ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ได้นัดประชุมสนช. ในวันที่ 23 มิ.ย. เวลา 10.00 น. เพื่อพิจารณาในวาระแรกขั้นรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2560 ตามที่ครม.เป็นผู้เสนอ วงเงิน 2,733,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตั้งงบประมาณแบบขาดดุล มีวงเงินลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ.2559 จำนวน 43,000 ล้านบาท เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น มีงบประมาณรายจ่ายเพียงพอในการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจ และสังคม
โดยกำหนดเป็นรายจ่ายประจำ 2,103,422.2 ล้านบาท และเป็นรายจ่ายลงทุน 548,391 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้ประมาณการรายได้สุทธิจำนวน 2,343,000 ล้านบาท และกำหนดวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 390,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การขาดดุลงบประมาณจำนวนดังกล่าว ยังอยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อวินัย และฐานะการคลังของประเทศในระยะยาว
ทั้งนี้ได้มีการจัดสรรงบประมาณ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปการจัดทำงบประมาณ ที่มีการจัดกลุ่มเพื่อแสดงถึงค่าใช้จ่ายในแต่ละกลุ่มอย่างชัดเจนจึงได้ปรับปรุงโครงสร้างแยกออกเป็น 5 กลุ่ม คือ
1. งบกลางจำนวน 340,918.6 ล้านบาท 2. กลุ่มงบประมาณรายจ่ายกระทรวง และหน่วยงาน 1,445,956.1 ล้านบาท 3. กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ 437,899.8 ล้านบาท 4.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายพื้นที่ (ภารกิจพื้นที่ ท้องถิ่น ภูมิภาค จังหวัด กลุ่มจังหวัด) 264,343.7 ล้านบาท และ 5. กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ 243,881.8 ล้านบาท
ทั้งนี้ การจัดสรรงบประมาณหากจำแนกตามกระทรวง ปรากฏว่า กระทรวงที่ได้รับจัดสรรงบฯ มากสุด คือ อันดับ1. กระทรวงศึกษาธิการ 519,292,488,100 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 19 อันดับ 2. กระทรวงมหาดไทย 324,011,999,800 บาท หรือ ร้อยละ 11.8 อันดับ 3 กระทรวงการคลัง 218,633,124,100 บาท ร้อยละ 8 อันดับ 4 กระทรวงกลาโหม 214,347,402,200 หรือ ร้อยละ 7.9 และ อันดับ 5 กระทรวงคมนาคม จำนวน 152,726,416,300 บาท หรือ คิดเป็นร้อยละ 5.6
โดยกำหนดเป็นรายจ่ายประจำ 2,103,422.2 ล้านบาท และเป็นรายจ่ายลงทุน 548,391 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้ประมาณการรายได้สุทธิจำนวน 2,343,000 ล้านบาท และกำหนดวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 390,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การขาดดุลงบประมาณจำนวนดังกล่าว ยังอยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อวินัย และฐานะการคลังของประเทศในระยะยาว
ทั้งนี้ได้มีการจัดสรรงบประมาณ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปการจัดทำงบประมาณ ที่มีการจัดกลุ่มเพื่อแสดงถึงค่าใช้จ่ายในแต่ละกลุ่มอย่างชัดเจนจึงได้ปรับปรุงโครงสร้างแยกออกเป็น 5 กลุ่ม คือ
1. งบกลางจำนวน 340,918.6 ล้านบาท 2. กลุ่มงบประมาณรายจ่ายกระทรวง และหน่วยงาน 1,445,956.1 ล้านบาท 3. กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ 437,899.8 ล้านบาท 4.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายพื้นที่ (ภารกิจพื้นที่ ท้องถิ่น ภูมิภาค จังหวัด กลุ่มจังหวัด) 264,343.7 ล้านบาท และ 5. กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ 243,881.8 ล้านบาท
ทั้งนี้ การจัดสรรงบประมาณหากจำแนกตามกระทรวง ปรากฏว่า กระทรวงที่ได้รับจัดสรรงบฯ มากสุด คือ อันดับ1. กระทรวงศึกษาธิการ 519,292,488,100 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 19 อันดับ 2. กระทรวงมหาดไทย 324,011,999,800 บาท หรือ ร้อยละ 11.8 อันดับ 3 กระทรวงการคลัง 218,633,124,100 บาท ร้อยละ 8 อันดับ 4 กระทรวงกลาโหม 214,347,402,200 หรือ ร้อยละ 7.9 และ อันดับ 5 กระทรวงคมนาคม จำนวน 152,726,416,300 บาท หรือ คิดเป็นร้อยละ 5.6