว่า คสช.จะมีปฏิกิริยาอะไร หรือไม่ แต่เราขอยืนยันว่า หากคสช.รักษาสถานการณ์ไปด้วยความสงบ บ้านเมืองยังไม่มีความวุ่นวายอะไรจนไปถึงวันลงประชามติ 7 ส.ค. นี่คือเป้าหมายแรกของเรา สิ่งสำคัญคือ ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กรอบกติกา

"ในการเคลื่อนไหวต่างๆ ของอดีตนักการเมือง เรามีพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฯ บังคับใช้อยู่ ทั้งการงดเว้นการเคลื่อนไหว ไม่สร้างความสับสนให้กับประชาชน และไม่ทำอะไรเกิน เราก็ขอร้อง และขอความร่วมมือกันไปให้ช่วยกันรักษาความสงบบ้านเมือง และให้ กกต. และ กรธ. ได้ทำหน้าที่ของเขาไป" พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าว

***“วัฒนา” ลั่นหนุน “สุดารัตน์”

วันเดียวกัน นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีเนื้อหาว่า “ไม่แปลกใจที่บริวาร คสช. ออกมาโจมตี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่เสนอให้นักการเมืองพูดคุยหาทางออกให้ประเทศ เพราะหากบ้านเมืองสงบ คสช. จะไม่มีที่ยืนในสังคม เพราะอยู่ได้ด้วยอำนาจบนความขัดแย้งของผู้คนในชาติ จึงต้องขัดขวางทุกกระบวนการที่นำไปสู่ความสงบสุขของสังคม แต่ที่แปลกใจ คือ คนของพรรคการเมืองหนึ่งกลับออกมาโจมตีขัดขวางการพูดคุย หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของพรรคการเมืองนั้นถึงขนาดเรียกร้องให้ คสช. ใช้อำนาจเอาผิดตนที่ใส่เสื้อไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ โดยลืมไปว่านั่นคือ การยอมรับอำนาจที่ได้มาโดยไม่ชอบ
ทั้งนี้ ขอสนับสนุนที่จะให้มีการพูดคุยกันเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ เพราะเป็นกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตย จึงขอให้กำลังใจ คุณหญิงสุดารัตน์ หรือท่านใดก็ตามที่จะจัดให้มีการพูดคุยกัน”

** แนะนักการเมืองปฏิรูปพรรค

นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่เสนอตัวปรึกษาหารือนักการเมือง เพื่อหาทางออกประเทศไทยว่า ถ้าบริสุทธิ์ใจจริง ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย เพราะปัญหาบ้านเมืองซับซ้อนมากกว่าที่คิด ที่สำคัญต้นเหตุปัญหาส่วนหนึ่งก็มาจากพฤติกรรมของนักการเมืองเป็นสำคัญ ซึ่งคุณหญิงหน่อย คงทราบดี และไม่ควรไปคิดว่านักการเมืองมาคุยกันไม่กี่คนแล้วบ้านเมืองจะมีทางออก

ฉะนั้น จึงไม่ใช่แค่ความตั้งใจดี แต่คุณหญิงหน่อย ต้องเข้าใจต้นเหตุปัญหาอย่างแท้จริงด้วย ที่สำคัญการเกิดเวทีแบบนี้ คนเป็นเจ้าภาพก็ต้องมีต้นทุน และได้รับความไว้วางใจจากสังคมวงกว้างด้วย ไม่ใช่มีแค่ นายวัฒนา เมืองสุข และคนในพรรคเพื่อไทย ออกมาขานรับอยู่กลุ่มเดียว

สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ สิ่งที่คุณหญิงสุดารัตน์ และนักการเมืองควรทำที่สุดคือ ต้องปฏิรูปตัวเอง ปรับเปลี่ยนวิธีคิดและยอมรับความจริงกันให้ได้เสียก่อนว่า การเมืองที่ล้มเหลวที่ผ่านมาเกิดจากความไม่เอาไหนของนักการเมือง และที่สำคัญถ้ายังจะทำงานการเมืองกันต่ออีก ต้องกล้าปฏิรูปพรรคการเมืองอย่างจริงจัง

** ปชป.ค้านเซ็ตซีโร่พรรค

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานกรธ. ออกมายืนยันว่าไม่มีบทบัญญัติใดในร่างรธน. กำหนดไว้ว่า หากร่างรธน.ผ่านประชามติ พรรคการเมืองในปัจจุบันต้องไปจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ว่า "ความพยายามใดๆ ที่จะให้พรรคการเมืองจดทะเบียนใหม่ มีแต่จะสร้างความยุ่งยากให้พรรคการเมือง และสมาชิกพรรคการเมืองหลายล้านคน ที่จะต้องเข้าสู่กระบวนการสมัครสมาชิกใหม่ ซึ่งมีขั้นตอนการสมัครมากพอสมควร ยังมองไม่เห็นประโยชน์ใดๆ ที่จะได้จากการจดทะเบียนพรรคใหม่ ในทางตรงกันข้าม อาจถูกทำให้มองได้ว่า ต้องการสลายพรรคการเมืองที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อทำให้พรรคการเมืองที่มีอยู่ทุกวันนี้อ่อนแอมากกว่า และสนับสนุนพรรคการเมืองใหม่ ที่มีเครือข่ายสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจ ซึ่งย่อมไม่เกิดผลดีต่อการเดินหน้าไปตามโรดแมปที่วางไว้แต่อย่างใด"

ส่วนที่ประธาน กรธ. เปิดเผยว่า มีวิชามารมาบิดเบือนบทบัญญัติที่ไม่ได้มีอยู่ในร่างรธน. มาใส่ไว้ในร่างรธน. นายองอาจ กล่าวว่า หากมีการใช้วิชามารบิดเบือนเนื้อหาสาระในร่าง รธน.จริง ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ทาง กรธ. ควรจะดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่บิดเบือนอย่างจริงจังมากกว่าที่จะออกมาให้ข้อมูลต่อสาธารณะเฉยๆ เพราะจะทำให้เห็นเป็นตัวอย่างด้วยว่า ลักษณะวิชามารตามที่ประธานกรธ. กล่าวถึงนั้น เป็นความผิดตามกฎหมายหรือไม่ อย่างน้อยที่สุดก็จะเกิดผลดีที่จะเป็นตัวอย่างต่อคนอื่นไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมายในลักษณะนั้นอีก แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย ก็อาจถูกมองได้ว่าเป็นเพียงการตีปลาหน้าไซเท่านั้น ซึ่งจะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อกระบวนการทำประชามติ
กำลังโหลดความคิดเห็น