xs
xsm
sm
md
lg

กกต.รับปชช.ไม่รู้สาระร่างรธน. เชื่อประชามติไปตามชี้นำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (21 มิ.ย.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต. ) นำโดย นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. ได้ชี้แจงการเตรียมความพร้อมการออกเสียงประชามติให้กับคณะผู้แทนทางการทูต 35 ประเทศ กับองค์กรระหว่างประเทศ 5 องค์กร โดยนายศุภชัย กล่าวว่า เพื่ออธิบายให้ทราบถึงอำนาจหน้าที่ในการจัดออกเสียงประชามติครั้งนี้ รวมทั้งภารกิจที่ กกต.จะดำเนินการต่อไปจนสิ้นสุดในวันลงประชามติ 7 ส.ค. 59 โดยกกต.ตระหนักดีว่า การออกเสียงเป็นกลไกให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง เป็นหัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตย ซึ่ง กกต.เคารพและตระหนักถึงเสรีภาพของบุคคลในการแสดงความคิดเห็น
ส่วนที่มีการยื่นให้ศาลรธน.วินิจฉัย มาตรา 61 วรรคสอง ของพ.ร.บ.ออกเสียงประชามติฯ ว่าขัดต่อ มาตรา 4 ของรธน. หรือไม่นั้น บทบัญญัติดังกล่าวไม่มีความสำคัญต่อกระบวนการออกเสียงประชามติ แต่อย่างใด การออกเสียงประชามติยังดำเนินการต่อไป และยืนยันว่าแม้จะต้องเผชิญแรงกดดันต่างๆ กกต.และพนักงาน ยังคงยืนหยัดการทำงาน ด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม ยึดหลักกฎหมายความเป็นกลางทางการเมือง และ กกต.ไม่มีข้อห่วงใยในการจัดการออกเสียงครั้งนี้
จากนั้นนายศภชัย ได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุมซักถาม ซึ่งก็มีการซักถามว่า มีการเปิดโอกาสให้องค์กรนานาชาติเข้าสังเกตการณ์ออกเสียง หรือไม่ โดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ชี้แจงว่า แม้ พ.ร.บ.ประชามติ จะไม่ได้เปิดช่องให้มีการส่งอาสาสมัครเข้าสังเกตการออกเสียงในหน่วยออกเสียงเหมือนกฎหมายเลือกตั้ง แต่กกต.ไม่ได้ปิดกั้น โดยในประเทศประชาชนสามารถรวมตัวกันตรวจสอบการออกเสียงได้ ที่ปรากฏเป็นข่าว ไม่ใช่มีเฉพาะ นปช.เท่านั้น แต่ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ก็มีการรวมตัวกัน เพียงแต่ไม่สามารถเข้าสังเกตการณ์ในหน่วยออกเสียงได้ ซึ่งการสังเกตการณ์ต้องเคารพกฎหมาย ไม่ก่อความวุ่นวาย หรือไปข่มขู่ให้ประช่าชนออกเสียงทางใดทางหนึ่ง นปช.ก็สามารถมาประสาน กกต.ให้ทำงานร่วมกันได้
ส่วนต่างประเทศ กกต.ไม่มีการเชิญ แต่หากประสงค์จะเข้ามาก็พร้อมอำนวยความสะดวกให้ ในด้านต่างๆ เวลานี้ก็มีการแจ้งความจำนงมาบางแล้ว เช่น เครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี หรือ อันเฟรล ประเทศภูฏาน เป็นต้น ยืนยัน กกต.ไม่มีปิดกั้นประเทศใด หรือองค์กรใด
ทั้งนี้ นายสมชัย ยังให้ข้อสังเกตว่า การออกเสียงประชามติ แตกต่างจากการเลือกตั้งที่จะมีการแข่งขัน มีกระบวนการต่อสู้ เพื่อผลแพ้ชนะ มีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ฉะนั้นบรรยากาศจะแตกต่างกัน ขณะเดียวกันประชามติครั้งนี้ ให้ประชาชนออกเสียงทั้งเรื่องรธน. และคำถามพ่วง ทำให้ประชาชนยังอาจไม่เข้าใจในข้อมูลเพียงพอที่จะเป็นฐานในการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้นการออกเสียงจึงอาจจะเป็นลักษณะตามๆกันไป และการจัดออกเสียงครั้งนี้ ยังอยู่ภายใต้บรรยากาศที่มีความคุกรุ่น ความขัดแย้งทางการเมืองที่สะสมมานาน คนสองฝ่ายเห็นต่าง แสดงออกรุนแรง แม้วันนี้ทุกอย่างดูสงบ แต่ในจิตใจของคนสองฝ่ายยังมีความต่างอยู่ ทำให้ กกต.จึงวางตัวยากมาก การตัดสินใจดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ทำให้จะกระทบกับคนกลุ่มหนึ่ง บรรยากาศการจับผิดมีสูงมาก เช่น เพลงที่ กกต.นำมาเผยแพร่รณรงค์ กกต.ไม่ได้มีเจตนาสร้างความแตกแยก แต่ยังถูกนำมาเป็นประเด็นเคลื่อนไหว ทำให้เสียหายกับ กกต. ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว กกต.ทำงานด้วยความยากลำบาก
นอกจากนี้ มีวาทกรรมที่พูดในสังคมปัจจุบันว่า ไม่มีเสรีภาพในการสื่อสารและการถกเถียง ขอยืนยันว่า ไม่จริง ถ้าดูกฎหมายประชามติ มาตรา 61 ตั้งแต่ (1)-(7) เป็นกฎหมายเดิม ที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือ ในวรรคสอง ห้ามเป็นเท็จ หยาบคาย ก้าวร้าว รุนแรง ปลุกระดม ที่เป็นปัญหาและศาลรธน. กำลังพิจารณา ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าว สนช. บัญญัติขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้คนใช้เสรีภาพในทางที่ผิด ยืนยันไม่ได้ลิดรอนเสรีภาพของประชาชน แต่การใช้สิทธิเสรีภาพต้องไม่ใช่การนำข้อความเท็จมาปลุกระดมกัน การออกเสียงครั้งนี้ กกต. ควบคุมดูแลภายใต้กฎหมายประชามติ แต่สังคมไทยยังมีกฎหมายอื่นอีกหลายฉบับที่ กกต. จะเอื้อมมือไปไม่ถึง เช่น จะใส่เสื้อ โพสต์ข้อความ กกต. ก็บอกว่าไม่ผิด แต่ฝ่ายความมั่นคงอาจบอกว่า ผิด เพราะเขามีข้อมูลเชิงลึกกว่า กกต. ว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวมีเจตนามุ่งก่อความวุ่นวาย ดังนั้น ยืนยันว่า ภายใต้กฎหมายประชามติ กกต.พยายามอย่างเต็มที่ ที่จะให้ประชาชนมีสิทธิ เสรีภาพ ที่จะแสดงความคิดเห็น
กำลังโหลดความคิดเห็น