ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -แรกๆ ก็ฮือฮา ยึดหน้าสื่อได้อยู่ แต่หลายวันเข้าชัก “เฝือ” เข้าโหมดแผ่นเสียงตกร่อง จากที่เคยอยู่หน้าหนึ่งก็ต้องหลบอยู่หน้าในแทน
ไม่ใช่อะไรก็การเคลื่อนไหวของ “เดอะเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ ที่แปลงกายเปลี่ยนร่างจาก เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) หรือที่เคยเรียกตัวเองว่า “มวลมหาประชาชน” นั่นเอง
เป็น “ลุงกำนัน” ที่ก้าวทันโลก เกาะติดเทรนด์ในสังคมออนไลน์ ใช้วิธีไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กเป็นผู้นำเชียร์ “รับร่างรัฐธรรมนูญ” ฉบับ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)
จังหวะที่ “เดอะเทือก” โผล่หน้า มันก็เห็นกันชัดๆ อยู่แล้วว่า ต้องการออกมาทำหน้าที่ “องครักษ์” พิทักษ์ในปีกมวลชนให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่กำลังมึนหัวเป็นมวยเมาหมัด หลังโดนองคาพยพ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยั่วประสาทอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ปราบโกงประชามติของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ 17 แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่โพสต์เฟซบุ๊ก “ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ”
“บิ๊กตู่” แอนด์พลพรรค คสช.นับวันแรงชักตก เจอเล่ห์เหลี่ยมนักการเมือง จนไปไม่เป็น ไร้แรงฮึดในศึกแย่งพื้นที่สื่อ ถูกตีขนาบจากหลายทิศตามกลยุทธ์ของของฝ่ายตรงข้าม ไหนจะ นปช. ไหนจะพรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่การเคลื่อนไหวไปชมนกชมไม้ตามต่างจังหวัดของ “หนูปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ยัง “ครองพื้นที่สื่อ” ได้อย่างสบาย มีภาพโผล่ในหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หัวสี กระตุ้นต่อมโมหะ-โทสะ “ท่านผู้นำ” ไม่เว้นแต่ละวัน จนสวดมนต์บทไหนก็สะกดอารมณ์ไม่ค่อยอยู่
หรือกระทั่งล่าสุดการขยับของ “หญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่นครบาล แกนนำ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ก็ยังขโมยซีนไปได้วันสองวัน
เรียกว่า คสช หรือหน่วยงานรัฐ พูดปากแทบฉีกถึงหูเป็นแค่ข่าวหลบใน แต่ฝ่ายต้านพูดทีพาดหัวตัวเบ้อเร่อ!!
“เทือก” ขันอาสาขอเป็น “ตัวช่วย”
ในจังหวะที่ “ขุนทหาร คสช.” กำลังมะงุ้มมะงาหราหาทางแก้เกม “ฝ่ายตรงข้าม” โดยมีข้อจำกัดเรื่อง “สิทธิ-เสรีภาพ” ที่ฝ่ายตะวันตกจับจ้องอยู่ ทำให้ท่วงท่าของ “รัฐบาล คสช.” ดูเงะงะไม่เป็นธรรมชาติ เลี่ยงการตอกย้ำภาพ “เผด็จการ” ประจานชาวโลก
สบโอกาสที่คนเคยรักกันหวานชื่นอย่าง “สุเทพ” ที่หลังรัฐประหารก็ถูกเขี่ยพ้นวงโคจร หลังโพล่งไม่ดูตาม้าตาเรือว่า กริ๊งกร๊างพูดคุยกับ “บิ๊กตู่” มานานก่อนจะดีเดย์ 22 พฤษภาคม 2557 เลยได้จังหวะชะโงกหัวออกมา ชูจุดขายอดีต เลขาฯ กปปส.เป็น “แม่เหล็ก” ดูดความสนใจเสียหน่อย ย้อนศรในสิ่งที่พลพรรค “นายใหญ่” กำลังคึก 17 แกนนำพรรคเพื่อไทยเล่นเลี่ยงบาลีตามช่องโหว่ของกฎหมาย “ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ” หรือที่ “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. พูดผ่านรายการมองไกลทุกวัน ติดหน้าสื่อทุกวัน
อดีตกำนันท่าสะท้อนก็เลยขอบ้างในมุก “โหวตเยส” รับร่างรัฐธรรมนูญ งัดมุกไลฟ์สดทุกวันเพื่อดันข่าวตัวเองไปประกบ ไม่ปล่อยมให้ซีกสีแดงยึดหัวหาดกันอยู่ฝั่งเดียวอีกต่อไป
ครั้น นปช.จะโวยวายใส่ก็ไม่ได้ จะเอาล่อเอาเถิดว่า “เดอะเทือก” กระทำขัด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 ก็พลันแต่เข้าเนื้อตัวเอง ไปฟาดงวงฟาดงามาก สุดท้ายตัวเองจะโดนทอปบูตอุดปากหนักกว่า เพราะสิ่งที่อดีตเลขาธิการกปปส.ทำอยู่คือ เงาที่ “ตุ๊ดตู่” และพรรคเพื่อไทยทำเหมือนกัน ก็เลยเลือกที่จะ “ผสมโรง” ไปดีกว่า
ไปๆมาๆกลายเป็นเปิดกว้าง ฝ่ายหนึ่งหนุน ฝ่ายหนึ่งคว่ำ ประธาน นปช.ประกาศท้าชนไลฟ์สดรายวัน เวลาเดียวกันเป๊ะ 14.00 น. วัดกันวันต่อวัน ใครเกิด ใครดับ ให้รู้ดำรู้แดงกันไป
เหมือนรูหายใจที่ คสช.แง้มให้ อย่างน้อยมันก็พอมีช่องให้ตีฆ้องร้องเป่าสื่อสารไปยังมวลชนให้ตื่นตูมเรื่องร่างรัฐธรรมนูญว่า มันเป็นของเสีย เพื่อลุกขึ้นไปใช้สิทธิ์กากบาท “คว่ำ” ในวันที่ 7 สิงหาคม ดีกว่าเดิมที่แทบขยุกขยิกตัวไม่ได้ โดยเฉพาะแกนนำในพื้นที่ ถูกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ประกบติดเป็นเงาตามตัว
จับอาการ คสช.และองคาพยพ โดยเฉพาะ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่แรกๆดูจะเอาเป็นเอาตาย เบรกแทบทุกสิ่งที่ซีก “เพื่อไทย - นปช.” เคลื่อนไหว แต่พอ “เดอะเทือก” ออกโรง จากที่เคร่งครัดตามระเบียบเป๊ะๆ กลายเป็นว่าเลี่ยงฟันธงว่าอะไรผิดอะไรถูก เตือนแค่ให้ระวัง “ล้ำเส้น” ผิด พ.ร.บ.ประชามติฯ แล้วต้องไปรับผิดชอบ หากมีคนฟ้องร้องเล่นงานทางกฎหมายแทน
ครั้นจะจะห้าม “เพื่อไทย - นปช.” ก็ต้องเบรก “เทือก ณ กปปส.” ในบรรทัดฐานเดียวกัน เลิกต้องเลิกทั้งหมด!
เหลี่ยม “กำนัน” หวังดีหรือหวังผล
ต้องรอดูว่า “บิ๊ก คสช.” จะปล่อยให้ทั้งสองฝั่ง ได้วาดลวดลายฟัดกันออกอากาศไปอีกนานแค่ไหน เพราะจะว่าไปโดยธรรมชาติของนักการเมืองไทย ได้คืบเอาศอกแน่ โดยเฉพาะเมื่อเปิดให้ซัดกันผ่านหน้าสื่อ เดี๋ยวต้องมีการตอบโต้ไปกันมา มันจะลามกลายเป็นการกระตุกต่อมกองเชียร์ให้มีอารมณ์ร่วมเอา
ทางหนึ่ง คสช.น่าจะรอดูท่าทีว่า อิมแพ็คมันจะไปได้ไกลแค่ไหน จะพูดแค่ร่างรัฐธรรมนูญธรรมดา หรือนอกสคริปต์ไปไกล ลำพังถ้าอยู่ในกรอบคงเป็นได้แค่ข่าวประกอบ ไม่ได้เป็น “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” แต่ประการใด น่าจะหลิ่วตาให้ทำกันไป
