ทุกวันนี้ตื่นเช้าฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ และอ่านหนังสือพิมพ์รายวัน จะได้ยิน ได้ดู และได้เห็นข่าวการจับยาบ้า ฆ่ากันตาย รวมไปถึงข่าวการปล้นจี้ชิงทรัพย์ ฆ่าข่มขืน เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่สะท้อนความเสื่อมทางด้านศีลธรรมของผู้คนในสังคมยุคนี้ และที่สังคมไทยเป็นเช่นนี้ อนุมานได้ว่าน่าจะเกิดจากเหตุปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. ประชาชนชาวไทยในยุคนี้ ถูกลัทธิวัตถุนิยมและบริโภคนิยมจากโลกตะวันตกเข้าครอบงำ จึงทำให้ละเลยและเพิกเฉยดั้งเดิม ซึ่งผูกพันอยู่กับพุทธศาสนาที่สอนให้ชาวไทยเป็นคนรักสงบ และเคารพในความเป็นคนของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อันเป็นพื้นฐานของพุทธศาสนา และยังสอนให้ชาวพุทธฝึกจิตให้เข้มแข็งป้องกันมิให้ไหลไปสู่กระแสเบื้องต่ำตามแรงดึงของกิเลส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความโลภ และความหลงซึ่งทำให้มุ่งแสวงหาวัตถุมาสนองความต้องการของตน และเมื่อแสวงหาด้วยวิธีการสุจริตไม่ได้หรือได้ แต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ก็แสวงหาด้วยวิธีการทุจริตในทุกรูปแบบเมื่อมีโอกาส
2. วัด ซึ่งเคยเป็นที่อยู่ของนักบวชผู้มีศีล ฝึกสมาธิ และอบรมบ่มปัญญาคอยสั่งสอนชาวประชาให้ละสิ่งผิด ทำสิ่งถูก ปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรม
แต่บัดนี้ วัดมีอยู่จำนวนไม่น้อยที่กลายเป็นที่อยู่ของนักบวชผู้มีศีลด่างพร้อย หรือแม้กระทั่งเป็นผู้ทุศีล จะเห็นได้จากความประพฤติย่อหย่อนทางพระวินัย มีความผิดตั้งแต่ขั้นเป็นโลกวัชชะ เช่น เสพยาบ้า ดื่มสุรา เป็นต้นไปจนถึงขั้นปาราชิก เช่น เสพเมถุน และอวดอุตริมนุสธรรม เป็นต้น จึงไม่ต้องพูดถึงการแสวงหาความหลุดพ้น จึงได้สาละวนอยู่กับการแสวงหาลาภสักการะ โดยการสอนให้คนที่เข้าวัดทำบุญด้วยวัตถุ เพื่อหวังจะได้ไปสวรรค์ และป้องกันการไปเกิดในนรก เข้าทำนองเอาสวรรค์มาล่อให้เกิดความอยาก และเอานรกมาขู่ให้เกิดความกลัว ซึ่งไม่สอดคล้องกับพุทธประสงค์ที่ต้องการให้ชาวพุทธบูชาพระองค์ด้วยการปฏิบัติตามคำสอนที่มุ่งให้ลดละกิเลสที่เรียกว่า ปฏิบัติบูชามากกว่าให้บูชาด้วยวัตถุหรือที่เรียกว่า อามิสบูชา
3. กฎหมายที่ไม่ครอบคลุมความผิดในทุกแง่มุม ซึ่งกลายเป็นช่องโหว่ช่องว่างให้คนคดคนโกงกระทำผิดได้ และการบังคับใช้กฎหมายที่หย่อนขาดความเด็ดขาดและล่าช้า ทำให้ผู้กระทำผิดไม่เกรงกลัว และยังเปิดช่องให้หาโอกาสวิ่งเต้นเพื่อให้ตนพ้นผิดได้ด้วยรูปแบบต่างๆ มีตั้งแต่การใช้เงิน เส้นสายไปจนถึงการใช้อำนาจทางการเมืองเข้าแทรกแซง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนสอบสวนเพื่อหาหลักฐานในการกระทำผิด และจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดี ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขั้นตอนในการพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง รวมไปถึงให้มีการหาหลักฐานเพิ่มเติมซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของอัยการ
ด้วยเหตุปัจจัย 3 ประการดังกล่าวข้างต้น สังคมไทยจึงเต็มไปด้วยการกระทำผิดกฎหมาย และล่วงละเมิดศีลธรรมในรูปแบบต่างๆ มีตั้งแต่การทุจริตในภาครัฐไปจนถึงการประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้ายาเสพติด บ่อนการพนัน และธุรกิจค้าประเวณีในรูปแบบต่างๆ นับตั้งแต่ซ่อง ซึ่งเป็นสถานที่ขายบริการทางเพศโดยตรง ซึ่งมีจำนวนลดลง แต่เพิ่มขึ้นในรูปแบบธุรกิจค้ากามแอบแฝง เช่น ร้านตัดผม อาบอบนวด รวมไปถึงนางทางโทรศัพท์และทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีอยู่ดาษดื่นในสังคมไทยจนไม่อยากเชื่อว่าประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ และมีกฎหมายป้องปรามการค้าประเวณี
สำหรับบ่อนการพนันซึ่งมีทั้งบ่อนเล็กบ่อนใหญ่ที่มีการเล่นเป็นประจำ และมีสถานที่แน่นอน เป็นที่รู้กันทั่วไปในหมู่ชุมชนละแวกนั้น รวมไปถึงบ่อนวิ่ง ซึ่งมีสถานประกอบการไม่แน่นอนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพนันฟุตบอลในฤดูกาลที่มีการแข่งขัน เช่น ในขณะนี้มีการแข่งขันฟุตบอลยูโร และในเดือนสิงหาคมจะมีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศบราซิล ซึ่งมีการแข่งขันฟุตบอลรวมอยู่ด้วย ดังนั้น ในระยะที่มีการแข่งฟุตบอลทุกครั้ง ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจกวดขันอย่างจริงจัง เชื่อได้ว่าจะมีนักพนันและเจ้ามือรับแทงผลการแข่งขันถูกจับได้จำนวนไม่น้อย
สำหรับการทุจริตคอร์รัปชันในภาครัฐเกิดขึ้น และมีมาในสังคมไทยมาเนิ่นนาน และสะสมจนกลายเป็นโรคเรื้อรังแก้ได้ยาก เพียงแต่ในยุคโบราณเป็นเพียงการฉ้อราษฎร์บังหลวงด้วยเงินเล็กน้อย จึงมีคำเรียกทุจริตในภาครัฐว่าโกงกินไม่มากมายจนถึงกับทำให้ประเทศล่มจม เฉกเช่นในทุกวันนี้ที่มีการโกงกินอย่างเป็นล่ำเป็นสัน สร้างความร่ำรวยให้แก่ตนเอง ครอบครัว รวมไปถึงพวกพ้องจึงน่าจะเรียกทุจริตในภาครัฐทุกวันนี้ว่าโกงเก็บแทนการโกงกิน ซึ่งมีนัยว่าเอาแต่พอกิน ไม่เผื่อลูกเผื่อหลาน แต่การโกงเก็บได้เท่าไหร่ก็ไม่พอ เพราะที่เก็บเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในประเทศและนอกประเทศ
แต่อย่างไรก็ตาม ในยุคของรัฐบาลปัจจุบันภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยมีพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ดูแลกระทรวงยุติธรรม น่าจะทำให้การทุจริตในภาครัฐลดลงเมื่อคนโกงหลายคนถูกดำเนินคดี และจบลงด้วยการถูกจำคุก
แต่ถ้าจะให้การปราบทุจริตในภาครัฐลดลงได้มากกว่านี้ การดำเนินคดีความกับคนโกงบ้านโกงเมืองควรจะรวดเร็ว และรุนแรงเท่าที่กฎหมายกำหนดไว้ ทั้งคดีในลักษณะนี้จะต้องไม่มีอายุความด้วย
ทุจริตในภาครัฐเกิดขึ้นได้อย่างไร และจะใช้วิธีใดแก้ไขป้องกันได้บ้าง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทุกคนที่เคยทำงานในภาครัฐ รู้และเข้าใจเป็นอย่างดีว่า การทุจริตในภาครัฐเกิดขึ้นในลักษณะ 3 ประสานคือ 3 ฝ่ายอันได้แก่ พ่อค้า นักการเมือง และข้าราชการประจำ ร่วมมือกันในลักษณะ 3 ประสานเริ่มด้วยพ่อค้ามองเห็นช่องทางแสวงหากำไรได้นำโครงการเสนอนักการเมือง ซึ่งควบคุมดูแลส่วนราชการในระดับกระทรวง ทบวง กรม อยู่ พร้อมชี้แนะแนวทางหาประโยชน์จากโครงการ พร้อมกับแสวงหาผลประโยชน์ให้ได้อัตราที่สูงพอจะทำให้เกิดการตัดสินใจจัดทำโครงการ และตนเองถือโอกาสเข้าไปประมูลหรือฮั้วประมูลกับผู้ประกอบการอื่น แล้วกินค่าฮั้วประมูล เป็นต้น และต่อจากนั้นนักการเมืองก็สั่งการให้ข้าราชการประจำระดับหัวหน้าหน่วยงาน ดำเนินการจนเป็นผลสำเร็จแล้วหารผลประโยชน์กันตามสัดส่วนของความเสี่ยง
ส่วนวิธีแก้ไขนั้นทำได้โดยเลือกบุคคลเข้าทำงาน โดยเน้นความรู้ความสามารถ และหลีกเลี่ยงเด็กฝากที่ไม่มีความรู้ ความสามารถ ทั้งด้านเนื้องาน และวิธีการทำงาน เพียงแค่นี้ก็พอจะแก้ปัญหาการโกงได้ระดับหนึ่ง ถ้าจะให้ดีควรเข้มงวดตรวจตรา และบังคับใช้กฎหมายโดยเด็ดขาด ก็จะช่วยให้การโกงลดลงได้บ้าง
1. ประชาชนชาวไทยในยุคนี้ ถูกลัทธิวัตถุนิยมและบริโภคนิยมจากโลกตะวันตกเข้าครอบงำ จึงทำให้ละเลยและเพิกเฉยดั้งเดิม ซึ่งผูกพันอยู่กับพุทธศาสนาที่สอนให้ชาวไทยเป็นคนรักสงบ และเคารพในความเป็นคนของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อันเป็นพื้นฐานของพุทธศาสนา และยังสอนให้ชาวพุทธฝึกจิตให้เข้มแข็งป้องกันมิให้ไหลไปสู่กระแสเบื้องต่ำตามแรงดึงของกิเลส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความโลภ และความหลงซึ่งทำให้มุ่งแสวงหาวัตถุมาสนองความต้องการของตน และเมื่อแสวงหาด้วยวิธีการสุจริตไม่ได้หรือได้ แต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ก็แสวงหาด้วยวิธีการทุจริตในทุกรูปแบบเมื่อมีโอกาส
2. วัด ซึ่งเคยเป็นที่อยู่ของนักบวชผู้มีศีล ฝึกสมาธิ และอบรมบ่มปัญญาคอยสั่งสอนชาวประชาให้ละสิ่งผิด ทำสิ่งถูก ปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรม
แต่บัดนี้ วัดมีอยู่จำนวนไม่น้อยที่กลายเป็นที่อยู่ของนักบวชผู้มีศีลด่างพร้อย หรือแม้กระทั่งเป็นผู้ทุศีล จะเห็นได้จากความประพฤติย่อหย่อนทางพระวินัย มีความผิดตั้งแต่ขั้นเป็นโลกวัชชะ เช่น เสพยาบ้า ดื่มสุรา เป็นต้นไปจนถึงขั้นปาราชิก เช่น เสพเมถุน และอวดอุตริมนุสธรรม เป็นต้น จึงไม่ต้องพูดถึงการแสวงหาความหลุดพ้น จึงได้สาละวนอยู่กับการแสวงหาลาภสักการะ โดยการสอนให้คนที่เข้าวัดทำบุญด้วยวัตถุ เพื่อหวังจะได้ไปสวรรค์ และป้องกันการไปเกิดในนรก เข้าทำนองเอาสวรรค์มาล่อให้เกิดความอยาก และเอานรกมาขู่ให้เกิดความกลัว ซึ่งไม่สอดคล้องกับพุทธประสงค์ที่ต้องการให้ชาวพุทธบูชาพระองค์ด้วยการปฏิบัติตามคำสอนที่มุ่งให้ลดละกิเลสที่เรียกว่า ปฏิบัติบูชามากกว่าให้บูชาด้วยวัตถุหรือที่เรียกว่า อามิสบูชา
3. กฎหมายที่ไม่ครอบคลุมความผิดในทุกแง่มุม ซึ่งกลายเป็นช่องโหว่ช่องว่างให้คนคดคนโกงกระทำผิดได้ และการบังคับใช้กฎหมายที่หย่อนขาดความเด็ดขาดและล่าช้า ทำให้ผู้กระทำผิดไม่เกรงกลัว และยังเปิดช่องให้หาโอกาสวิ่งเต้นเพื่อให้ตนพ้นผิดได้ด้วยรูปแบบต่างๆ มีตั้งแต่การใช้เงิน เส้นสายไปจนถึงการใช้อำนาจทางการเมืองเข้าแทรกแซง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนสอบสวนเพื่อหาหลักฐานในการกระทำผิด และจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดี ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขั้นตอนในการพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง รวมไปถึงให้มีการหาหลักฐานเพิ่มเติมซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของอัยการ
ด้วยเหตุปัจจัย 3 ประการดังกล่าวข้างต้น สังคมไทยจึงเต็มไปด้วยการกระทำผิดกฎหมาย และล่วงละเมิดศีลธรรมในรูปแบบต่างๆ มีตั้งแต่การทุจริตในภาครัฐไปจนถึงการประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้ายาเสพติด บ่อนการพนัน และธุรกิจค้าประเวณีในรูปแบบต่างๆ นับตั้งแต่ซ่อง ซึ่งเป็นสถานที่ขายบริการทางเพศโดยตรง ซึ่งมีจำนวนลดลง แต่เพิ่มขึ้นในรูปแบบธุรกิจค้ากามแอบแฝง เช่น ร้านตัดผม อาบอบนวด รวมไปถึงนางทางโทรศัพท์และทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีอยู่ดาษดื่นในสังคมไทยจนไม่อยากเชื่อว่าประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ และมีกฎหมายป้องปรามการค้าประเวณี
สำหรับบ่อนการพนันซึ่งมีทั้งบ่อนเล็กบ่อนใหญ่ที่มีการเล่นเป็นประจำ และมีสถานที่แน่นอน เป็นที่รู้กันทั่วไปในหมู่ชุมชนละแวกนั้น รวมไปถึงบ่อนวิ่ง ซึ่งมีสถานประกอบการไม่แน่นอนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพนันฟุตบอลในฤดูกาลที่มีการแข่งขัน เช่น ในขณะนี้มีการแข่งขันฟุตบอลยูโร และในเดือนสิงหาคมจะมีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศบราซิล ซึ่งมีการแข่งขันฟุตบอลรวมอยู่ด้วย ดังนั้น ในระยะที่มีการแข่งฟุตบอลทุกครั้ง ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจกวดขันอย่างจริงจัง เชื่อได้ว่าจะมีนักพนันและเจ้ามือรับแทงผลการแข่งขันถูกจับได้จำนวนไม่น้อย
