รอยเตอร์ - เจ้าชายผู้ทรงอิทธิพลซึ่งทรงกำกับดูแลเศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบีย ทรงเปิดตัวแผนทะเยอทะยานในวันจันทร์ (25 เม.ย.) ซึ่งมีเป้าหมายยุติการเสพติดน้ำมันและเปลี่ยนผ่านประเทศเข้าสู่มหาอำนาจด้านการลงทุนของโลก
เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน รองมกุฎราชกุมาร ทรงเผยว่า ริยาดจะเพิ่มวงเงินในกองทุนการลงทุนภาครัฐของประเทศเป็น 7 ล้านล้านริยาล (2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากเดิม 600,000 ล้านริยาล (160,000 ล้านล้านดอลลาร์) และจะขายหุ้นใน อารามโก รัฐวิสาหกิจพลังงานของประเทศ สูงสุด 5 เปอร์เซ็นต์
แผนที่แถลงโดยเจ้าชายโมฮัมเหม็ดยังรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางสังคมของประเทศมุสลิมอนุรักษนิยมสุดโต่งแห่งนี้ ด้วยจะผลักดันให้ผู้หญิงมีบทบาททางเศรษฐกิจมากขึ้นและเสนอปรับปรุงสถานะของผู้อยู่อาศัยต่างชาติ
“เราเสพติดน้ำมันกันเต็มที่แล้วในซาอุดีอาระเบีย” เจ้าชายโมฮัมเหม็ดให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์อัล-อาราบิยะห์ พร้อมระบุว่าด้วยเหตุนี้ริยาดจำเป็นต้องลดพึ่งพิงรายได้จากน้ำมันดิบ
แม้แต่ก่อนหน้าราคาน้ำมันจะเริ่มตกต่ำในปี 2014 เหล่านักเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ก็มองนโยบายการคลังและโครงสร้างเศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบียมานานแล้วว่าไม่ยั่งยืน แต่รายได้จากการจำหน่ายพลังงานที่ลดลงฮวบฮาบได้ทำให้แผนปฏิรูปกลายเป็นเรื่องเร่งด่วนยิ่งขึ้น
ศูนย์กลางของแผนปฏิรูป “วิชัน 2030” (วิสัยทัศน์ 2030) คือการปรับโครงสร้างกองทุนการลงทุนของภาครัฐ (PIF) ซึ่งเจ้าชายโมฮัมเหม็ดบอกว่ามันจะกลายเป็นศูนย์กลางเงินลงทุนในต่างแดนของซาอุดีอาระเบีย ส่วนหนึ่งจากการระดมผ่านการขายหุ้นในอารามโก
การแปรรูปอารามโกบางส่วนก็เป็นศูนย์กลางของแผนเช่นกัน และเจ้าชายโมฮัมเหม็ดบอกว่ารัฐวิสาหกิจแห่งนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นบริษัทพลังงานที่มีมูลค่ามากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ และเตรียมปล่อยขายหุ้นของอารามโกในตลาดหลักทรัพย์สูงสุด 5 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ อารามโกมีกำหนดจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ช่วงต้นปี 2017 ไม่เกินปี 2018
ด้วยที่มันเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่มากเพราะว่ามีสิทธิ์ในคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ การขายหุ้นแม้เพียงน้อยนิดแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าก็จะกลายเป็นการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ใหญ่ที่สุดในโลก พระองค์ทรงระบุ
เจ้าชายพระองค์นี้ทรงระบุต่อว่า เหล่าบริษัทลูกของอารามโกก็จะถูกนำเข้าตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน เช่นเดียวกับบริษัทต่างๆ ที่รัฐเป็นเจ้าของ พร้อมตรัสว่าหนึ่งในประโยชน์หลักของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจคือจะช่วยให้มีความโปร่งใสมากขึ้นและช่วยจำกัดการคอร์รัปชัน
นับตั้งแต่เจ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามากำกับดูแลแผนระยะยาวของซาอุดีอาระเบียผ่านสภากิจการเศรษฐกิจและการพัฒนา ริยาดพุ่งเป้าด้านการปฏิรูปอย่างเร่งด่วนและฉับพลัน
รัฐบาลขาดดุลงบประมาณ 367,000 ริยาล (98,000 ล้านดอลลาร์) หรือ 15 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีในปี 2015 และในปีนี้แผนงบประมาณประจำปีจึงมีเป้าหมายลดการขาดดุลงบประมาณลงเหลือ 326,000 ล้านริยาล (87,000 ล้านดอลลาร์)
ทีมเศรษฐกิจของเจ้าชายแถลงมาตรการต่างๆ ในความพยายามลดการใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองของรัฐบาลลง หารายได้ในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งเปิดตัวภาษีขายและแปรรูปสินทรัพย์รัฐ และดำเนินการปฏิรูปในด้านการศึกษา
แต่เป้าหมายความทะเยอทะยานต่างๆ อย่างเช่นการเพิ่มส่วนแบ่งภาคเอกชนในเศรษฐกิจจาก 40 เปอร์เซ็นต์เป็น 60 เปอร์เซ็นต์ ลดอัตราคนว่างงานจาก 11 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 7.6 เปอร์เซ็นต์ หารายได้นอกภาคอุตสาหกรรมน้ำมันจาก 163,000 ริยาล (44,000 ล้านดอลลาร์) เป็น 1 ล้านล้านริยาล (267,000 ล้านดอลลาร์) ไม่ได้มีคำอธิบายเพิ่มเติม