xs
xsm
sm
md
lg

ซัดกกต.ทำเพลงประชามติลำเอียง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (9มิ.ย.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดสัมมนาวิชาการ เนื่องในวันสถาปนาสำนักงาน กกต. ครบรอบ 18 ปี เรื่อง "เหลียวประชามติสากล แลประชามติไทย" โดย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. กล่าวตอนหนึ่งว่า ขณะนี้ มาตรา 61 วรรคสอง ของพ.ร.บ.ประชามติ กำลังตกเป็นจำเลยของสังคม มีการกล่าวหากันว่า ใครเป็นผู้ร่างกฎหมาย แต่ตนยืนยันว่า มาตรา 61 วรรคสอง เป็นของดี ต้องถามว่า ขณะนี้เราต้องการให้สังคมเอาเรื่องเท็จมาหลอกกันเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจลงประชามติบนความรู้พื้นฐานที่ผิดหรือไม่ หรือต้องการให้ใช้คำหยาบคาย รุนแรง ต่อกันเช่นนั้นหรือไม่ รวมทั้งต้องการให้เกิดการปลุกระดม ไม่เคารพกฎหมายออกมาเดินขบวนเผาบ้านเผาเมืองอย่างนั้นหรือไม่ ทั้งที่เจตนารมณ์ของผู้ยกร่าง เพื่อเป็นการปรามเหตุการณ์เหล่านี้ไว้เท่านั้น
ทั้งนี้ บรรยากาศขณะนี้ ไม่ได้น่ากลัว อย่าดราม่ากันไปเอง สังคมดราม่ามากเกินไปหรือไม่ เพลง 7 ส.ค.ประชามติ ที่เขียนก็ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝง เพียงแต่ต้องการกระตุ้นให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด เอะอะอะไรก็ว่าเป็นการกำจัดสิทธิ เสรีภาพ โดนเข็มทิ่มเล็กน้อย ก็ว่าแผลเหวอะหวะแล้ว สังคมหวาดระแวงจนเกินไป หากคิดเช่นนี้ ก็จะไม่มีความสุข
ด้านน.ส.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ขณะนี้เพลงประชามติของ กกต. นอกจากถูกวิจารณ์ว่าลำเอียง ส่วนตัวยังเห็นว่า เนื้อความของเพลงในช่วงที่ร้องถึงภาคกลาง บางประโยคเหมือน กกต.จะเชิดชูร่างรธน. และอาจทำให้คนมองว่า กกต.กำลังสนับสนุนให้รับร่างรธน. ซึ่งตามหลักสากลแล้ว กกต.จะไม่มาร่วมรณรงค์อย่างเด็ดขาด จึงขอฝากให้ กกต.พิจารณา
อีกกรณีคือ หลังประชามติ ม. 265 ของร่างรธน. ระบุให้ คสช. อยู่ในตำแหน่งจนกว่าจะได้คณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ตามรธน. เข้ามาทำหน้าที่ นั่นคือ คำสั่งของ คสช. และรธน.ชั่วคราว ที่มี ม. 44 ก็ยังมีผลควบคู่ เราจะมีรธน. 2 ฉบับร่วมกัน ซึ่งร่างรธน. 59 จะมีผลบังคับใช้อาจจะปลายปี 60 หมายความว่า ผลของการตัดสินใจของประชาชน ในวันที่ 7 ส.ค. จะยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที
ส่วนการวินิจฉัยของศาลรธน.ก็น่าสนใจ เพราะเห็นด้วยว่า มาตรา 61 วรรคสอง ของพ.ร.บ.ประชามติฯ มีปัญหา เมื่อศาลรธน. มีคำวินิจฉัยอย่างใดอย่างหนึ่ง หวังว่าบรรยากาศจะสดใสกว่านี้ อย่างไรก็ตาม บรรยากาศที่น่ากังวลคือ นักการเมืองยังถูกเรียกเข้าค่ายทหาร อย่างวันที่ 18 มิ.ย. นี้ ที่ กกต.เป็นเจ้าภาพในการประชุมกับตัวแทนพรรคที่จะจัดขึ้นในค่ายกาวิละ จ. เชียงใหม่
ขณะที่ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ปี 50 เราทำประชามติรธน.ทั้งฉบับครั้งแรก รธน.ชั่วคราว 49 มีกติกาอยู่ว่า ถ้าผ่าน ก็ให้บังคับใช้ ถ้าไม่ผ่าน ให้คมช.หยิบเอารธน.ฉบับหนึ่งฉบับใด มาประกาศใช้เลย ทำให้อย่างน้อยประชาชนยังรู้ ไม่ใช่กลับมาร่างใหม่ แต่ขณะนี้คำถามคือ คสช.คิดอย่างไร ที่ให้มีการทำประชามติ และหากร่างรธน.ไม่ผ่าน จะเกิดอะไรขึ้น นี่เป็นข้อบกพร่องรุนแรงที่สุดในการทำประชามติครั้งนี้ บทความต่างประเทศจะเรียกการทำประชามติ 7 ส.ค. ว่า ทางเลือกของฮอบส์สัน คือ ถ้าถูกใจก็รับไป ถ้าไม่ถูกใจ ก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น บรรยากาศตอนนี้คือความมืดดำ
นายปริญญา ยังเห็นว่า คำว่า ปลุกระดม ในมาตรา 61 วรรค สอง คลุมเครือที่สุดในการตีความ กติกาในมาตรานี้ ทำให้การออกเสียงประชามติ กระทบต่อหลักเสรีภาพ ถ้าไม่แก้ไข ก็ต้องรอฟังศาลรธน.
"คำว่าปลุกระดม ไม่ควรจะมีอยู่ในกฎหมายนี้ เนื่องจากมีกฎหมายอาญาอยู่แล้ว คำหลายคำของ มาตรา 61 วรรคสองนั้น ขัดรธน. อยากให้ตีความตามมาตรานี้ บนเสรีภาพที่ประชาชนมีอำนาจตามอธิปไตย ตีความให้แคบที่สุด อย่าไปตีความกว้าง ถ้าไม่มีการแก้ไขเรื่องพวกนี้ ที่ให้มีความเสรี และเป็นธรรม อย่างไรก็ไม่ยั่งยืน ในอนาคตข้างหน้า จะมีการร่างใหม่เหมือนปี 34 คสช.ต้องการหรือไม่ คสช. ถลำลึกกับการมีส่วนว่าจะให้ร่างรธน. ผ่าน หรือไม่ผ่าน มากไปแล้ว อยากให้ถอยออกมา ยอมรับผลการตัดสินจากประชาชน ส่วนคำถามพ่วงความจริงแค่ตั้งคำถามให้ชัด คือ จะให้ ส.ว.ร่วมเลือกนายกฯ กับ ส.ส. หรือไม่ แบบนี้ถึงจะเป็นธรรม ผู้ตรวจการแผ่นดินน่าจะส่งประเด็นคำถามพ่วง ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น