สำหรับการทุจริตคอร์รัปชันในภาครัฐเกิดขึ้น และมีมาในสังคมไทยมาเนิ่นนาน และสะสมจนกลายเป็นโรคเรื้อรังแก้ได้ยาก เพียงแต่ในยุคโบราณเป็นเพียงการฉ้อราษฎร์บังหลวงด้วยเงินเล็กน้อย จึงมีคำเรียกทุจริตในภาครัฐว่าโกงกินไม่มากมายจนถึงกับทำให้ประเทศล่มจม เฉกเช่นในทุกวันนี้ที่มีการโกงกินอย่างเป็นล่ำเป็นสัน สร้างความร่ำรวยให้แก่ตนเอง ครอบครัว รวมไปถึงพวกพ้องจึงน่าจะเรียกทุจริตในภาครัฐทุกวันนี้ว่าโกงเก็บแทนการโกงกิน ซึ่งมีนัยว่าเอาแต่พอกิน ไม่เผื่อลูกเผื่อหลาน แต่การโกงเก็บได้เท่าไหร่ก็ไม่พอ เพราะที่เก็บเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในประเทศและนอกประเทศ
แต่อย่างไรก็ตาม ในยุคของรัฐบาลปัจจุบันภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยมีพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ดูแลกระทรวงยุติธรรม น่าจะทำให้การทุจริตในภาครัฐลดลงเมื่อคนโกงหลายคนถูกดำเนินคดี และจบลงด้วยการถูกจำคุก
แต่ถ้าจะให้การปราบทุจริตในภาครัฐลดลงได้มากกว่านี้ การดำเนินคดีความกับคนโกงบ้านโกงเมืองควรจะรวดเร็ว และรุนแรงเท่าที่กฎหมายกำหนดไว้ ทั้งคดีในลักษณะนี้จะต้องไม่มีอายุความด้วย
ทุจริตในภาครัฐเกิดขึ้นได้อย่างไร และจะใช้วิธีใดแก้ไขป้องกันได้บ้าง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทุกคนที่เคยทำงานในภาครัฐ รู้และเข้าใจเป็นอย่างดีว่า การทุจริตในภาครัฐเกิดขึ้นในลักษณะ 3 ประสานคือ 3 ฝ่ายอันได้แก่ พ่อค้า นักการเมือง และข้าราชการประจำ ร่วมมือกันในลักษณะ 3 ประสานเริ่มด้วยพ่อค้ามองเห็นช่องทางแสวงหากำไรได้นำโครงการเสนอนักการเมือง ซึ่งควบคุมดูแลส่วนราชการในระดับกระทรวง ทบวง กรม อยู่ พร้อมชี้แนะแนวทางหาประโยชน์จากโครงการ พร้อมกับแสวงหาผลประโยชน์ให้ได้อัตราที่สูงพอจะทำให้เกิดการตัดสินใจจัดทำโครงการ และตนเองถือโอกาสเข้าไปประมูลหรือฮั้วประมูลกับผู้ประกอบการอื่น แล้วกินค่าฮั้วประมูล เป็นต้น และต่อจากนั้นนักการเมืองก็สั่งการให้ข้าราชการประจำระดับหัวหน้าหน่วยงาน ดำเนินการจนเป็นผลสำเร็จแล้วหารผลประโยชน์กันตามสัดส่วนของความเสี่ยง
ส่วนวิธีแก้ไขนั้นทำได้โดยเลือกบุคคลเข้าทำงาน โดยเน้นความรู้ความสามารถ และหลีกเลี่ยงเด็กฝากที่ไม่มีความรู้ ความสามารถ ทั้งด้านเนื้องาน และวิธีการทำงาน เพียงแค่นี้ก็พอจะแก้ปัญหาการโกงได้ระดับหนึ่ง ถ้าจะให้ดีควรเข้มงวดตรวจตรา และบังคับใช้กฎหมายโดยเด็ดขาด ก็จะช่วยให้การโกงลดลงได้บ้าง