หนองคาย - ตำรวจ สภ.ท่าบ่อ หนองคาย รวบสองหนุ่มขับรถเก๋งตระเวนหาขโมยรถจักรยานยนต์ เลือกเฉพาะคันที่เจ้าของเสียบกุญแจทิ้งไว้ สารภาพนำส่งข้ามโขงขายประเทศลาว
วันนี้ (2 ส.ค.) พ.ต.อ.สมชาย สงวนศักดิ์ภักดี ผกก.สภ.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ร.ต.อ.อัครรินทร์ กุลเสน รองสว.สส.สภ.ท่าบ่อ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายวรพจน์ มลิพันธ์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ 3 ต.หมูม่น อ.เมือง จ.อุดรธานี และ นายสะอาด เกียรตินอก อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 256 หมู่ 1 ต.ด่านศรีสุข อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย พร้อมของกลางรถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสัน สีเทา ทะเบียน กง 4450 หนองคาย รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 110 ไอ 3 คัน สีน้ำเงิน-ขาว สีแดง-ขาว และ สีน้ำเงิน-ดำ ทั้ง 3 คัน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความว่ารถจักรยานยนต์ที่ได้ทำการปรับแต่งเปลี่ยนล้อรถใหม่แล้ว จอดไว้ข้างบ้านถูกคนร้ายขโมยไป ภายหลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ออกติดตามจนพบรถที่ตรงกับผู้เสียหายแจ้งไว้ จอดอยู่ในร้านซ่อมรถจักรยานยนต์แห่งหนึ่งที่บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ สอบถามเจ้าของร้านซ่อมรถ ระบุว่า มี นายวรพจน์ และ นายสะอาด นำรถมาให้ดัดแปลงให้เป็นสภาพเดิม เจ้าหน้าที่จึงติดตามจับกุมทั้ง 2 คน ได้ที่บ้านของนายสะอาด
จากการสอบสวนทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพ โดยนายสะอาด ให้การว่า รู้จักกับ นายวรพจน์ ภายในเรือนจำจังหวัดอุดรธานี หลังจากพ้นโทษในคดีลักทรัพย์ และยาเสพติดมาเมื่อปี 2556 นายวรพจน์ ได้มาหาที่บ้าน ประกอบกับไม่มีงานทำ จึงหวนกลับมาขโมยรถจักรยานยนต์ โดยตนเป็นคนพิการขาลีบ แต่ขับรถเก๋งได้จึงเป็นคนขับรถเก๋งให้ นายวรพจน์ นั่งข้างไปด้วย แล้วตระเวนหารถจักรยานยนต์เลือกเฉพาะยี่ห้อฮอนด้าเวฟ ที่เจ้าของรถเสียบกุญแจทิ้งไว้ เมื่อพบจะให้ นายวรพจน์ ลงไปขี่ออกมา
จากนั้นจะนำรถไปลงเรือที่ อ.สังคม ส่งข้ามแม่น้ำโขงไปยังประเทศลาว ขายได้คันละ 8,000-10,000 บาท แล้วนำเงินมาแบ่งกัน ส่วนรถคันไหนที่ดัดแปลง หรือแต่งรถ ก็จะนำรถไปปรับคืนสภาพเดิมก่อน เพราะหากส่งขายเป็นรถดัดแปลงจะได้ราคาไม่ดี โดยได้ตระเวนขโมยรถในพื้นที่ อ.สระใคร อ.ท่าบ่อ และ อ.ปากคาด ขโมยรถมาแล้วประมาณ 10 คัน
ขณะแถลงข่าวได้มีเจ้าของรถมาติดต่อขอรับรถคืน โดยต่างยอมรับว่า เป็นความประมาทที่เสียบกุญแจรถทิ้งไว้ พร้อมฝากเตือนผู้ใช้รถอย่าลืมถอดกุญแจทุกครั้งที่จอดรถ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาทั้งสองคนร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือร่วมกันรับของโจร แล้วคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป