ผู้จัดการรายวัน360-หอการค้าไทยประเมินเศรษฐกิจครึ่งปีหลังฟื้นตัว คาดโต 3.3% หลังมาตรการอัดฉีดรัฐเริ่มส่งผล เมกะโปรเจกต์เดินหน้า เอกชนเพิ่มการลงทุน ท่องเที่ยวยังโต ส่งออกฟื้นตัว สินค้าเกษตรราคาดี แต่ระวังภัยแล้ง แบงก์เข้มปล่อยกู้ โดนแบนประมง และจีนชะลอตัว ส.อ.ท.จับมือนิด้าโพล เปิดผลสำรวจความเห็น48 CEO ต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง 2559 พบส่วนใหญ่กว่า 56% มองว่าศก. จะยังคงทรงตัว 47.92% มองส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบอยู่ในระดับมาก
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง จะขยายตัวได้ 3.3% โดยได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เริ่มมีผลต่อการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น การลงทุนของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นรัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบประมาณทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ การจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายแดน นโยบายดอกเบี้ยนโยบายระดับต่ำที่ 1.50%ที่มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง การส่งออกมีสัญญาณการฟื้นตัว โดยครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ 2.6%ทำให้ทั้งปีกลับมาเป็นบวก 0.8%และเงินเฟ้อครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ 0.9% ทั้งปีจะอยู่ที่ 0.4% โดยคาดว่าทั้งปีเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวตามเป้าหมาย 3.2-3.5%
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันโลก ที่กลับมาที่จุดสมดุล หลังจากอุปทานมากกว่าอุปสงค์อยู่เป็นเวลา 2 ปี และขณะนี้ความต้องการน้ำมันเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้สินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้เกษตรกรมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยบวกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเรื่องปัญหาภัยแล้งที่และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทำให้กำลังการซื้อของเกษตรกรหดหายไป สถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) สหภาพยุโรปตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร(GSP) และแบนสินค้าประมงสินค้าชั่วคราว (IUU) เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัวจากการปรับนโยบายเศรษฐกิจ โดยเน้นพึ่งพาสินค้าในประทศและลดการนำเข้า
นายอิสระกล่าวว่า การที่อังกฤษจะลงประชามติถอนตัวเองออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) หากเกิดขึ้นจริง จะส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกมีความผันผวนและค่าเงินยูโรจะอ่อนค่าลงอย่างมาก เช่นเดียวกับอังกฤษหากออกมา ค่าเงินปอนด์น่าจะอ่อนค่าลงในระยะสั้น โดยระยะยาวอังกฤษจะสามารถดำเนินนโยบายเป็นเอกเทศได้มากขึ้นและเชื่อว่าแม้อังกฤษจะออกจากอียู ก็จะไม่กระทบต่อการค้าไทย เพราะไทยค้ากับอียูเพียง 10% และกับอังกฤษ 2%
นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ในช่วงที่นางออง ซาน ซูจี เดินทางมาเยือนไทยระหว่างวันที่ 23-25 มิ.ย.2559 หอการค้าไทยจะเสนอให้มีการยกระดับจุดผ่อนปรนพิเศษสิงขร และเจดีย์สามองค์ เพื่อขยายการค้าชายแดนให้เพิ่มขึ้น ผลักดันให้มีการทำ Visa ด่านชายแดนไทย ผลักดันให้มีการขยายการใช้ Border Pass จาก 1 วันเป็น 7 วัน
***ผลสำรวจCEOมองศก.ครึ่งหลังทรงตัว
นายกำพล ปัญญาโกเมศ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาชีพ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่า ศูนย์สำรวจความเห็น"นิด้าโพล" ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) สำรวจความเห็นและมุมมองผู้บริหารที่กระจายทั่วภูมิภาค 48 รายระหว่าง 23พ.ค.-10มิ.ย.59เรื่อง"CEO Survey ทิศทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมครึ่งปีหลัง 2559 " ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง 2559พบว่าผู้บริหารส่วนใหญ่ 60.42% ระบุว่าจะทรงตัว 25% จะขยายตัว 12.50% หดตัวและ 2.08% ไม่แน่ใจอยู่ที่สถานการณ์บ้านเมือง
ส่วนแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมครึ่งปีหลัง 56.25 % ระบุว่า จะทรงตัว รองลงมา 27.08% จะขยายตัว 16.67 % ระบุว่า หดตัว โดยปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงมีความกังวลส่วนใหญ่ 62.50% ระบุว่า เป็นการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน และการฟื้นตัวที่ล่าช้าของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว 52.08% ระบุว่า เป็นกำลังซื้อภายในประเทศ 37.50% ภัยแล้ง 35.42% การเมืองภายในประเทศที่ไม่สงบ เป็นต้น ส่วนปัจจัยที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนส่วนใหญ่ 56.25% ระบุว่า เป็นเม็ดเงินลงทุนตามแผนยุทธศาสตร์การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม รองลงมา 50% ระบุว่า เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐต่าง ๆ 41.67%การท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดี ฯลฯ
ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบต่อภาคการส่งออกไทยส่วนใหญ่ 47.92% ระบุว่า ผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยอยู่ในระดับมาก 27.08% ระบุว่า ปานกลาง 12.50% ระบุว่า น้อย 10.42%ระบุว่า มากที่สุด 2.08 % ไม่ระบุ / ไม่แน่ใจ
ส่วนข้อเสนอแนะต่อรัฐเช่น ควรมีมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือ ส่งเสริม หรือสนับสนุนผู้ประกอบการ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ควรส่งเสริมผู้ส่งออก โดยถ้าหากเป็นกิจการที่ใช้วัตถุดิบในประเทศตั้งแต่80 - 85%ขึ้นไป ได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ควรเร่งการลงทุนโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ควรทบทวนหรือแก้ไขกฎระเบียบของภาครัฐให้คล่องตัวมากกว่านี้ เป็นต้น
นายเจน นำชัยศิริ ประธานส.อ.ท. กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.59 อยู่ที่ระดับ 86.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 85 ในเดือนเม.ย.59 เนื่องจากยอดคำสั่ง ยอดขายโดยรวมดีขึ้น ส่วนดัชนีฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 98.7 ปรับเพิ่มขึ้นจาก 97.2 ในเดือนเม.ย. แต่ยังมีปัจจัยที่กังวลต่อการดำเนินกิจการที่เพิ่มขึ้นจากทั้งภาวะเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันและการเมืองภายในประเทศ
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง จะขยายตัวได้ 3.3% โดยได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เริ่มมีผลต่อการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น การลงทุนของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นรัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบประมาณทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ การจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายแดน นโยบายดอกเบี้ยนโยบายระดับต่ำที่ 1.50%ที่มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง การส่งออกมีสัญญาณการฟื้นตัว โดยครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ 2.6%ทำให้ทั้งปีกลับมาเป็นบวก 0.8%และเงินเฟ้อครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ 0.9% ทั้งปีจะอยู่ที่ 0.4% โดยคาดว่าทั้งปีเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวตามเป้าหมาย 3.2-3.5%
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันโลก ที่กลับมาที่จุดสมดุล หลังจากอุปทานมากกว่าอุปสงค์อยู่เป็นเวลา 2 ปี และขณะนี้ความต้องการน้ำมันเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้สินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้เกษตรกรมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยบวกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเรื่องปัญหาภัยแล้งที่และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทำให้กำลังการซื้อของเกษตรกรหดหายไป สถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) สหภาพยุโรปตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร(GSP) และแบนสินค้าประมงสินค้าชั่วคราว (IUU) เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัวจากการปรับนโยบายเศรษฐกิจ โดยเน้นพึ่งพาสินค้าในประทศและลดการนำเข้า
นายอิสระกล่าวว่า การที่อังกฤษจะลงประชามติถอนตัวเองออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) หากเกิดขึ้นจริง จะส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกมีความผันผวนและค่าเงินยูโรจะอ่อนค่าลงอย่างมาก เช่นเดียวกับอังกฤษหากออกมา ค่าเงินปอนด์น่าจะอ่อนค่าลงในระยะสั้น โดยระยะยาวอังกฤษจะสามารถดำเนินนโยบายเป็นเอกเทศได้มากขึ้นและเชื่อว่าแม้อังกฤษจะออกจากอียู ก็จะไม่กระทบต่อการค้าไทย เพราะไทยค้ากับอียูเพียง 10% และกับอังกฤษ 2%
นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ในช่วงที่นางออง ซาน ซูจี เดินทางมาเยือนไทยระหว่างวันที่ 23-25 มิ.ย.2559 หอการค้าไทยจะเสนอให้มีการยกระดับจุดผ่อนปรนพิเศษสิงขร และเจดีย์สามองค์ เพื่อขยายการค้าชายแดนให้เพิ่มขึ้น ผลักดันให้มีการทำ Visa ด่านชายแดนไทย ผลักดันให้มีการขยายการใช้ Border Pass จาก 1 วันเป็น 7 วัน
***ผลสำรวจCEOมองศก.ครึ่งหลังทรงตัว
นายกำพล ปัญญาโกเมศ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาชีพ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่า ศูนย์สำรวจความเห็น"นิด้าโพล" ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) สำรวจความเห็นและมุมมองผู้บริหารที่กระจายทั่วภูมิภาค 48 รายระหว่าง 23พ.ค.-10มิ.ย.59เรื่อง"CEO Survey ทิศทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมครึ่งปีหลัง 2559 " ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง 2559พบว่าผู้บริหารส่วนใหญ่ 60.42% ระบุว่าจะทรงตัว 25% จะขยายตัว 12.50% หดตัวและ 2.08% ไม่แน่ใจอยู่ที่สถานการณ์บ้านเมือง
ส่วนแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมครึ่งปีหลัง 56.25 % ระบุว่า จะทรงตัว รองลงมา 27.08% จะขยายตัว 16.67 % ระบุว่า หดตัว โดยปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงมีความกังวลส่วนใหญ่ 62.50% ระบุว่า เป็นการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน และการฟื้นตัวที่ล่าช้าของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว 52.08% ระบุว่า เป็นกำลังซื้อภายในประเทศ 37.50% ภัยแล้ง 35.42% การเมืองภายในประเทศที่ไม่สงบ เป็นต้น ส่วนปัจจัยที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนส่วนใหญ่ 56.25% ระบุว่า เป็นเม็ดเงินลงทุนตามแผนยุทธศาสตร์การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม รองลงมา 50% ระบุว่า เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐต่าง ๆ 41.67%การท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดี ฯลฯ
ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบต่อภาคการส่งออกไทยส่วนใหญ่ 47.92% ระบุว่า ผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยอยู่ในระดับมาก 27.08% ระบุว่า ปานกลาง 12.50% ระบุว่า น้อย 10.42%ระบุว่า มากที่สุด 2.08 % ไม่ระบุ / ไม่แน่ใจ
ส่วนข้อเสนอแนะต่อรัฐเช่น ควรมีมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือ ส่งเสริม หรือสนับสนุนผู้ประกอบการ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ควรส่งเสริมผู้ส่งออก โดยถ้าหากเป็นกิจการที่ใช้วัตถุดิบในประเทศตั้งแต่80 - 85%ขึ้นไป ได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ควรเร่งการลงทุนโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ควรทบทวนหรือแก้ไขกฎระเบียบของภาครัฐให้คล่องตัวมากกว่านี้ เป็นต้น
นายเจน นำชัยศิริ ประธานส.อ.ท. กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.59 อยู่ที่ระดับ 86.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 85 ในเดือนเม.ย.59 เนื่องจากยอดคำสั่ง ยอดขายโดยรวมดีขึ้น ส่วนดัชนีฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 98.7 ปรับเพิ่มขึ้นจาก 97.2 ในเดือนเม.ย. แต่ยังมีปัจจัยที่กังวลต่อการดำเนินกิจการที่เพิ่มขึ้นจากทั้งภาวะเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันและการเมืองภายในประเทศ