หัวหน้าทีมกฎหมายประชาธิปัตย์ เตือนนายกฯ ต้องมีสติ ควรรับฟังข้อติติงอย่างสุจริต ลั่นถ้าจับก็ไม่มีใครหนี แต่ถามชาติได้อะไร ด้านรองหัวหน้าพรรคบอกอย่ากังวลไม่จับมือเพื่อไทยคว่ำร่างฯ แน่ พูดแล้วคือจบ ไม่ไปชูป้ายค้าน ขณะที่อดีต กมธ.ยกร่างฯ แนะเปิดเวทีให้ดีเบตคำถามพ่วง
วันนี้ (11 เม.ย.) นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์แสดงความไม่พอใจกรณีพรรคประชาธิปัตย์แถลงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญว่า นายกฯ เป็นผู้รับผิดชอบการขับเคลื่อนประเทศจะต้องมีวิจารณญาณ การฟังต้องมีสติแยกแยะให้ได้ การแถลงจุดยืนของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเรื่องหลักการประชาธิปไตย แต่เมื่อ กรธ., สนช. และ คสช.จะเดินไปในทิศทางของตน ก็เป็นสิทธิ แต่ในฐานะเจ้าของประเทศเมื่อเห็นว่ามีมุมหรือจุดที่อยากจะติติงไปอย่างสุจริตก็ควรจะรับฟัง ส่วนฟังแล้วจะนำไปปฏิบัติแค่ไหนเป็นอีกเรื่อง คงไปสั่งซ้ายหันขวาหันเหมือนทหารคงไม่ได้ แต่ขอให้มีสติรับฟัง ต้องใจเย็น ชี้แจงจุดเด่นแก้จุดด้อย ไม่ใช่โหวกเหวกโวยวาย เราพูดตามหน้าเสื่อที่ควรจะพูด พูดทางเดียวกันจะลงทะเลหมด เวลาลงเหวแล้วจะขึ้นยาก การที่คนเห็นต่างไม่ได้แปลว่า เจตนาไม่ดีต่อบ้านเมือง ให้ดูการกระทำที่ผ่านๆ มาได้ ส่วนที่นายกฯ ขู่จะจับพรรคการเมืองแถลงข่าวนั้น ท่านมีอำนาจ ม.44 จับได้ ถ้าจับก็อยู่ให้จับ ไม่มีใครหนีอยู่แล้ว เพียงแต่ถามว่าประเทศจะได้อะไรขึ้นมา ขอให้ใจเย็น ยืนยันพรรคประชาธิปัตย์ เจตนาดีต่อบ้านเมือง
ด้านนายนิพิฐฏ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์คงไม่ตั้งใจจะจับจริงๆ เพราะตามกฎหมายประชามติ แสดงความเห็นได้ แต่ต้องไม่บิดเบือนข้อเท็จจริงให้เกิดความแตกแยก ซึ่งนายกฯ อาจจะพูดโผงผางไปตามบุคลิก ต่อไปคงต้องผ่อนสั้นผ่อนยาว ในเมื่อนายกฯ ร้อนมาเราต้องเย็น สังคมประชาธิปไตยต้องอยู่อย่างนี้ ถ้าร้อนมาแต่ตอบโต้ร้อนแรงไปเดี๋ยววุ่นวายอีก หัวหน้าพรรคแถลงอย่างสุจริตในทางวิชาการสังคมต้องรับฟัง พรรคการเมืองอย่างประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น เหตุผล ท่าทีที่ใช้ ตอนแถลงข่าวแตกต่างกัน ยืนยัน แม้ความเห็นตรงกับเพื่อไทยในบางส่วน แต่ขอรัฐบาล คสช.อย่ากังวลว่าจะไปจับมือกับพรรคเพื่อไทยคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ไม่มีแน่นอน เลือดประชาธิปัตย์แท้จะไม่ไปชูป้ายคัดค้านคนที่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ เราแสดงความเห็นแล้วคือจบ ไม่ต่อความยาวสาวความยืดแน่นอน
ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่ 2 พรรคการเมืองใหญ่ คือ พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศไม่รับคำถามพ่วงประชามติ ในประเด็นการให้ ส.ว.มีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี ในช่วง 5 ปีแรกว่า ทุกฝ่ายในขณะนี้ต่างก็แสดงจุดยืนและทำในสิ่งที่เห็นว่าดีในสายตาของพวกเขา ดังนั้น ตนเห็นด้วยกับท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าทุกอย่างอยู่ที่ประชาชนจะตัดสินทั้งหมดว่าจะให้ร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงผ่านประชามติหรือไม่
นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในฐานะที่ตนเคยเสนอคำถามประชามติว่า “ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการให้มีการปฏิรูปประเทศ 2 ปี ก่อนเลือกตั้ง” เมื่อเทียบกับคำถามที่เสนอโดยสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติ (สนช.) นั้น จะเห็นว่าสิ่งที่เหมือนกัน คือ หากเห็นด้วยก็จะต้องมีการแก้ไขเนื้อหาในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ แต่คำถามของตนมีผลเพียงแค่ยืดระยะเวลาการปฏิรูปออกไปอีก 2 ปี ส่วนคำถามที่เสนอโดย สปท.นั้นมีความสลับซับซ้อนมากกว่า ดังนั้น ขณะนี้ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว จึงจำเป็นต้องเดินหน้ากันต่อไป แต่ควรเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับคำถามดังกล่าวชี้แจงหรือมาดีเบตกัน เพราะเห็นว่าคำถามพ่วงเป็นเนื้อหาที่พิเศษกว่าการทำประชามติปกติ จึงจำเป็นต้องให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการถกเถียงกัน