xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เปิดข้อกฎหมาย“เด็กแม้ว”โพสต์คว่ำ รธน. หาก“บิ๊กตู่”เอาจริงยุบพรรคแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ด้านบริหารงานเลือกตั้ง
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เครือข่ายบริวารของนายทักษิณ ชินวัตร ยังคงเดินหน้าเปิดแคมเปญบ่อนเซาะความชอบธรรมของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา แกนนำพรรคเพื่อไทย 17 คน ได้พร้อมใจกันโพสต์ข้อความแสดงจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ผ่านทางเครือข่ายสังคมออนไลน์กันอย่างพร้อมหน้า อาทิ นายโภคิน พลกุล นายชัยเกษม นิติสิริ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายปลอดประสพ สุรัสวดี นายวัฒนา เมืองสุข,นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา, นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล นายนพดล ปัทมะ,นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง,นายจาตุรนต์ ฉายแสง, และนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. เป็นต้น

หลังจากเครือข่ายบริวารนายทักษิณเปิดอีเวนต์โพสต์ข้อความไม่รับร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวแล้ว นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี บอกผู้สื่อข่าวว่า ตนไม่มีความเห็น ส่วนจะเข้าข่ายลักษณะชี้นำหรือไม่ ก็ไม่ทราบ เรื่องนี้ควรให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตอบดีกว่า ทั้งหมดอยู่ที่มาตรา 61 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 ใครทำก็ต้องรับผิดชอบตัวเองไป และตามกฎหมายประชามติก็ไม่ได้บอกว่า กกต.เป็นเจ้าทุกข์ ดังนั้นคนอื่นก็อาจจะเป็นได้ แต่บังเอิญเรื่องนี้มีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องโดยตรงที่สุด ก็คือ กกต.

ส่วนนายอุดม รัฐอมฤต โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)มีข้อสังเกต 2 ประการ คือ (1) การเผยแพร่ความเห็นของนักการเมืองเหล่านี้มีลักษณะเป็นการจัดฉากเพื่อการประชาสัมพันธ์เรียกร้องความสนใจ (2) เนื้อหาที่แสดงออกเป็นเรื่องเดิมๆ ที่เคยเผยแพร่มาแล้ว ไม่มีของใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการติเรือทั้งโกลน เหมารวมว่าร่างรัฐธรรมนูญไม่ต้องด้วยความเห็นทางการเมืองส่วนตัวของเขา บางความเห็นไม่ได้ติติงในเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญในส่วนใดที่ชัดเจน และการแสดงความเห็นของบางคนอาจผิดไปจากข้อเท็จจริง ทาง กรธ.จะหารือเพื่อพิจารณาส่งเรื่องให้ กกต.พิจารณาต่อไป

ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ถ้อยคำต่างๆ ที่แกนนำพรรคเพื่อไทยโพสต์ออกมายังอยู่ในขอบเขตที่รับได้ แต่จะต้องพิสูจน์ว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการกระทำโดยตัวบุคคลหรือไม่ หากทำโดยบุคคลโดยไม่ใช้ข้อความที่เท็จ หยาบคาย หรือปลุกระดม ก็ไม่ถือว่าผิด แต่ถ้าทำกันเป็นขบวนการซึ่งโดยพรรคการเมืองหรือพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ดำเนินการภายใต้ผู้บริหารพรรค ไม่ถือว่าผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ แต่หากตรวจพิสูจน์ได้ว่ากรณีนี้มีความเชื่อมโยงกับพรรคเพื่อไทยก็จะผิดคำสั่งของ คสช.ที่ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมือง ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองจะต้องเป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงขั้นยุบพรรคการเมือง

ส่วนที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมองว่าเนื้อหาที่โพสต์ของสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคนมีข้อความที่บิดเบือนเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญก็สามารถส่งเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบได้หรือจะไปแจ้งความดำเนินคดีเองก็สามารถทำได้

ขณะที่นายอมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษก กรธ.เห็นว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุชัดเจนว่าผู้ที่โพสต์นั้นมีความผิดตามกฎหมายหรือไม่ เพราะเป็นการแสดงความเห็นส่วนตัว แต่อยากฝากเตือนผู้ที่แชร์ข้อความดังกล่าวต่อไปให้ระวัง หากมีการเติมแต่งข้อความ หรือแสดงความเห็นต่อเนื่องและบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงอาจมีความผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ประชามติได้ซึ่งมีโทษหนักจำคุกถึง 10 ปี ปรับ 2 แสนบาท

จะเห็นว่า ฝ่ายที่ควรจะเป็นเจ้าทุกข์กรณีนี้กลับยังไม่มีใครกล้าฟันธงว่าการยกโขยงกันออกมาตีแสกหน้าการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ผิดกฎหมายหรือไม่

อย่างไรก็ตาม หากมีการใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฯ มาวิเคราะห์ ก็พอจะมองออกว่าพฤติการณ์ของเครือข่ายบริวารนายทักษิณครั้งนี้ผิดกฎหมายหรือไม่

โดยเฉพาะ มาตรา 61 ของ พ.ร.บ.นี้ที่บัญญัติขึ้นมาเพื่อให้การออกเสียงประชามติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปราศจากเหตุวุ่นวาย ไม่มีการข่มขู่และชี้นำใด ๆ และมีการกำหนดโทษผู้ก่อความวุ่นวายเอาไว้ โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท และศาลอาจสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดไม่เกิน 5 ปีด้วยก็ได้(มาตรา 61 วรรคสาม)

และหากการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดของคณะบุคคลตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี(มาตรา 61 วรรคสี่)

ทั้งนี้ มาตรา 61 วรรคสอง ได้ระบุว่า “ผู้ใดดำเนินการเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียง ในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือในช่องทางอื่นใด ที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย”

หากย้อนไปดูข้อความที่แกนนำพรรคเพื่อไทยได้พร้อมใจกันโพสต์ทางโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ก็จะเห็นว่า หลายข้อความส่อว่าจะผิดมาตรา 61 วรรคสอง เพราะมีหลายข้อความอาจเข้าข่าย “ผิดไปจากข้อเท็จจริง”

ยกตัวอย่าง ข้อความของนายชัยเกษม นิติสิริ ที่ระบุว่า “ร่างฉบับนี้ร่างขึ้นโดยขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนจึงมีบทบัญญัติที่ลิดรอนสิทธิและอำนาจของประชาชนหลายประการ” ขณะที่คำปรารภ วรรคสี่ ของร่างรัฐธรรมนูญ ระบุข้อความตอนหนึ่งว่า “คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญได้สร้างความรับรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนในหลักการและเหตุผลของบทบัญญัติต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ เปิดโอกาส ให้ประชาชนเข้าถึงร่างรัฐธรรมนูญและความหมายโดยผ่านทางสื่อต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง และให้ ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาสารัตถะของร่างรัฐธรรมนูญด้วยการเสนอแนะข้อควรแก้ไขเพิ่มเติม…”

คำปรารภ วรรคสาม ของร่างรัฐธรรมนูญ ได้ระบุถึง “การรับรอง ปกป้อง และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยให้ชัดเจนและครอบคลุมอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น โดยถือว่าการมีสิทธิเสรีภาพเป็นหลัก การจำกัดตัดสิทธิเสรีภาพเป็นข้อยกเว้น” แต่ข้อความของนายภูมิธรรม เวชยชัย และนายวัฒนา เมืองสุข กลับอ้างว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่เบียดบังและลดทอนอำนาจประชาชน ขาดหลักประกันสิทธิเสรีภาพ

คำปรารภ วรรคสาม ยังได้ระบุถึง “หลักความสุจริต หลักสิทธิมนุษยชน และหลักธรรมาภิบาล อันจะทำให้สามารถขับเคลื่อนประเทศให้พัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างเป็นขั้นตอนจนเกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ทั้งในทางการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ และสังคมตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” แต่นายปลอดประสพ สุรัสวดี กลับบอกว่า “ไม่เป็นประชาธิปไตยตามมาตรฐานสากล ผมรับไม่ได้ เพราะลูกหลานจะเดือดร้อนไปอีกยาวนาน”

ดังนั้น การโพสต์ข้อความของนายชัยเกษม นายภูมิธรรม นายวัฒนา นายปลอดประสพ จะเข้าข่ายมีความผิดฐานเผยแพร่ข้อความที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง หรือไม่

และการนัดกันยกโขยงออกมาโพสต์ข้อความครั้งนี้จะเข้าข่ายเป็นการจัดกิจกรรมพรรคการเมืองหรือไม่ แม้แต่ละคนจะอ้างว่า เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัว แต่ทุกคนก็ล้วนเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น ทั้งยังมีความคิดเห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และอยู่ภายใต้การบงการของคนคนเดียวกัน

นี่เป็นอีกประเด็น ที่หาก คสช.จะเอาจริง พรรคการเมืองของนายทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่น่าจะรอดจากการถูกยุบอีกครั้ง



กำลังโหลดความคิดเห็น