xs
xsm
sm
md
lg

เหยื่อ ตร.คดีค้ามนุษย์ ร้องทวงสิทธิฯ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายวรพจน์ พิทยธนากุล อดีตเจ้าของกิจการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ ตกเป็นจำเลยคดีค้ามนุษย์ ร้องทวงสิทธิ (เสื้อขาวแขนยาว)
ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พาผู้เสียหายร้องสื่อกองปราบฯ เพื่อขอความเป็นธรรม หลังถูกอดีตสารวัตรประจำหน่วยปราปปรามคดีค้ามนุษย์สับเปลี่ยนผู้ต้องหาแจ้งจับส่งฟ้องศาล จนกระทั่งศาลยกฟ้อง

วันนี้ (1 ส.ค.) ที่กองปราบปราม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้พานายวรพจน์ พิทยธนากุล อดีตนักธุรกิจและเจ้าของกิจการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ซึ่งเคยตกเป็นจำเลยคดีค้ามนุษย์ เข้าร้องทุกข์ต่อสื่อมวลชนประจำ บก.ป.โดยอ้างว่าถูกพนักงานสอบสวน บก.ปดส.(ในขณะนั้น) ปัจจุบันยุบหน่วยงานดังกล่าวไปแล้ว กลั่นแกล้งให้ต้องได้รับโทษทางอาญา โดยร่วมกับพนักงานอัยการสร้างหลักฐานเท็จ จงใจเปลี่ยนตัวผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์

นายวรพจน์กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2551 พนักงานสอบสวน บก.ปดส.ยศ พ.ต.ท.นายหนึ่ง สอบสวนดำเนินคดีต่อตนในข้อหาค้ามนุษย์ ทั้งที่ผู้ต้องหาตัวจริง คือนายราเชนทร์ นิสารัตนาพร ซึ่งมีการให้ผู้เสียสเกตช์ภาพไว้และมีการสอบปากคำไว้ตั้งแต่แรก โดยตนก็ยืนยันมาตลอดว่าไม่ได้เป็นผุ้กระทำความผิด แต่พนักงานสอบสวนคนดังกล่าวกลับยังคงดำเนินคดีต่อตน มีการพาผู้เสียหายมาชี้ตัวและแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน นอกจากนี้ยังร่วมกับพนักงานอัยการสั่งฟ้องคดีต่อศาล

นายวรพจน์กล่าวต่อว่า สำหรับมูลเหตุที่ถูกจับกุมและตั้งข้อหานั้น คาดว่าจะมาจากกรณีที่บุตรชายตนทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ในประเทศอังกฤษ และเปิดเว็บไซต์โดยไม่ได้รับอนุญาต มีการส่งเรื่องกลับมาที่ประเทศไทย ในช่วงเวลาที่ น.ส.นิ่ม (นามสมมติ) ถูกทางการอังกฤษจับกุมตัวหลังจากลักลอบค้าประเวณี ก่อนถูกส่งตัวกลับประเทศไทย ต่อมา น.ส.นิ่มได้แจ้งความไว้ที่ บก.ปดส.ให้ดำเนินคดีต่อนายราเชนทร์กับพวกรวม 6 คน ทั้งๆ ที่พนักงานสอบสวนรู้ดีว่าไม่มีชื่อตน แต่กลับจงใจเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา จากการถูกพิจารณาคดีดังกล่าวตลอด 6 ปี ชีวิตตนต้องสูญเสียทุกอย่างจนหมดสิ้น

“ที่ผ่านมาผมกลายเป็นบุคคลล้มละลาย ถูกตราหน้าว่าเป็นเฒ่าหัวงู ทั้งที่ไม่ได้กระทำผิดใดๆ และที่สุดก็ได้รับความเมตตาจากศาลทั้งศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ซึ่งมีคำพิพากษายกฟ้อง เป็นเวลาประมาณกว่า 1 ปี โดยที่อัยการไม่มีหลักฐานใหม่ที่จะยื่นฎีกาทำให้คดีนี้สิ้นสุดลง ผมก็ตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการที่ทำคดีในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา แต่คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ” นายวรพจน์กล่าว

ขณะที่นายอัจฉริยะกล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นตนอยากร้องเรียนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อคืนความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียหายรายนี้ ที่ผ่านมาเขาไม่สามารถทำงานอะไรได้ เพราะมีประวัติอาชญากรที่ยังไม่ได้ถูกลบออก อย่างไรก็ดี ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ตนจะพาผู้เสียหายเข้าพบ พล.ต.อ.เอก เอกอังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.เพื่อร้องทุกข์และขอให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น