อีกทางหนึ่งก็ต้องระวังเหมือนกันว่า การปล่อยให้ “เดอะเทือก” จัดหนักจัดเต็ม ทั้งอวย ทั้งเลียแผล่บๆเรื่องร่างรัฐธรรมนูญจะกลาย “ดาบสองคม” กับ คสช.เอง เรื่องของเรื่องเพราะสำหรับคนเสื้อแดงแล้ว อดีตเลขาธิการ กปปส.คือ ศัตรูลำดับต้นๆ หรือจะบอกว่า เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งเลยก็ว่าได้
เพราะหนึ่ง “เดอะเทือก” คือ คนที่มีบทบาทอย่างสูงในการรวบรวมพรรคเล็กและพรรคขนาดกลางในการเขี่ย “ชายจืด” สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ลงจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และเจ้ากี้เจ้าการร่วมกับทหารในจัดตั้งรัฐบาลผสม และดันก้น “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นเป็นายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ
สอง “เดอะเทือก” คือ คนที่มีบทบาทอย่างมาก จะเรียกว่าเป็นผู้สั่งการใหญ่ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2553 ถูกตราหน้าคู่กับ “เดอะมาร์ค” ว่า เป็น “ฆาตกร”
และสาม แผลสดๆ คือ การเป่านกหวีดเรียกมวลชนขับไล่รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เปิดประตูให้ทหารขับรถถังเข้ามายึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557ซึ่งจะบอกว่า เป็นเบื้องหลังการล้มนายกรัฐมนตรีในเครือข่าย “นายใหญ่” มาแล้วหลายครั้งหลายคราก็ว่าได้
ดังนั้น การที่ “เดอะเทือก” มาป่าวประกาศ “รับร่างรัฐธรรมนูญ” รายวันแบบนี้อาจเป็นการปลุกให้แฟนคลับเสื้อแดงที่กำลังหลับใหล ซึ่งเดิมไม่ได้สนใจและไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ มีลูกฮึดขึ้นมาออกมาใช้กากบาท “ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ” กันมากขึ้น โดยมีแรงบันดาลใจสำคัญคือ ขออยู่ตรงข้ามคนที่เกลียดไว้ก่อน
ความไม่ชอบจะอยู่เหนือเหตุผลทั้งปวง ขอเพียงแค่ให้ “เดอะเทือก” หน้าแหกหรือพ่ายแพ้เป็นพอ แล้วที่สำคัญ บรรยากาศการทำประชามติหลังจากนี้จะกลายเป็นการแข่งขันกันระหว่าง “กปปส. - นปช.” ไปโดยพลัน
จากเวทีประชามติร่างรัฐธรรมนูญกำหนดชะตาประเทศ ก็หลายเป็น “สงครามสีเสื้อ” ไปโดยพลัน
ซึ่งถ้ามาอีหรอบนี้ “ซีกเสื้อแดง” ยิ้มกริ่มแน่ เพราะยิ่งทำให้การทำประชามติครั้งนี้ เหมือนการแข่งขันกันระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์มากเท่าไหร่ ก็พอรู้แล้วว่า ใครจะกำชัย ในเมื่อวันนี้กระแสของฝ่ายต้าน คสช.ยังแรงไม่ตก วาดฝันถึงขั้นเอาชนะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ หรือถึงแพ้ก็ไม่ยับเยิน เฉือนกันหวิวๆ เพราะต้นทุน “ค่ายสีแดง” ยังดูเป็นต่อ จากผลการเลือกตั้งที่ผ่านๆมา หลายพื้นที่ “แลนสไลด์” จนถูกมองว่าเป็น “เขตปกครองพิเศษ” ของ “ระบอบทักษิณ” ด้วยซ้ำ
คสช.ชะล่าใจ คิดว่ามีกระบี่-กระบองในมือ อาจน้ำตกในได้!
ว่ากันว่า การโผล่มาคราวนี้ของ “เดอะเทือก” ไม่ได้มีการ์ดรับเชิญจาก “บิ๊ก คสช.” อย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ เป็นการออกมาเพื่อหวังผลอะไรสักอย่าง โดยเฉพาะที่ผ่านมาพยายามจะจูนกับ “เหล่าทอปบูต” ตามตื้อก้อร่อก้อติกเท่าไรก็ยิ่งห่างเหิน สัญญาณหายไปนาน ริงโทนเพลงคืนความสุขฯไม่โผล่หน้าจอมือถือให้ชื่นใจมานาน ซ้ำร้ายพอโทรไ.ปก็ไร้สัญญาณตอบรับจากปลายทางเสียอีก ตั้งแต่เมื่อครั้งจะฝากฝังเด็กในสังกัดขึ้นตำแหน่งหลักใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) หรือกระทรวงมหาดไทย
เม้ากันว่าขนาดงานแต่ง “ลูกสาวกำนัน” เมื่อไม่นานมานี้ ก็ไร้เงาผู้มีบารมีใน คสช.เจียดเวลาให้เกียรติมาเป็นแขกในงาน ราวกับคนที่ไม่เคยจู๋จี๋อี๋อ๋อกันมา ลืมหมดแล้วความทรงจำเมื่อครั้งเป่านกหวีดปูพรมแดงให้ “บิ๊ก คสช.” เข้ามาเถลิงอำนาจ
ในอารมณ์ของ “คนที่ถูกลืม” แทนที่จะหมดอาลัยตายอยาก “เดอะเทือก” ก็ยังหน้าทนยอมพลีกายถวายตัว ไม่ร้องงอแงแต่ประการใด
ขอฮึดอีกเฮือกปั่นผลงาน กอบกู้สถานการณ์ให้ คสช. ในฐานะ “ผู้หวังดี” ที่ “หวังผล” ให้สัญญาณที่หายไปกลับมาชัดดั่งเดิม
ขอพลีกายเป็น “ทาส(บูรพา)พยัคฆ์”
จังหวะการเคลื่อนไหวของ “เดอะเทือก” ตั้งแต่มีรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา ก็เทคไซด์ยืนข้าง “ขุนทหาร คสช.” มาโดยตลอด จาก “ลุงกำนัน” ผู้ครองใจคนไทยค่อนประเทศ ปลุกมวลมหาประชาชนออกมาต่อสู้กับทรราช จนช่วงหนึ่งถึงกับประกาศตัวเป็น “รัฐฏาธิปัตย์” สั่งชัตดาวน์ประเทศจนชะงักงัน
มาวันนี้ทองที่เคลือบฉาบ “ลุงกำนัน” คนดีเมื่อ 2 ปีก่อนหลุดร่อน กลับกลายเป็น “เทพเทือก” นักการเมืองผู้เชี่ยวกราก ยอมศิโรราบให้กับ “รัฐฏาธิปัตย์ตัวจริง” นั่นก็คือ “บิ๊กตู่ ณ คสช.” และพลพรรค แม้ว่า 2 ปีผ่าน “พันธกิจ-วาระแห่งชาติ” ที่ตัวเองเคยประกาศก้องกลางเวที กปปส.ยังไม่มีแนวโน้มทีท่าจะได้รับการปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม
วาระ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” เป็นแค่ความฝันในหมอกควัน ที่ไร้ทิศทางความชัดเจน ทั้งๆ ที่ คสช.มี “อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด” และใช้เวลาควบคุมการปกครองประเทศมานานกว่า 2 ปีแล้ว ขณะที่ “เดอะเทือก” ก็ได้แต่แบ๊ะๆ ไม่เกี้ยวกราดเหมือน “ลุงกำนัน” บนเวที กปปส. แถมออกมาสนับสนุนทุกเรื่องที่ คสช.ทำหรือไม่ได้ทำ ตามคอนเซ็ปต์ “ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน”
เรื่องการแสดงจุดยืนสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญก็เรื่องหนึ่ง แต่ในฐานะอดีตแกนนำม็อบก็ไม่ควรจะหลงลืม “วาระ” เมื่อครั้งนำมวลมหาประชาชนขับไล่รัฐบาลก่อน
ย้อนดูได้เลยว่า “สุเทพ” ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรกับการปฏิรูปประเทศไม่ว่าจะกี่ด้านๆที่ไม่คืบหน้า โดยเฉพาะ “การปฏิรูปตำรวจ” ที่เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาเมื่อครั้งการชุมนุม กปปส. จนบัดนี้ คสช.ก็เลือกที่จะไม่แตะต้อง ทั้งที่เห็นอยู่ทนโท่ แต่ “ลุงกำนัน” ก็ยังจ้ออย่างไม่อายปากในไลฟ์สดครั้งหนึ่งว่า ดีใจกับตำรวจที่จะมีการปฏิรูปในชาตินี้ จากบทบัญญัติในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้
มิพักต้องพูดถึงการปฏิรูป 11 ด้านที่ยัดไว้รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ก็ไม่เห็นมีตรงไหนกระดิกให้เห็นเป็นรูปธรรม ในทางกลับกันพฤติกรรมของ “ผู้มีอำนาจ” กับเรื่องผลประโยชน์ของพวกพ้องวงศ์วานเครือญาติก็มีให้คนนินทาหมาดูถูกตลอด
วาระที่เคยใช้ปลุกระดมมวลชนถูกเมินเฉย “ลุงกำนัน” ของมวลมหาประชาชน กลับรับได้ทุกอย่าง แทบไม่มีข้อท้วงติงใดๆเลย
ซ้ำร้าย ตัวตนของ “ลุงคนดี” ก็ลอกคราบกลับมาเป็น “เทพเทือก” คนเก่าในเวลาอันรวดเร็ว ในยามที่พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางเดือดร้อนกับราคาผลผลิตที่ตกต่ำ ก็ยังไม่เดือดร้อนอะไร ตั้งหนั้าตั้งตาครื้นเครงอยู่กับมหกรรมมหรสพ “สมุย เฟสติวัล” ปล่อยให้วิกฤตยางพาราคลี่คลายด้วยตัวมันเอง
ปัญหาความเน่าเหม็นฉาวโฉ่ใน “ทำเนียบเสาชิงช้า” ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ “ชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร กุมอำนาจอยู่ ถูกสาวไส้เป็นขดๆ ทั้งเครื่องดนตรี อุโมงค์ไฟสวรรค์ หรือล่าสุดค่าตกแต่งห้องทำงานที่อลังการเว่อร์วังดาวล้านดวง ขัดแย้งชัดเจน “วาระปราบโกง” ของเวที กปปส. หรือวาระแห่งชาติของ คสช. ก็ไม่เห็น “ลุงกำนัน” จะฮือจะอืออะไร ทั้งที่รู้กันทั้งบางว่า “ชายหมู” เป็นเด็กในสังกัด “เดอะเทือก” มีแต่ข่าวอุ้มชูกันให้เป็นหัวหน้าพรรคใหม่บ้าง หรือดันก้นให้เข้าเสียบเป็นหนึ่งในรัฐบาลมนตรีของรัฐบาล คสช.บ้าง
ที่ดูจะทำให้ “ลุงกำนัน” กระชุ่มกระชวยได้บ้าง ก็คงเป็นการที่ ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ขาประจำแห่งเวที กปปส. ได้เข้ามากุมชะตาอนาคตในรัฐวิสาหกิจพลังงานของประเทศ ในเก้าอี้ใหญ่เป้งอย่าง ประธานคณะกรรมการ บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) หรือ “ประธานบอร์ด ปตท.”
เป็น “ปิยสวัสดิ์” ผู้มีภาพลักษณ์ “ขุนนางวิชาการ” ที่มีจุดยืนตรงกันข้ามกับภาคประชาชนอย่างสิ้นเชิง ผลงานในอดีตที่เกี่ยวพัน-ครอบงำแนวทางด้านพลังงานมาอย่างน้อยๆ ไม่ต่ำกว่า 30 ปี ตั้งแต่เป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) เลขานุการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีบทบาทสำคัญในการแปรรูป ปตท. อันเป็นที่มาของกรณีพิพาทขอคืนท่อก๊าซ ซึ่งเป็นสมบัติของชาติ ที่ยืดเยื้อมาจวบจนปัจจุบัน
ไม่เพียงเท่านั้นสมัยเป็น รัฐมนนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็เป็นผู้ยังจารึกประวัติศาสตร์อนุมัติสัมปทานปิโตรเลียมล่วงหน้าก่อนออกจากตำแหน่งไม่นาน รวมทั้งการแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียมฯ ที่กลายมาเป็นประเด็นร้อนในช่วงรัฐบาล คสช.
ด้วยความสัมพันธ์ที่แนบแน่นของ “สุเทพ - ปิยสวัสดิ์” นี้เองที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “ลุงกำนัน” ที่อุปโลกน์ตัวเองเป็น “นักปฏิรูป” ไม่เคยเอื้อนเอ่ยถึง “วาระปฏิรูปพลังงาน” ซึ่งครั้งหนึ่งเคยใช้เป็นประเด็นเพรียกหาแนวร่วมบนเวที กปปส.
มวลมหาประชาชนน่าจะมีคำถามว่า อะไรที่ทำให้ “ลุงกำนัน” เปลี่ยนไป อะไรที่ทำให้ “ลุงคนดี” กลายร่างเป็น “เทพเทือก” คนเดิม แล้วอะไรที่ทำให้หลงลืมวาระการปฏิรูปเพื่อประเทศชาติที่เคยแผดเสียงไว้บนเวทีการชุมนุมท่ามกลางมวลชนนับแสน
อาจจะเป็น “ความรัก” เป็นความรักที่มอบให้แก่ คสช.ผู้มีอำนาจคับประเทศในตอนนี้ เป็นความรักที่ทำให้ตาบอดหูหนวก อัลไซเมอร์รับประทาน
จนรู้แต่เพียง … ชาตินี้ไม่ขออะไรมาก แค่พลีกายเป็น “ทาส(บูรพา)พยัคฆ์” … พอใจแล้ว