อดีตผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์ ฟ้องกลับพนักงานสอบสวน ปคม. หลังศาลยกฟ้องเนื่องจากเป็นกรณีสงสัยแต่ไม่ใช่ผู้กระทำความผิด
วันนี้ (8 ก.ย.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พ.ต.ท.มนัส ทองสีม่วง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ บก.ปคม. เปิดเผยถึงกรณีที่ถูก นายวรพจน์ พิทธยธนากุล แจ้งความดำเนินคดีในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ว่า คดีนี้สืบเนื่องจากกรณีที่ตนในฐานะหนึ่งในพนักงานสอบสวน บก.ปดส.(ในขณะนั้น) ได้สรุปสำนวนคดีสั่งฟ้อง นายวรพจน์ ในความผิดฐานร่วมกันค้าหญิงหรือเด็ก และเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น ร่วมกันเป็นธุระจัดหาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิง โดยใช้อุบายหลอกลวงหรือข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด หลังจากมีหญิงสาวผู้เสียหาย แจ้งความว่าถูกขบวนการค้ามนุษย์หลอกลวงไปขายบริการทางเพศที่ประเทศอังกฤษ เหตุเกิดเมื่อเดือนสิงหาคม 2549 ต่อเนื่องถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2550 ก่อนได้รับการช่วยเหลือกลับประเทศไทย
ทั้งนี้ สำหรับคดีดังกล่าวมีจำเลยรวม 5 คน โดย นายวรพจน์ ตกเป็นจำเลยที่ 3 ต่อมาเมื่อปี 2556 ศาลได้มีคำพิพากษา ว่าจำเลยที่ 1, 2, 4 และ 5 กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคแรก, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี มาตรา 9 วรรค 1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงโทษจำคุกคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 3 คือ นายวรพจน์ ให้ยกฟ้อง เนื่องจากเป็นกรณีสงสัยว่าไม่ใช่ผู้กระทำความผิด
อย่างไรก็ตาม ด้วยผลคำพิพากษาศาลดังกล่าว นายวรพจน์ จึงถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ พ้นมลทินจากการถูกกล่าวหาว่าร่วมกระทำความผิดในคดีดังกล่าว ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ถูกนำเสนอไปก่อนหน้านี้ จึงถือเป็นความคลาดเคลื่อน จึงมีการเสนอผลคดีดังกล่าวมาเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน เป็นการเยียวยาความเสียหายของนายวรพจน์ และเพื่อเป็นข้อคิดเตือนใจให้กับผู้ปฏิบัติงานด้านสืบสวนสอบสวนต่อไป
วันนี้ (8 ก.ย.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พ.ต.ท.มนัส ทองสีม่วง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ บก.ปคม. เปิดเผยถึงกรณีที่ถูก นายวรพจน์ พิทธยธนากุล แจ้งความดำเนินคดีในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ว่า คดีนี้สืบเนื่องจากกรณีที่ตนในฐานะหนึ่งในพนักงานสอบสวน บก.ปดส.(ในขณะนั้น) ได้สรุปสำนวนคดีสั่งฟ้อง นายวรพจน์ ในความผิดฐานร่วมกันค้าหญิงหรือเด็ก และเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น ร่วมกันเป็นธุระจัดหาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิง โดยใช้อุบายหลอกลวงหรือข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด หลังจากมีหญิงสาวผู้เสียหาย แจ้งความว่าถูกขบวนการค้ามนุษย์หลอกลวงไปขายบริการทางเพศที่ประเทศอังกฤษ เหตุเกิดเมื่อเดือนสิงหาคม 2549 ต่อเนื่องถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2550 ก่อนได้รับการช่วยเหลือกลับประเทศไทย
ทั้งนี้ สำหรับคดีดังกล่าวมีจำเลยรวม 5 คน โดย นายวรพจน์ ตกเป็นจำเลยที่ 3 ต่อมาเมื่อปี 2556 ศาลได้มีคำพิพากษา ว่าจำเลยที่ 1, 2, 4 และ 5 กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคแรก, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี มาตรา 9 วรรค 1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงโทษจำคุกคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 3 คือ นายวรพจน์ ให้ยกฟ้อง เนื่องจากเป็นกรณีสงสัยว่าไม่ใช่ผู้กระทำความผิด
อย่างไรก็ตาม ด้วยผลคำพิพากษาศาลดังกล่าว นายวรพจน์ จึงถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ พ้นมลทินจากการถูกกล่าวหาว่าร่วมกระทำความผิดในคดีดังกล่าว ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ถูกนำเสนอไปก่อนหน้านี้ จึงถือเป็นความคลาดเคลื่อน จึงมีการเสนอผลคดีดังกล่าวมาเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน เป็นการเยียวยาความเสียหายของนายวรพจน์ และเพื่อเป็นข้อคิดเตือนใจให้กับผู้ปฏิบัติงานด้านสืบสวนสอบสวนต่อไป