เคาะแล้วกรอบงบปี 60 ขาดดุล 3.9 แสนล้านต่อเนื่องเท่าปีก่อน เผยเป็นงบรายจ่าย 2.73 ล้านล้าน ลงทุน 5.46 แสนล้าน ประมาณการรายได้ 2.34 ล้านล้าน จี้ทุกส่วนราชการ เสนอคำขอภายใน 19 ก.พ. นี้ เผย ครม. ไฟเขียว 6 ยุทธศาสตร์การจัดสรงบประมาณปี 60 แบบบูรณาการ
วันนี้ (2 ก.พ.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 ในภาพรวมของการจัดทำกรอบงบวงเงิน 2.733 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 จากปี 2559 โดยรายจ่ายประจำอยู่ที่ 2.214 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน งบรายจ่ายลงทุนอยู่ที่ 546,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4% และรายจ่ายชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้ 65,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9%”
ขณะที่รายได้ของรัฐบาล คาดว่า จะอยู่ที่ 2.343 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ทำให้เป็นงบประมาณขาดดุลอยู่ที่ 390,000 ล้านบาท เท่ากับงบประมาณในปี 2559 เนื่องจากที่ผ่านมานั้น รัฐบาลจะมีการจัดเก็บรายได้ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังอนุมัติวงเงิน 1,814 ล้านบาท ใช้ในโครงการแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมตามความต้องการของชุมชน เพื่อบรรเทาปัญหาจากภัยแล้งที่เกิดขึ้น
นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบกรอบงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ 60 โดยยังจัดทำเป็นงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องอีก 390,000 ล้านบาท เท่ากับปีงบประมาณก่อน ส่วนงบประมาณรายจ่ายอยู่ที่ 2.733 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,000 ล้านบาท หรือ 0.5% มีงบประมาณการลงทุน 546,000 ล้านบาท คิดเป็น 20% ของวงเงินงบประมาณ ขณะที่รายได้ประมาณการอยู่ที่ 2.343 ล้านล้านบาท ซึ่งการจัดทำงบประมาณครั้งนี้ คิดภายใต้สมมติฐานเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 4% และอัตราเงินเฟ้อ 2%
“การที่ยังคงตัวเลขการขาดดุลงบประมาณเท่าเดิม เป็นความเห็นของการประชุม 4 หน่วยงาน คือ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่คงการขาดดุลไวเท่าเดิม เพราะการที่จะเพิ่มกรอบวงเงินให้สูงกว่าเดิม อาจทำส่งสัญญาณให้เกิดความรู้สึกว่า รายได้ในปี 60 อาจไม่สูงมาก แต่ในข้อเท็จจริงที่ประชุมเห็นว่า รายได้อาจสูงกว่าประมาณการด้วย ขณะที่ปี 59 รายได้ก็อาจสูงกว่าประมาณการเดิม โดยรายได้ปี 60 ที่มองว่ามากขึ้นกว่าเดิม มาจากหลาย ๆ ส่วน เช่น การเก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมัน และอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งการส่งออกที่น่าจะสูงกว่าที่คาดการณ์เอาไว้”
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดสรงบประมาณปี 60 แบบบูณาการเชิงยุทธศาสตร์ 6 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง เช่น ความมั่นคงทางด้านต่างประเทศ เรื่องปรองดองของคนภายในประเทศและการแก้ไขปัญหา 4 จังหวัดชายแดนใต้, ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน, ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน, ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาส ความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม เช่น การแก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม เป็นต้น รวมทั้งยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโต บนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะครอบคลุมไปถึงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และการดูแลเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ และยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุล และพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเรื่องการป้องกัน และการปราบปรามคอร์รัปชัน รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการภาครัฐ พร้อมทั้งเห็นชอบรายการค่าดำเนินการภาครัฐด้วย
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขั้นตอนต่อจากนี้ สำนักงบประมาณได้มอบหมายให้ทุกส่วนราชการจัดทำคำของบประมาณมาเสนอตามกรอบเพดานงบประมาณเบื้องต้น 3.31 ล้านล้านบาท ในวันที่ 19 ก.พ. นี้ เพื่อให้สำนักงบประมาณกลั่นกรองอีกครั้ง โดยที่ผ่านมาในการเสนอคำของบประมาณครั้งแรกมีส่วนราชการเสนอมาให้มากถึง 4.2 ล้านล้านบาท สำนักงบประมาณจึงได้กลั่นกรองให้เหลือ 3.31 ล้านบ้านบาท และได้เสนอให้ที่ประชุมครม.เห็นชอบในการประชุมครั้งนี้ เพื่อเป็นกรอบในการพิจารณางบประมาณของส่วนราชการทั้งหมด
การจัดทำงบประมาณครั้งนี้ มีโครงสร้างแผนงานทั้งหมด 3 กลุ่ม คือ แผนงานบุคลากรภาครัฐ แผนงานพื้นฐาน และแผนงานยุทธศาสตร์ โดยในแผนงานยุทธศาสตร์นั้น มีทั้งหมด 45 แผนงาน เป็นแผนงานการบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ 25 แผนงาน มีวงเงินตามกรอบคำขอเบื้องต้น 770,000 ล้านบาทแล้ว จากคำขอกรอบวงเงินภายในกรอบวงเงินเบื้องต้น 3.31 ล้านล้านบาท และถ้าส่วนราชการใด จำเป็นต้องเพิ่มวงเงินในแผนงานตามยุทธศาสตร์ก็ให้ปรับลดแผนงานพื้นฐานลง ให้เป็นไปตามนโยบายของนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่ปีนี้จะเน้นเรื่องการจัดสรรงบประมาณลงในรูปแบบยุทธศาสตร์แทนโดยคำขอที่เสนอมาก็ให้สอดคล้องไปทิศทางเดียวกัน ให้มีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน ซึ่งสำนักงบประมาณจะคอยกลั่นกรองดูอีกครั้งว่า คำขอที่เสนอมานั้นสอดคล้องกับการจัดสรรงบประมารแบบใหม่หรือไม่
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำการดำเนินการดังกล่าว ว่า การจัดทำงบประมาณปีนี้ ขอให้มีแผนปฏิบัติงานของแต่ละส่วนราชการส่งเข้ามาประกอบการพิจารณาด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับขั้นตอนการพิจารณาโครงการต่าง ๆ ว่า มีความพร้อมหรือไม่ หรือถ้าคำขอใดไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนก็ขอให้ไปดำเนินการในเรื่องที่มีความเร่งด่วนแทน ไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและให้การใช้งบประมาณเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด