xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

จาก“ศูนย์ปราบโกง”ถึง“ไม่รับร่าง” ยั่วสร้างกระแสปั่นคะแนนคว่ำรธน.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - มากันเป็นพรืด สำหรับหมู่มวลสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่นัดหมายกันทำอินโฟกราฟฟิกบนเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีเนื้อหาไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เรียกว่า เป็นพวกตัวจี๊ดๆ ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น จาตุรนต์ ฉายแสง, วัฒนา เมืองสุข, ภูมิธรรม เวชชยชัย, ปลอดประสพ สุรัสวดี, ชูศักดิ์ ศิรินิล, ชัยเกษม นิติสิริ, กิตติรัตน์ ณ ระนอง, วัน มูหะมัดนอร์ มะทา, พงศ์เทพ เทพกาญจนา, โภคิน พลกุล, นพดล ปัทมะ, อนุดิษฐ์ นาครทรรพ, วีระกานต์ มุสิกพงศ์, อุดมเดช รัตนเสถียร และชวลิต วิชยสุทธิ์

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่จะพร้อมใจกันทำ เพราะกราฟฟิกแต่ละคนมันถูกทำขึ้นโดยน้ำมือคนๆ เดียวกัน รูปแบบเดียวกัน เนื้อหามุ่งเน้นทิศทางเดียวกัน คือ ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในการทำประชามติ ที่ปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อเลยหนีไม่พ้นแกนนำบางคน ที่วันเดือนปีไม่เคยแตะโซเชียลมีเดีย แต่วันดีคืนดีกลับมีเฟซบุ๊กเป็นของตัวเองหน้าตาเฉย เล่นเป็นหรือเปล่ายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ แต่กลับปรากฏกลับเคลื่อนไหวเสียอย่างนั้น

เอาเป็นว่า มหกรรมไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้ เป็นยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยที่วางเอาไว้เป็นดิบดีแล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่โพล่งออกมาวันเดียวกัน เวลาใกล้เคียงกันแบบนี้ คนไม่ประสีประสาการเมืองเลยยังรู้ทันว่า เตี๊ยมกันมา

เหนือสิ่งอื่นใด พรรคเพื่อไทยคงไม่แคร์อยู่แล้วว่า ใครจะรู้เท่าทันว่านัดกันหรือบังเอิญ เพราะจุดมุ่งหมายที่สำคัญคือ การออกมายั่วประสาทคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยเฉพาะพี่น้อง 3 ป. “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และ “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ยังอารมณ์ค้าง เดือดอยู่กับประเด็นศูนย์ปราบโกงประชามติ ของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พอมาเจอลูกเปรี้ยวเที่ยวล่าสุดของพลพรรคสีแดง เป็นใครก็ฟิวส์ขาด

เพราะของเดิมอย่างประเด็นศูนย์ปราบโกงประชามติ พวกแกนนำนปช. ยังดื้อด้าน กวนประสาทจะตั้งให้ได้ แม้พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์จะคำถามฟ่อไปฉาดใหญ่แล้ว แถมยังประกาศลั่นจะเดินหน้า มาเจอลูกคู่ของพรรคเพื่อไทยอีก ไม่รู้จะแก้เกมอย่างไรทัน 

เรื่องนี้ยากกว่าของนปช. หลายเท่า เพราะศูนย์ประชามติยังแถสีข้างไปได้ว่า เป็นเรื่องคาบเกี่ยวกับความมั่นคง มีคำสั่งหัวหน้าคสช. เรื่องห้ามทำกิจกรรมการเมืองอยู่ พอจะมีเหตุผลในการยุบทิ้ง หรือจับกุม แต่เรื่องการแสดงความคิดเห็นของสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่รู้จะเอากฎหมายตัวไหนไปจับ เพราะไม่มีข้อไหนผิด มาตรา 61 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 เลย

ไม่ใช่การบิดเบือน ปลุกระดม ข่มขู่ ก้าวร้าว รุนแรง หยาบคาย 6 คำ ในกฎเหล็ก ที่สำคัญไม่ใช่การรณรงค์ เพราะแต่ละคนหัวหมอ ย้ำว่า เป็นความเห็นส่วนตัว โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ไม่ใช่มติพรรค เหมือนที่ผู้ที่เกี่ยวข้องเคยย้ำเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น“เนติบริกร”วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย สมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่พูดเอง แสดงความเห็นส่วนตัวไม่ผิด

ถ้าวันนี้นึกคึกอยากจะไปลากตัวมาดำเนินคดีคงถูกคนนินทาหมาดูถูกว่า กลืนน้ำลายตัวเอง ไหนบอกทำได้ แต่กลายเป็นไม่ได้ เหมือนกับที่ นปช. กำลังแดกดัน “บิ๊กตู่”อยู่ทุกวันเรื่องศูนย์ปราบโกง ที่ตอนแรกเย้ยหยันว่าเป็น “อากาศธาตุ”แต่ตอนนี้มาห้ามเสียอย่างนั้น

แน่นอนว่า คสช.รู้เจตนาว่า พรรคเพื่อไทยต้องการอะไร แต่ถามว่าจะไปจับเขาเรื่องอะไร ในข้อหาอะไร ในเมื่อทำในสิ่งที่กฎหมายไม่ได้ห้าม สุดท้ายคงทำได้แค่ตอบโต้ หรือแฉพฤติกรรมเท่านั้น

แต่ที่แน่ๆ แคมเปญล่าสุดนี้ ดึงดูดกระแสความสนใจจากสังคมได้พอสมควร โดยเฉพาะกับการยึดหน้าสื่อไปอีกหลายวันกับกระแสไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เวอร์ชั่นเรียงหน้ากันมาแสดงจุดยืน เป็นการปลุกความสนใจร่างรัฐธรรมนูญ ขึ้นมาอีกครั้ง ให้เป็นประเด็นถกเถียงกัน ไม่ได้หายไปจากความสนใจของสังคม หลังก่อนหน้านี้ดรอปๆ ลงไป ตั้งแต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญได้อีกแล้ว นอกจากการกากบาท ในวันที่ 7 สิงหาคม

เพราะการปล่อยให้กระแส หรือข่าวเงียบไป ไม่เป็นผลดีกับพรรคเพื่อไทยที่ต้องการผล “คว่ำ”มากกว่า “รับ”เพราะการนิ่ง เป็นการโอนความได้เปรียบไปอยู่ในมือ คสช. หรือรอวันตายอย่างเดียว ซึ่งต้องยอมรับว่า โดยนิสัยคนไทยไม่ได้สนใจกับเรื่องรัฐธรรมนูญมากนักว่า เนื้อหาจะเป็นอย่างไร

แม้กระทั่งในการทำประชามติ 7 สิงหาคม นี้ ถ้าเรื่องยังเงียบเชียบแบบนี้ แนวโน้มที่คนไม่ออกไปใช้สิทธิ์จะมีจำนวนมาก น้อยกว่าการเลือกตั้งทั่วไปแน่ เพราะโดยธรรมชาติ คนที่เกลียดชัง คสช. ถ้าไม่มีใครไปชักนำ หรือโน้มน้าว น่าจะนอนอยู่บ้านมากกว่า ไม่ให้ความสำคัญ คนที่ไปส่วนใหญ่คือ คนที่เชียร์ ที่รัก ที่ชอบ “บิ๊กตู่” แต่ถ้าทำให้เกิดกระแสไม่เอา บรรดามวลชนแฟนคลับของตัวเองจะหันกลับมาให้ความสำคัญประเด็นนี้ โดยเชื่อในแนวทางของบุคคลที่ตัวเองชื่นชม ดังนั้น พรรคเพื่อไทยและลูกคู่อย่าง นปช. จำต้องคอยออกมาตีปี๊บ หรือขับเคลื่อนอะไรสักอย่างให้เกิดประเด็น อย่างเช่น ศูนย์ปราบโกงประชามติ และการโพสต์เฟซบุ๊กครั้งนี้

อย่างน้อยๆ พวกแฟนพันธุ์แท้มีโอกาสจะลอกเลียนพฤติกรรม นำไปแสดงจุดยืนในหน้าเฟซบุ๊กตัวเอง เพื่อบ่งบอกถึงความเชื่อตัวเอง ยิ่ง“บิ๊กตู่”หรือ คสช. ออกมาสั่งห้ามเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้คนเหล่านี้ท้าทาย โดยอ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพ และแคมเปญเหล่านี้ไม่หยุดง่ายๆ แน่ การกระตุ้นให้คนสนใจเรื่องร่างรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย และ นปช.จะต้องมีต่อไปเรื่อยๆ ในรูปแบบที่หลีกเลี่ยงช่องทางกฎหมายได้ จนถึงวันทำประชามติ โดยเฉพาะช่วงใกล้ๆ ในเดือนกรกฎาคม น่าจะโหมหนักกว่านี้

ตามทฤษฎีใครดึงกระแสความสนใจของประชาชนในช่วงใกล้ๆ วันลงประชามติได้ คนนั้นมีอิทธิพลในการตัดสินใจของประชาชน มีผลต่อการแพ้ หรือชนะแน่นอน หรือต่อให้สุดท้ายจะแพ้ นาทีนี้พรรคเพื่อไทย คงมองไกลไปกว่านั้น เพียงแค่ขอแพ้แบบไม่ขาด หรือแพ้ในระดับที่มีหลักหลายล้านก็น่าจะเพียงพอต่อการเดินเกมต่อไปแล้ว
 
หมากกระดานนี้ ฝ่ายต้านเล่นกันทั้งองคาพยพ แกนนำพรรคเพื่อไทย แกนนำนปช. หรือแม้กระทั่ง “นายหญิง”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่แม้จะไม่ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่องไม่รับร่างรัฐธรรมนูญกับเขาในวันแรก แต่การอัพเดตกิจกรรมต่างๆ ที่เธอลงไปทำต่างจังหวัด มีคนติดตามเฟซบุ๊กหลายล้านคน ก็เพียงพอที่จะโน้มน้าวมวลชนได้แล้วว่า จะกากบาทแบบไหน
 
ขอให้ประเด็นไม่รับรัฐธรรมนูญ มันอยู่ในกระแส มีอะไรใหม่ๆ มายั่ว คสช.ได้เป็นพอ !



กำลังโหลดความคิดเห็น