เมื่อเช้าวานนี้ (6 มิ.ย.) ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ประชุมเพื่อตรวจคำร้องก่อนยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ทางผู้ตรวจการแผ่นดินจะส่งคำร้อง พร้อมความเห็น เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่า มาตรา 61 วรรค สอง ของพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวพ.ศ. 2557 มาตรา 4 หรือไม่
ทั้งนี้ หลังจากที่มีการปรับแก้ถ้อยคำเพื่อให้เกิดความรอบคอบ เนื่องจากคำพูดกับภาษาเขียนมีความแตกต่างกัน เป็นการเขียนให้โน้มน้าวใจ เพื่อให้ศาลฯได้เห็นว่า มาตราดังกล่าวมีปัญหาอย่างไร ซึ่งการพิจารณาของผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีการอ้างอิงข้อกฎหมาย โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ผ่านๆ มา และหลักการต่างๆ ทั้งนี้ยืนยันไม่ได้มีปัญหาในเรื่องข้อกฎหมาย ยังคงยืนยันที่จะให้ศาลฯ พิจารณามาตรา 61 วรรคสอง ทั้งวรรค ไม่ใช่เพียงแค่คำสามคำ "ก้าวร้าว รุนแรง หยาบคาย" ที่บรรจุอยู่ในวรรคดังกล่าว ซึ่งหลังจากยื่นแล้วก็เป็นดุลพินิจของศาลฯ ซึ่งเชื่อว่าจะพิจารณาโดยเร็ว
ด้านนายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ เลขาธิการสำนักงานศาลรธน.เปิดเผยว่า การพิจารณาคำร้องของผู้ตรวจการฯ เบื้องต้นทางสำนักงานฯ ไม่ได้มีการกำหนดกรอบระยะเวลาในการพิจารณาไว้ แต่จะเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรธน.โดยเร็วที่สุด ส่วนตุลาการจะนำมาพิจารณาเมื่อใดขึ้นอยู่กับตัวคำร้องว่า มีรายละเอียดที่ชัดเจน สามารถพิจารณาได้ทันทีหรือไม่ หรือหากคำร้องยังไม่ชัดเจน อาจจะต้องการขอเอกสารเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรืออาจจะต้องมีการเชิญบุคคลเข้าชี้แจง ทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของตุลาการ
อย่างไรก็ตาม นายพิมล ยังไม่สามารถระบุได้ว่า จะเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมในสัปดาห์นี้เลยหรือไม่โดยบอกว่า ต้องดูรายเอียดของคำร้องก่อน ไม่อยากไปกำหนดว่า ต้องเข้าที่ประชุมสัปดาห์นี้ แต่จะทำโดยเร็ว
แหล่งข่าวจากสำนักศาลรธน.เปิดเผยว่า สำนักงานศาลรธน.เตรียมที่เสนอคำร้องดังกล่าว ให้องค์คณะตุลาการพิจารณาภายในสัปดาห์นี้ ส่วนจะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ ถือเป็นดุลพินิจของคณะตุลาการ แต่คาดว่าคณะตุลาการจะพิจารณาอย่างเร่งด่วน และคาดว่า จะมีคำวินิจฉัยช้าสุดภายในต้นเดือนก.ค.นี้ เนื่องจากกรณีดังกล่าว เป็นประเด็นสำคัญ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึง กลุ่มนปช.เปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ 7 ส.ค. เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ด้วยอารมณ์โมโห ว่า “ก็ให้เปิดไป แต่ผมไม่รับให้อยู่ตามกฎหมายอยู่แล้ว ถ้าสื่อไม่ปลุกระดม ก็ไม่มีผลอะไร ใครอยากจะตั้ง ก็ตั้งไป ไม่มีสิทธิตามกฎหมายและศูนย์ฯนี้ก็อย่าทำความผิดตามพ.ร.บ. ว่าด้วยการประชามติก็แล้วกัน ถ้าผิดก็โดนจับหมด อย่าเข้าไปเกี่ยวข้อง เข้าไปแหลมในคูหา อย่าเข้าไปพูดว่า ล้มไม่ล้ม ผิดพ.ร.บ.ประชามติทั้งหมด ไอ้ตัวศูนย์ฯน่ะ ระวังให้ดี ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่ตั้ง จำนำข้าวทำไมไม่ตั้ง ทุจริตทำไมไม่ตั้ง”
วันเดียวกันนี้ กลุ่มนปช.นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นางธิดา โตจิราการ และ แกนนำ นปช. เข้ายื่นหนังสือถึง ตุลาการศาลรธน. เพื่อขอให้เร่งวินิจฉัยคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณี พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรธน. มาตรา 61 วรรคสอง ขัดรธน.หรือไม่ ภายใน 7 วัน และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำประชามติชะลอกระบวนการในการเตรียมการต่างๆไว้จนกว่าศาลรธน.จะมีคำวินิจฉัย เนื่องจากเห็นว่าเกรงว่าจะสิ้นเปลืองงบประมาณจำนวนมาก
นายจตุพร กล่าวว่า นปช.มาเรียกร้องให้ศาลรธน.เร่งทำการวินิจฉัย เนื่องจากหากมีคำวินิจฉัยก่อนวันออกเสียงประชามติเพียงไม่กี่วัน หรือวินิจฉัย หลังวันที่ 7 ส.ค. อาจทำให้เกิดความเสียหาย การทำประชามติอาจเป็นโมฆะได้
นายจตุพร ยังกล่าวถึงข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่กลุ่มนปช. ตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติว่า การตั้งศูนย์ดังกล่าว ก็เพื่อช่วยในการทำประชามติให้เป็นไปอย่างโปร่งใส ไม่ได้สร้างปัญหาตามที่ได้กังวลกัน หากไม่มีการโกงเกิดขึ้น พวกตนจะไปบอกว่ามีการโกง ก็ไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ควรที่จะขอบคุณพวกตนด้วยซ้ำ ที่ช่วยทำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิมากขึ้น ไม่ให้อายพม่า และการที่รธน.ฉบับนี้เป็นฉบับปราบโกง ก็จะต้องไม่ผ่านประชามติด้วยการโกง อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ปากกับใจตรงกัน หากเกลียดการโกง ก็ต้องทำทั้งกาย วาจา ใจ อย่าปากว่าตาขยิบ
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ทำไมนปช.ไม่ตั้งศูนย์ปราบโกง ตอนโครงการรับจำนำข้าวบ้าง เรื่องดังกล่าวมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ทั้งป.ป.ช. และฝ่ายค้าน หากมีการตั้งศูนย์ปราบโกงในตอนนั้น ก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกเดียวกัน เข้าข้างกัน ก็จะไม่เป็นประโยชน์ใดๆ ขณะนี้เรื่องดังกล่าวก็อยู่ในการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว
ทั้งนี้ หลังจากที่มีการปรับแก้ถ้อยคำเพื่อให้เกิดความรอบคอบ เนื่องจากคำพูดกับภาษาเขียนมีความแตกต่างกัน เป็นการเขียนให้โน้มน้าวใจ เพื่อให้ศาลฯได้เห็นว่า มาตราดังกล่าวมีปัญหาอย่างไร ซึ่งการพิจารณาของผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีการอ้างอิงข้อกฎหมาย โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ผ่านๆ มา และหลักการต่างๆ ทั้งนี้ยืนยันไม่ได้มีปัญหาในเรื่องข้อกฎหมาย ยังคงยืนยันที่จะให้ศาลฯ พิจารณามาตรา 61 วรรคสอง ทั้งวรรค ไม่ใช่เพียงแค่คำสามคำ "ก้าวร้าว รุนแรง หยาบคาย" ที่บรรจุอยู่ในวรรคดังกล่าว ซึ่งหลังจากยื่นแล้วก็เป็นดุลพินิจของศาลฯ ซึ่งเชื่อว่าจะพิจารณาโดยเร็ว
ด้านนายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ เลขาธิการสำนักงานศาลรธน.เปิดเผยว่า การพิจารณาคำร้องของผู้ตรวจการฯ เบื้องต้นทางสำนักงานฯ ไม่ได้มีการกำหนดกรอบระยะเวลาในการพิจารณาไว้ แต่จะเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรธน.โดยเร็วที่สุด ส่วนตุลาการจะนำมาพิจารณาเมื่อใดขึ้นอยู่กับตัวคำร้องว่า มีรายละเอียดที่ชัดเจน สามารถพิจารณาได้ทันทีหรือไม่ หรือหากคำร้องยังไม่ชัดเจน อาจจะต้องการขอเอกสารเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรืออาจจะต้องมีการเชิญบุคคลเข้าชี้แจง ทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของตุลาการ
อย่างไรก็ตาม นายพิมล ยังไม่สามารถระบุได้ว่า จะเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมในสัปดาห์นี้เลยหรือไม่โดยบอกว่า ต้องดูรายเอียดของคำร้องก่อน ไม่อยากไปกำหนดว่า ต้องเข้าที่ประชุมสัปดาห์นี้ แต่จะทำโดยเร็ว
แหล่งข่าวจากสำนักศาลรธน.เปิดเผยว่า สำนักงานศาลรธน.เตรียมที่เสนอคำร้องดังกล่าว ให้องค์คณะตุลาการพิจารณาภายในสัปดาห์นี้ ส่วนจะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ ถือเป็นดุลพินิจของคณะตุลาการ แต่คาดว่าคณะตุลาการจะพิจารณาอย่างเร่งด่วน และคาดว่า จะมีคำวินิจฉัยช้าสุดภายในต้นเดือนก.ค.นี้ เนื่องจากกรณีดังกล่าว เป็นประเด็นสำคัญ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึง กลุ่มนปช.เปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ 7 ส.ค. เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ด้วยอารมณ์โมโห ว่า “ก็ให้เปิดไป แต่ผมไม่รับให้อยู่ตามกฎหมายอยู่แล้ว ถ้าสื่อไม่ปลุกระดม ก็ไม่มีผลอะไร ใครอยากจะตั้ง ก็ตั้งไป ไม่มีสิทธิตามกฎหมายและศูนย์ฯนี้ก็อย่าทำความผิดตามพ.ร.บ. ว่าด้วยการประชามติก็แล้วกัน ถ้าผิดก็โดนจับหมด อย่าเข้าไปเกี่ยวข้อง เข้าไปแหลมในคูหา อย่าเข้าไปพูดว่า ล้มไม่ล้ม ผิดพ.ร.บ.ประชามติทั้งหมด ไอ้ตัวศูนย์ฯน่ะ ระวังให้ดี ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่ตั้ง จำนำข้าวทำไมไม่ตั้ง ทุจริตทำไมไม่ตั้ง”
วันเดียวกันนี้ กลุ่มนปช.นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นางธิดา โตจิราการ และ แกนนำ นปช. เข้ายื่นหนังสือถึง ตุลาการศาลรธน. เพื่อขอให้เร่งวินิจฉัยคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณี พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรธน. มาตรา 61 วรรคสอง ขัดรธน.หรือไม่ ภายใน 7 วัน และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำประชามติชะลอกระบวนการในการเตรียมการต่างๆไว้จนกว่าศาลรธน.จะมีคำวินิจฉัย เนื่องจากเห็นว่าเกรงว่าจะสิ้นเปลืองงบประมาณจำนวนมาก
นายจตุพร กล่าวว่า นปช.มาเรียกร้องให้ศาลรธน.เร่งทำการวินิจฉัย เนื่องจากหากมีคำวินิจฉัยก่อนวันออกเสียงประชามติเพียงไม่กี่วัน หรือวินิจฉัย หลังวันที่ 7 ส.ค. อาจทำให้เกิดความเสียหาย การทำประชามติอาจเป็นโมฆะได้
นายจตุพร ยังกล่าวถึงข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่กลุ่มนปช. ตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติว่า การตั้งศูนย์ดังกล่าว ก็เพื่อช่วยในการทำประชามติให้เป็นไปอย่างโปร่งใส ไม่ได้สร้างปัญหาตามที่ได้กังวลกัน หากไม่มีการโกงเกิดขึ้น พวกตนจะไปบอกว่ามีการโกง ก็ไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ควรที่จะขอบคุณพวกตนด้วยซ้ำ ที่ช่วยทำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิมากขึ้น ไม่ให้อายพม่า และการที่รธน.ฉบับนี้เป็นฉบับปราบโกง ก็จะต้องไม่ผ่านประชามติด้วยการโกง อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ปากกับใจตรงกัน หากเกลียดการโกง ก็ต้องทำทั้งกาย วาจา ใจ อย่าปากว่าตาขยิบ
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ทำไมนปช.ไม่ตั้งศูนย์ปราบโกง ตอนโครงการรับจำนำข้าวบ้าง เรื่องดังกล่าวมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ทั้งป.ป.ช. และฝ่ายค้าน หากมีการตั้งศูนย์ปราบโกงในตอนนั้น ก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกเดียวกัน เข้าข้างกัน ก็จะไม่เป็นประโยชน์ใดๆ ขณะนี้เรื่องดังกล่าวก็อยู่ในการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว
